บทที่ 14 ความจริงเป็นแบบนี้
บทที่ 14 ความจริงเป็นแบบนี้
รุ่งเช้าของวันที่สอง
เซี่ยชิงหยา คิดถึงเรื่องราวในใจ จึงตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่
นางกลัวว่าเอ้อร์หยา ตัวน้อยๆ จะแอบกินซุปไก่ที่เย็นลงไปแล้วน้ำมันเยิ้มๆ นั้นอาจทำให้ท้องเสียได้
นางเดินออกมาเห็นต้าหยากับเอ้อร์หยา สองพี่น้อง กำลังหลับสนิท ใบหน้าเล็กๆ นั้นช่างน่ารักอบอุ่น นางรู้สึกอบอุ่นใจ ก่อนจะผลักประตูออกไป ผ่านสายลมเย็นๆ ในยามเช้า
จี้เฉียนคุน กำลังนั่งยองๆ อยู่บนพื้น ในบริเวณบ้าน เต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ที่เขาตัดมาจากภูเขา
หมู่บ้านริมทะเลไม่มีภูเขาต้องเดินอ้อมผ่านหมู่บ้านสองสามหมู่บ้านถึงจะเจอภูเขาลูกเล็กๆ
เขาต้องตื่นแต่เช้าขนาดนี้เลยรึเนี่ย!
เซี่ยชิงหยากำลังรู้สึกแปลกใจอยู่ จู่ๆ จี้เฉียนคุนก็หันกลับมาสายตาของทั้งสองคนประสานกัน
"เงียบๆ" เซี่ยชิงหยาทำท่าทางปิดปาก
จี้เฉียนคุนพยักหน้าอย่างเข้าใจ
ทั้งคู่ต่างไม่อยากปลุกเด็กๆ ให้เด็กๆนอนหลับสบายต่อความอบอุ่นของผ้าห่มในฤดูหนาว ช่างน่าหลงใหลเสียจริง
"วันนี้ข้าไปขอลาจากโรงงานก่อสร้างแล้วข้าจะสร้างโรงเรือนติดกับห้องครัวเผื่อเวลาฝนตกจะได้ทำอาหารได้และข้าจะกั้นรั้วรอบบ้านทำประตูด้วย" จี้เฉียนคุนพูดเบาๆขณะที่เซี่ยชิงหยาเดินเข้ามาใกล้
ดวงตาของเซี่ยชิงหยาส่องประกาย
ถ้ากั้นรั้วแบบนี้พื้นที่ว่างหน้าบ้านก็จะกลายเป็นลานบ้านเล็กๆไม่ใช่เพียงแค่บ้านหินหลังเดียวดายนางคิดถึงกำแพงรั้วของหมู่บ้านส่วนใหญ่จะเป็นกำแพงเตี้ยๆเพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงจะมาทำลายต้นกล้าในสวนของตัวเอง
นางนำเสนอความคิดเล็กๆน้อยๆ"รั้วสูงหน่อยแบบนี้คนก็จะข้ามเข้ามาไม่ได้"
"อืม" จี้เฉียนคุนก้มหน้าก้มตาทำงานกำลังตัดกิ่งไม้เล็กๆออกจากต้นไม้เขาไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีเส้นผมหลุดร่วงลงมา
สายลมพัดผ่านเส้นผมซุกซนของเขายิ่งทำให้เขาดูขยันหมั่นเพียรยิ่งขึ้น
"ผู้ชายที่ตั้งใจทำงานช่างดูหล่อจริงๆ"
สามีราคาถูกก็มีเสน่ห์อยู่บ้างเหมือนกัน
มุมปากของเซี่ยชิงหยา ยกขึ้นสูง"ข้าไปทำอาหารนะ"
จุดไฟนวดแป้ง
อากาศยังเย็นกินอะไรอุ่นๆจะได้ไล่ความหนาวเย็นในตอนเช้าออกไป
นางหยิบไก่ที่เก็บมาจากบ้านเก่าใส่ลงในหม้อต้มทั้งไก่ทั้งน้ำซุปจากนั้นตักไก่ออกมาวางในถาดฉีกเนื้อไก่สองชิ้น ใส่ในชามเล็กๆพร้อมกับเส้นไก่
แล้วเริ่มขั้นตอนต่อไป
แป้งที่แบ่งมาไม่ค่อยดีนักเป็นแป้งหยาบๆไม่ใช่แป้งละเอียดสีขาวแต่เซี่ยชิงหยาก็ไม่เลือกมากในยุคนี้ มีอะไรกินก็ดีแล้ว
ลูกชิ้นแป้งถูกหย่อนลงในน้ำซุปไก่และลอยขึ้นมาบนผิวน้ำภายในไม่กี่วินาที
"มากินกันเถอะ"
เซี่ยชิงหยาเรียกจี้เฉียนคุน
นางลองซดน้ำซุปไก่หวานอร่อยแป้งหยาบก็เคี้ยวหนึบหนับและเนื้อไก่นั้นก็ช่างหอมหวานเช้าๆกินน้ำซุปไก่กับลูกชิ้นแป้งช่างรู้สึกสดชื่น
จี้เฉียนคุนล้างมือแล้วก็มานั่งกินข้าวเช้าด้วยกัน
ทั้งคู่กินข้าวอย่างเงียบๆและต่างรู้สึกพึงพอใจ
"ที่เหลืออุ่นบนเตา ข้าจะไปหาป้าหยุนหลานถามเรื่องการตีปุยฝ้าย เด็กๆ ตื่นแล้วให้กินน้ำซุปไก่กับลูกชิ้นแป้งนี้"
"อืม"
เซี่ยชิงหยาพูดจบก็ลุกขึ้นไปเอาตะกร้าในตะกร้ามีผ้าคลุมอยู่
จี้เฉียนคุนไม่ได้ถามอะไรเพียงก้มหน้าทำในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ
เซี่ยชิงหยามุ่งหน้าไปยังบ้านของป้าหยุนหลานระยะทางประมาณแค่ไม่กี่ร้อยเมตร
ตอนนี้ฟ้าสว่างแล้วแดดส่องแสงอบอุ่นลงมา
ป้าหยุนหลานเป็นหญิงม่าย บ้านของนางจึงมีคนอยู่มากผู้หญิงหลายคนว่างงานชอบมานั่งทำงานในบ้านของนางมีคนหนึ่งกำลังเย็บซ่อมแหอีกสองคนกำลังถือข้าวต้มกินพร้อมคุยกันไปด้วย
เซี่ยชิงหยาได้ยินชัดเจนว่าพวกเขากำลังพูดถึงบ้านจี้
นางจึงค่อยๆชะลอฝีเท้าลง
"เมื่อวานนี้บ้านจี้วุ่นวายไปถึงกลางคืนพวกเจ้ารู้หรือเปล่า?"
"โอ๊ยเมื่อวานข้าไปขายไข่ที่เมืองพวกเจ้าเล่าสิ!"
"ให้ข้าเล่า ให้ข้าเล่า ข้าเห็นกับตาตัวเองลูกสะใภ้คนโตและลูกสะใภ้คนเล็กลักของจากบ้านลูกสะใภ้คนรองมา แต่ลูกสะใภ้คนรองเอาคืนหมดได้ยินว่าลูกสะใภ้คนโตถึงกับเป็นลมแต่ตอนกลางคืนเป็นยังไงพวกเราไม่รู้?"
เสียงซุบซิบของพวกนางดังมากดูเหมือนพวกนางไม่ได้คิดว่าเซี่ยชิงหยาจะมาที่นี่
เซี่ยชิงหยาก็หยุดฝีเท้าและตั้งใจฟัง
นางก็อยากรู้เหมือนกันว่าเมื่อคืนนี้วุ่นวายอะไร
เมื่อคืนเหมือนว่านางจะขอให้จี้เฉียนคุนไปที่บ้านเก่าเพื่อขอคำอธิบาย
ขณะนั้น สะใภ้เล็กได้เอ่ยขึ้นพร้อมกับตบต้นขาตนเองอย่างหนัก "ลูกคนรองของตระกูลจี้ นั้นเป็นคนดื้อรั้นเหลือเกิน แค่เรื่องลูกสาวของเขาหัวแตก เท่านั้น แม่เฒ่าจี้ก็แค่เอ่ยปากช่วยเหลือบุตรชายคนโตเพียงเล็กน้อย เขาก็เข้าไปเตะโต๊ะเก้าอี้กระจายไปทั่วเรือน เสียงดังกึกก้องจนพวกเรายืนอยู่ข้างนอกยังคิดว่าบ้านกำลังถล่มลงมาเลยทีเดียว"
"อะไรนะลูกชายคนรองปกติเป็นคนเงียบๆทำไมถึงกล้าแบบนี้?"
“เรียกว่าชายชาตรีแท้ๆ ที่ปกป้องภรรยาและลูกของตนเอง ฟังข้าเล่าต่อนะ ลูกชายคนรองของตระกูลจี้ นั้นทะเลาะกับพ่อแม่ตนเอง บอกว่าเมื่อครั้งเกณฑ์ทหารทำไมถึงเลือกเขา ตอนนั้นสลากจับชื่อกันถึงสองครั้ง ครั้งแรกเป็นบุตรชายคนโต แต่เขากล่าวว่าไม่อยากทิ้งภรรยาและลูก ครั้งที่สองเป็นบุตรชายคนที่สาม แต่แม่เฒ่าจี้กล่าวว่าบุตรชายคนที่สามยังเด็กเกินไป ออกไปรบก็คงไม่รอด จึงให้บุตรชายคนที่สองไปแทน”
"กลายเป็นว่ามีเรื่องแบบนี้อยู่เบื้องหลังข้าว่ายายจี้ไม่ควรลำเอียงแบบนี้"หญิงชราที่กำลังซ่อมแหลืมซ่อมแหไปเลย
ลูกสะใภ้คนเล็กเลียริมฝีปากแล้วพูดต่อ"เอาเป็นว่าวุ่นวายกันใหญ่ ลูกชายคนรองบอกว่าเขาเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงเพื่อครอบครัวแต่พวกเขากลับไม่ดูแลภรรยาและลูกของเขา พ่อเฒ่าจี้เลยให้เงินไปบ้างแม่ยายจี้ตุ๋นน้ำซุปไก่ให้หลานกิน"
เซี่ยชิงหยาได้ยินคำพูดเหล่านี้จึงเข้าใจสาเหตุ
เขาไม่ได้บอกอะไรเลย ...
"ชิงหยามายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้"
ขณะนั้นหญิงชราอีกคนถือตะกร้าเข็มเดินมาเห็นเซี่ยชิงหยาก็เลยถามขึ้น
ทันทีนั้นทุกคนในบ้านของป้าหยุนหลานก็เงียบเหมือนถูกปิดปากและเริ่มแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
"วันนี้อากาศดีแดดร้อนจนข้าเหงื่อออกเลย"
"แหนี่ซ่อมยากเหมือนมีวัววิ่งผ่าน"
"โอ๊ยข้ากินเสร็จแล้วข้าต้องกลับไปล้างจาน"
หลังจากเซี่ยชิงหยาถือตะกร้าเดินเข้าบ้านนอกจากหญิงชราที่ถือตะกร้าเข็มเดินตามเข้ามาในบ้านเหลือเพียงคนที่ซ่อมแหกับป้าหยุนหลาน
"ภรรยาของจี้เฉียนคุนวันนี้มีเวลาว่างมาหาด้วยเรื่องอะไรหรือ"
เซี่ยชิงหยามองไปที่หญิงชราที่พันผ้าสีน้ำเงินบนศีรษะหน้ายาวยิ้มแย้มนึกได้ว่าเคยพบกับนางตอนที่นางพบกับวังมังกรในวันนั้นบนชายหาดนางยังทักทายกับนาง
"ป้าข้าอยากจะถามเรื่องบางอย่าง ข้าซื้อฝ้ายมาอยากจะหาคนปั่นฝ้ายได้ยินว่าป้ามีญาติทำอาชีพนี้ช่วยข้าถามหน่อยว่าราคาเท่าไหร่"
พูดจบเซี่ยชิงหยาก็ส่งของในตะกร้าให้"อันนี้ฝากป้าชิม"
ป้าหยุนหลานก้มลงดู
ในตะกร้าเป็นปลาแห้งนางปฏิเสธไปสองสามครั้ง
แต่เห็นเซี่ยชิงหยาทำท่าเหมือนจะโกรธจึงรู้ว่านางตั้งใจให้ของจริงๆจึงรับตะกร้ามานำปลาแห้งในตะกร้าออกไปแขวนไว้ที่ตะขอในบ้านแล้วจึงส่งตะกร้ากลับให้เซี่ยชิงหยา
"ญาติของข้าปั่นผ้านวมหนึ่งผืนราคา 80 เหวินหรือข้าวที่มีมูลค่าเท่ากันข้าวกล้องข้าวสารก็ได้ ถ้าเจ้าตกลงกับราคานี้พอดีข้าว่างวันนี้ข้าไปด้วยกันเลยบ้านเขาอยู่ที่หมู่บ้านข้างๆ"
ป้าหยุนหลานหัวเราะเบิกบานดูเหมือนว่าปลาแห้งจะถูกใจนาง
"ขอบคุณท่านป้า ข้าจะกลับบ้านไปเอาฝ้ายก่อน"เซี่ยชิงหยาพูดจบก็รีบวิ่งออกไปทันที
ผ้านวมเนื้อนุ่มหอมอบอวลไปด้วยกลิ่นแดดนางตั้งตารอมาก