บทที่ 16 ถูกเรียกว่าโจร
บทที่ 16 ถูกเรียกว่าโจร
เซี่ยชิงหยากลับบ้านก็เพื่อเตรียมอาหารกลางวันบ่ายนี้ยังต้องไปรับต้นกล้าและฟางข้าวอีก
กระดูกหมูใหญ่ที่นำกลับมาจากเมืองเมื่อวานนี้ได้แช่ไว้หนึ่งวันแล้ว เซี่ยชิงหยาจุดไฟต้มน้ำนำกระดูกหมูใหญ่ไปลวกก่อนโดยปกติแล้วอากาศแบบนี้คงไม่เสีย แต่บ้านนี้มีเด็กจึงต้องพิถีพิถันหน่อย
มองเห็นกระดูกหมูใหญ่ที่ติดเนื้อบางๆ นั้นเซี่ยชิงหยาก็อดนึกถึงก๋วยเตี๋ยวกระดูกหมูที่ตนเคยกินในชาติก่อนไม่ได้น้ำซุปสีแดงเข้มกัดเนื้อหนึ่งคำช่างอร่อยเหลือเกิน
แต่ตอนนี้ที่บ้านไม่มีใบกระวาน ดอกจันทน์ จึงสามารถทำได้แค่เพียงวิธีการปรุงอาหารที่ง่ายที่สุด
ซุปกระดูก
เซี่ยชิงหยาคิดแล้วคิดอีกก็หยิบกระดูกหมูใหญ่หนึ่งชิ้นใส่ในชามดิน
สั่งให้จี้เฉียนคุนเฝ้าไฟแล้วก็เดินไปยังบ้านของป้าหยุนหลาน
แต่ละครอบครัวต่างเริ่มทำอาหารหมู่บ้านเล็กๆ นี้จึงเต็มไปด้วยควันไฟ
บ้านของป้าหยุนหลานยังไม่เริ่มทำอาหาร
“ป้า— ป้า—”เซี่ยชิงหยายืนอยู่หน้าประตูเรียกสองสามครั้ง
ป้าหยุนหลานก็โผล่หน้าออกมาจากสวน เห็นเซี่ยชิงหยาจึงรีบวิ่งไปเปิดประตูยิ้มแย้มแจ่มใส“สะใภ้จี้ข้ากำลังถอนต้นกล้าอยู่ คิดว่าเจ้ายังไม่มาเลยจะส่งไปให้”
“ป้าใจดีจังข้าก็ไม่ขอรับเปล่าๆ หรอกกระดูกหมูใหญ่นี่เป็นของที่ข้าขายหมูได้ไม่ได้ใช้เงินซื้อและก็ไม่ได้ติดเนื้อมาก ป้าเอาไปต้มซุปดื่มก็น่าจะอร่อยดี” เซี่ยชิงหยายื่นชามดินให้
ป้าหยุนหลานรับชามดินไปและนำเข้าไปในบ้าน
นางก็ไม่ใช่คนเรื่องมากพร้อมกับส่งชามเปล่าคืนให้กับเซี่ยชิงหยากล่าวว่า “งั้นช่วยป้าถอนหน่อยนะต้องใช้เยอะ ต้องเลี้ยงไก่ เป็ด ห่าน อีกยี่สิบตัวต้องปลูกผักเยอะหน่อย”
เซี่ยชิงหยายิ้มรับ
ป้าหยุนหลานเป็นคนจริงใจ
รับของแล้วไม่เคยทำให้เสียเปรียบการคบค้าสมาคมกับคนเช่นนี้จึงสบายใจ
หลังจากถอนต้นกล้าเสร็จเซี่ยชิงหยาก็ไปรับฟางข้าวมาอีกหลายมัด ฟางข้าวเป็นของไม่ค่อยมีค่าป้าหยุนหลานยัดเยียดให้จนสุดท้ายก็ต้องส่งเซี่ยชิงหยากลับถึงบ้าน
“สะใภ้จี้ ข้ายังไม่รู้ว่าจะเรียกชื่ออะไรเลย”ป้าหยุนหลานกล่าว
คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่ไม่ร่ำรวยจึงมักจะขี้เหนียวกัน คนใจกว้างแบบนี้มีเพียงสะใภ้จี้คนเดียว ป้าหยุนหลานจึงอดไม่ได้ที่จะถาม
“ข้าชื่อชิงหยา นามสกุลเซี่ย”เซี่ยชิงหยาตอบ
“งั้นต่อไปป้าจะเรียกเจ้าว่าเสี่ยวหยานะ เป็นชื่อที่ดี ดอกตูม เมื่อดอกตูมโตขึ้นเท่านั้นจึงจะเติบโตเป็นต้นกล้าและผักได้”ป้าหยุนหลานชื่นชมอย่างยิ่ง
เซี่ยชิงหยาอดหัวเราะไม่ได้
ความหมายของชื่อของนางก็คือผักแต่ดูเหมือนจะมีความหมายถึงความหวังด้วย
เมื่อมาถึงหน้าประตูบ้านจี้ ป้าหยุนหลานเพิ่งช่วยวางฟางข้าว ต้าหยากับเอ้อร์หยาก็วิ่งกลับมา ด้านหลังมีเด็กผู้ชายวิ่งตามมา
“ขโมยเงินอย่าหนี”
“เงินของแม่ข้าเป็นพวกเจ้าขโมยไป”
“ถ้าไม่ใช่พวกเจ้า พวกเจ้าจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อเมล็ดทานตะวันรีบเอามาคืน”
เด็กผู้ชายวิ่งเร็วมากยังตะโกนเสียงดัง
ต้าหยาปิดหูลากเอ้อร์หยาวิ่ง เอ้อร์หยาตัวกลมวิ่งไม่ทันพลาดล้มลุกไม่ขึ้น
“อย่าตีข้า เอ้อร์หยาไม่ได้ขโมยเงินจริงๆ ไม่ได้ขโมยเงิน......”เอ้อร์หยากอดหัวตัวสั่น
มีมือที่อ่อนโยนช่วยพยุงเอ้อร์หยาขึ้น
เอ้อร์หยาเงยหน้าขึ้นมอง“แม่!”
ใบหน้าของเซี่ยชิงหยาเปลี่ยนเป็นดุร้ายตะคอกใส่เด็กผู้ชาย“พวกเจ้าทำไมถึงกลั่นแกล้งต้าหยากับเอ้อร์หยา พวกเจ้าเป็นลูกใคร ข้าจะไปหาพ่อแม่พวกเจ้ามาถามความจริง!”
เด็กน้อยทั้งหลายที่กำลังจะวิ่งหนีต่างก็ยื่นลิ้นออกมาอย่างกะล่อน
แต่หนึ่งในนั้นขยับตัวไม่ทันถูกเซี่ยชิงหยาคว้าได้เสียก่อน
โชคดีที่เป็นลูกของตระกูลจี้
จี้ซานเป่าอายุไล่เลี่ยกับต้าหยาเพียงแต่เล็กกว่า เพียงหนึ่งปีเขายังคงน้ำมูกน้ำตาไหลทั้งกลัวและพยายามดิ้นรนหวังจะหลุดพ้นจากมือของเซี่ยชิงหยา “ปล่อยข้าปล่อยข้า!พวกเจ้าเป็นขโมย ข้าจะบอกให้พ่อของข้าตัดมือพวกเจ้า!”
“ใครเป็นขโมยกันแน่!”เซี่ยชิงหยาจ้องมองจี้ซานเป่าถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว“เป็นเจ้าหรือไม่ที่ไปรังแกต้าหยากับเอ้อร์หยาพูดมา!”
เสียงสุดท้ายของเซี่ยชิงหยาดังขึ้นสูงทำเอาจี้ซานเป่าสะดุ้ง
เซี่ยชิงหยายกแขนขึ้น
จี้ซานเป่าคิดว่า เซี่ยชืงหยาจะตีเขาเขานึกถึงภาพที่เห็นต้าหยากับเอ้อร์หยาถูกตีจึงรีบก้มหน้าสารภาพ“เป็นแม่ของข้าแม่ของข้าสั่งให้ข้าไปทวงเงินจากสองคนนั้น แม่บอกว่าเงินของนางหายไปคงเป็นน้าสะใภ้ที่เอาไป น้าสะใภ้เป็นคนเลวเป็นคนใจดำ!”
“หยุดเถอะ!”จี้เฉียนคุนเดินออกมาแล้ว
เขาคว้าตัวจี้ซานเป่าจากมือของเซี่ยชิงหยาเหมือนกับจับกบแล้วลากไปที่บ้านหลังเก่า
“เสี่ยวหยาไปเร็วสามีของเจ้ากำลังปกป้องเจ้า เจ้าก็ต้องเข้มแข็งถ้าไม่เช่นนั้นพี่สะใภ้ของเจ้าคอยอาศัยความโปรดปรานของพ่อแม่สามีมารังแกเจ้าบ่อยๆ แล้วลูกๆจะโดนใส่ร้ายได้อย่างไรไปเถอะไปเร็วๆ”ป้าหยุนหลานพูดกับเซี่ยชิงหยาพร้อมกับผลักหลังนาง
เซี่ยชิงหยาจึงรีบจับมือต้าหยากับเอ้อร์หยาตามหลังจี้เฉียนคุน
“จำไว้ต่อไปนี้ถ้าใครมาด่าพวกเจ้าก็ด่ากลับไป ถ้าด่าไม่ได้ก็ตีคนปากเสียคนนั้นถ้าเกิดเรื่องขึ้น พ่อแม่จะรับผิดชอบเอง”เซี่ยชิงหยาพูดอย่างรวดเร็ว
ต้าหยาก้มหน้าขนตาสั่นไปมา
ก่อนหน้านี้แม่ไม่ยอมให้พวกนางทะเลาะกับต้าเป่า เอ้อเป่าหรือซานเป่าห้ามเถียง
หรือว่าตอนนี้แม่ท้องไม่ได้จึงหันมาใส่ใจลูกสาวทั้งสองคนแล้วจริงๆ?
ด้านเซี่ยชิงหยาพาบุตรสาวทั้งสองมาถึงบ้านหลังเก่าแล้ว
จี้เฉียนคุนกำลังจะถีบประตู
ช่วงเที่ยงวันเขายังคงอยู่ที่บ้านเขาถีบประตูหลายครั้ง แม่เฒ่าจี้จึงออกมาเปิดประตูเห็นว่าเป็นจี้เฉียนคุนจึงตบขาตัวเองพูดว่า “เจ้า เจ้าจะทำอะไรจะแยกบ้านก็แยกไปแล้ว ไก่ก็ให้พวกเจ้าไปแล้ว พวก...ลูกสาวที่ไร้ประโยชน์...”
จี้เฉียนคุนเหลือบมองอย่างเย็นชาแม่เฒ่าจี้จึงเงียบกริบ
นางเบ้ปากพูดด้วยความเสียดาย“ไก่ก็ให้พวกเจ้าไปกินแล้วจะเอาอะไรอีก...”
“เรียกพี่สะใภ้มา”จี้เฉียนคุนพูดแล้วโยนซานเป่าที่อยู่ในมือลงไปในลานบ้านของตระกูลจี้ ซานเป่ากระแทกพื้นทั้งร้องไห้เพราะถูกอุ้มมาตลอดทาง
“ฮือๆๆ...แม่ช่วยด้วย”
“เกิดอะไรขึ้นอีกแล้ว”แม่เฒ่าจี้ตบขากัดฟันด้วยความโกรธแต่ก็ตะโกนเข้าไปในบ้าน“สะใภ้ใหญ่ออกมา!”
ขณะนี้เซี่ยชิงหยาที่เข้ามาถึง เริ่มตะโกน
“เมื่อวานขโมยของที่แยกบ้าน วันนี้มากล่าวหาว่าพวกเราขโมยเงิน นี่จะไม่ให้พักเลยรึไง...”
“อย่าโวยวาย อย่าโวยวาย ยังขายหน้าไม่พออีกหรือ”ใบหน้าของแม่เฒ่าจี้บิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ
ตระกูลจี้เคยมีชื่อเสียงในหมู่บ้านแต่สามวันมานี้ถูกคนนินทาเยอะกว่าทั้งชีวิต สามวันมานี้หูของนางคันมากถึงกับจามบ่อยๆ
“แม่ไม่ใช่พวกเราที่หาเรื่อง ข้าถูกกล่าวหาว่าเป็นขโมยหลานชายคนโปรดของแม่วิ่งไล่ตามต้าหยากับเอ้อร์หยาด่าพวกนาง ลูกๆ ของเราไม่มีเกียรติรึไง วันนี้ถ้าสะใภ้ใหญ่ไม่แก้ไขเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ทั้งหมู่บ้านจะรู้ว่าปากของสะใภ้ใหญ่เป็นอย่างไร ดูสิต่อๆ ไปใครจะกล้าแต่งลูกสาวให้กับต้าเป่า เอ้อเป่า ซานเป่า”
เซี่ยชิงหยาหัวเราะเยาะคำพูดของนางเต็มไปด้วยการขู่เข็ญ
“เจ้า เจ้า เจ้า...”แม่เฒ่าจี้โกรธจนพูดไม่ถูกแต่ชั่วคราวนางหาคำแก้ตัวไม่ได้จึงรอให้เหมาจื่อออกมา
“แม่เกิดอะไรขึ้นพ่อเพิ่งหั่นเนื้อให้ต้าเป่า ข้ากำลังจะผัดเนื้อ”เหมาจื่อบิดเอวเดินออกมาหวังจะแสดงความดีในช่วงที่กลับมาบ้าน
“ปัง!”แม่เฒ่าจี้ตบหน้าเหมาจื่อชี้ไปที่หน้าของนางพูดด้วยเสียงสั่น“ต่อไปนี้ถ้าหลานชายสุดที่รักของข้าแต่งงานไม่ได้ก็โทษปากของเจ้า”
“แม่เกิดอะไรขึ้น”เหมาจื่องงและรู้สึกอับอาย