ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 1183 ความก้าวหน้าที่รวดเร็ว (อ่านฟรี)
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 1183 ความก้าวหน้าที่รวดเร็ว (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
ดวงตาบนท้องฟ้าแตกสลายและหายไปพร้อมกันผู้หญิงคนนั้น มันเหมือนเชือกขาด
เทพราหูเสี่ยวหมิงเม้มริมฝีปากและไม่กล่าวสิ่งใด
ร่างกายของเขาหดเล็กลงด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า รูปร่างหน้าตาของเขาดูเด็กลงมากและหดหู่มากขึ้น
ร่างของกู่เยี่ยนหยินแกว่งไปมาก่อนจะล้มไปข้างหน้า หลี่ฉิงซานรีบวิ่งเข้ามาคว้านางไว้ “เจ้าสบายดีหรือไม่?” จากนั้นเขาก็ถามเทพราหูเสี่ยวหมิงอย่างดุเดือดว่า “นี่มันเรื่องใดกัน!?”
กู่เยี่ยนหยินส่ายศีรษะและกล่าวด้วยความตระหนักรู้ว่า “ดังนั้นข้าก็เป็นเครื่องสังเวย”
เดิมทีนางกับหลี่ฉิงซานไม่มีแผนการที่จะเปลี่ยนตัวเองเป็นอสูร แม้พวกเขาจะต้องการเป็นอสูร พวกเขาก็จะไม่ใช่วิธีเช่นนี้
เทพราหูเสี่ยวหมิงเป็นคนบอกให้นางยืนอยู่บนภูเขาศพ เขาบอกว่ามันเป็นการแสดงอำนาจของนางในฐานะผู้นำกองทัพอสูร แต่ในความเป็นจริงมันเป็นการดึงจิตสำนึกของศัตรูที่ไล่ล่าเทพราหูเสี่ยวหมิงออกมาและยึดครองร่างของนาง
ภูเขาศพมีจุดประสงค์บางอย่าง อย่างน้อยมันก็สามารถหลอกนาง
เทพราหูเสี่ยวหมิงกล่าว “สายเลือดของข้าเชื่อมโยงกับนาง หากข้าไม่สามารถลบร่องรอยและปิดบังความลับสวรรค์ นางจะสามารถตามหาข้าได้ไม่ว่าข้าจะอยู่ที่ใดก็ตาม”
หลี่ฉิงซานโกรธจัด “เจ้าใช้พวกเราเป็นเหยื่อล่อ! ข้าควรปล่อยให้นางพบเจ้าและฆ่าเจ้าซะ!”
“เจ้าคิดว่านางจะไม่กำจัดพวกเจ้าเมื่อนางพบและฆ่าข้างั้นหรือ? นางสามารถทำลายโลกใบนี้โดยตรงจากพิภพอสูร ไม่มีผู้ใดสามารถหลบหนีไปได้” เทพราหูเสี่ยวหมิงสัมผัสไม้หนังสติ๊กเสี่ยวอี้ที่เอวของเขาราวกับเขาสูญเสียบางอย่าง
“เช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าตอนนี้และแก้ไขปัญหาทั้งหมด!” หลี่ฉิงซานยกดาบจุดจบบุปผาคลั่งขึ้น
“ฉิงซาน” กู่เยี่ยนหยินคว้ามือที่ถือดาบของเขาไว้ “ข้าสบายดี เจ้าสามารถพูดได้ว่าพรมาพร้อมกับภัยพิบัติ!”
ปรากฎว่าเมื่อขนของคุนเผิงตัดจิตสำนึกของเทพอสูรเกตุ เศษเสี้ยวเจตจำนงของมันก็ผสานเข้ากับจิตวิญญาณของกู่เยี่ยนหยิน ภายใต้การปราบปรามของโลกใบนี้ นางไม่สามารถบอกได้ว่ามันมีประโยชน์ใดหรือไม่ แต่นางได้รับความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับมรดกที่อยู่ภายในขนของคุนเผิง
“มันไม่ใช่พรในภัยพิบัติแต่เป็นค่าตอบแทนที่รวมอยู่ในแผนมาโดยตลอด” เทพราหูเสี่ยวหมิงกล่าว
“เช่นนั้นข้าต้องขอบคุณเจ้างั้นหรือ?”
กู่เยี่ยนหยินยกคิ้วขึ้น การถูกยึดครองร่างโดยเทพเจ้าไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดี
“นั่นไม่จำเป็น เจ้าสมควรได้รับสิ่งนี้”
“แท้จริงแล้วหากเจ้าบอกข้าตั้งแต่แรก ข้าก็ยินดีให้ความร่วมมือ” นางไม่เคยขาดความกล้าหาญในการเสี่ยงโชค
“หากเจ้ารู้ตัวก่อน เมื่อเจ้าถูกยึดครองร่าง มันอาจเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด และดูเหมือนชายคนนั้นก็ไม่เต็มใจที่จะเห็นเจ้าเสี่ยง”
กู่เยี่ยนหยินชำเลืองมองหลี่ฉิงซานก่อนจะหันสายตากลับมา “อย่างไรก็ตามทุกอย่างยังจบลงด้วยดี”
หลี่ฉิงซานค่อยๆลดดาบลงอย่างช้าๆและระงับความโกรธในใจ เขาพูดกับเทพราหูเสี่ยวหมิงว่า “ข้าเคยสัญญากับเจ้าไปแล้ว แต่หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ข้าจะไม่แสดงความเมตตาใดๆ!”
เทพราหูเสี่ยวหมิงถูกบังคับให้พูดว่า “เข้าใจแล้ว”
นอกเหนือจากอุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆนี้ พิธีกรรมดำเนินไปอย่างราบรื่นมาก นอกจากหยิงชิง คนอื่นๆไม่แม้แต่จะรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น พวกเขาจมอยู่ในพิธีกรรมอย่างสมบูรณ์ เมื่อพวกเขาเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง รูม่านตาสีดำของพวกเขาก็เปล่งประกายด้วยแสงสีแดงแล้ว ตอนนี้พวกเขาครอบครองคุณสมบัติพิเศษบางอย่างของอสูรแล้ว
กลิ่นอายของผู้พิทักษ์ทั้งสองปะทุขึ้น พวกเขาก้าวเข้าสู่อาณาจักรจอมยุทธ์พลังปราณขั้นที่เก้าโดยตรง การบ่มเพาะของผู้ฝึกตนคนอื่นๆก็ยกระดับขึ้นเช่นกัน
เส้นทางของศิลปะการต่อสู้และเส้นทางแห่งการสังหารเชื่อมโยงกันเสมอ ในความเป็นจริงพวกมันมีพื้นฐานเหมือนกัน
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ใช่คนที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดแต่เป็นทหารหลายพันคน เดิมทีพวกเขาทั้งหมดพลาดช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ไปแล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะกลายเป็นจอมยุทธ์พลังปราณในชีวิตนี้ แต่ตอนนี้มันเหมือนพวกเขาได้รับชีวิตใหม่ ร่างกายของพวกเขาราวกับเกิดใหม่ซึ่งทำให้พวกเขามีโอกาสก้าวหน้า
ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง หลี่ฉิงซานมองข้ามไปยังอีกฟากของแม่น้ำ จางอวิ๋นเทียนและคนอื่นๆหายตัวไปแล้ว
เขาไม่ต้องการฆ่าโดยไม่จำเป็น เดิมทีเขาวางแผนที่จะจับพวกเขาเป็นตัวประกันซึ่งจะขจัดปัญหามากมายเมื่อพวกเขาพยายามยึดครองโลก แต่เขาไม่เคยคาดหวังว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เขาสงสัยว่ามันเกี่ยวกับเจตจำนงสวรรค์หรือไม่
หากเขาไล่ล่าพวกเขาตอนนี้ มันจะไร้จุดหมายแม้เขาจะสามารถฆ่าคนเหล่านั้นได้หนึ่งหรือสองคน มันจะทำให้ดาบจุดจบบุปผาคลั่งสูญเสียพลังเท่านั้น
“เราจะปล่อยให้พวกเขาเผยแพร่ชื่อของเรา ผลลัพธ์น่าจะไม่เลว”
หลังจากนั้นกู่เยี่ยนหยินก็สั่งให้ทุกคนขุดหลุมขนาดใหญ่เพื่อฝังภูเขาศพ แต่กลิ่นเหม็นยังคงอยู่อีกหลายเดือน
ระหว่างทางกลับ กู่เยี่ยนหยินพยายามดึงข้อมูลบางอย่างจากเทพราหูเสี่ยวหมิง “นั่นคือแม่ของเจ้างั้นหรือ? มีแม่เช่นนางอยู่จริงๆ!”
“ขนนกเส้นนี้เป็นของสิ่งมีชีวิตที่ถูกเรียกว่าวิหคป่วนสวรรค์งั้นหรือ? ป่วนสวรรค์หมายถึงสิ่งใด?”
อย่างไรก็ตามตั้งแต่นั้นมาเทพราหูเสี่ยวหมิงก็นิ่งเงียบมาตลอดและดูหดหู่ยิ่งกว่าเดิม
หลี่ฉิงซานเริ่มรู้สึกสงสารเด็กเทพผู้นี้เล็กน้อย เขาถูกครอบครัวตามล่า แม้นั่นจะไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้เขาสูญเสียเจตจำนงในการต่อสู้ แต่มันอาจส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อเขา แต่ความคิดนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว เขามีหลายเรื่องที่ต้องจัดการมากกว่าสงสารเด็กคนนี้
กู่เยี่ยนหยินนำกองทัพอสูรของนางถอนรากถอนโคนกองกำลังตระกูลหม่าทั้งหมดในภาคเหนือ ทักษะของทหารในกองทัพยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว มันเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ และความแข็งแกร่งของกู่เยี่ยนหยินก็เพิ่มขึ้นผ่านพวกเขา นางไม่ต้องการการปกป้องจากหลี่ฉิงซานอีกต่อไป
หลี่ฉิงซานยังคงอยู่ในเมืองและสั่งให้ผู้คนคัดลอกตำนานราชาวานรขาว ในเวลาเดียวกัน เขาก็ฝึกฝนนักเล่าเรื่องกลุ่มใหญ่ พวกเขาไม่เพียงเผยแพร่นิยายแต่ยังเผยแพร่อุดมการณ์เกี่ยวกับสันติภาพและความเท่าเทียม เขาไม่ต้องกังวลเรื่องกำลังคนไม่เพียงพออีกต่อไป
พวกเขาไม่รีบร้อนที่จะขยายอาณาเขต แต่พวกเขาเลือกที่จะทุ่มเทความพยายามในการย่อยผลประโยชน์ที่มาพร้อมกับชัยชนะ ตำนานราชาวานรขาวถูกเผยแพร่ออกไปทุกหนทุกแห่ง พลังแห่งศรัทธาในยันต์ศักดิ์สิทธิ์นักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่เติบโตขึ้นด้วยความเร็วมากกว่าก่อนหน้าร้อยเท่า
หลี่ฉิงซานค้นพบว่าแม้โลกใบนี้จะเล็กกว่าโลกของเก้ามณฑลมาก แต่พลังแห่งศรัทธาที่มันมอบให้ไม่น้อยไปกว่าโลกของเก้ามณฑลเลย
โลกของเก้ามณฑลอาจกว้างใหญ่ แต่อิทธิพลของนิยายของเขาจำกัดอยู่ในเขตรุ้ยอี้และยังเป็นเพียงรูปแบบของความบันเทิงเท่านั้น ในช่วงหลังเนื่องจากความวุ่นวายของสงคราม ชาวบ้านจึงต้องดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอด พวกเขาไม่มีอารมณ์ที่จะเพลิดเพลินไปกับสิ่งบันเทิง
ตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้นมาการสะสมพลังแห่งศรัทธาของเขาก็หยุดนิ่ง มันเพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ขณะที่หลี่ฉิงซานก็หยุดสนใจมันเช่นกัน
ในขณะที่โลกใบนี้ทุกคนปรารถนาที่จะเรียนรู้เคล็ดลับของศิลปะการต่อสู้ที่ซ่อนอยู่ในตำนานราชาวานรขาว นอกจากนี้เขายังใช้กำลังเผยแพร่มันอย่างเต็มที่ ดังนั้นผลลัพธ์ของมันจึงอยู่ในระดับที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
หลังจากที่พวกเขาโค่นล้มตระกูลหม่าและยึดครองอาณาเขตรวมถึงพลเมืองของพวกเขา ชื่อเสียงของราชาวีรบุรุษก็โดดเด่นพอๆกับดวงอาทิตย์เที่ยงวันในภาคเหนือ หลายคนชื่นชมเขาจนแทบจะเป็นความคลั่งไคล้
กล่าวกันว่ามีชายชราผู้หนึ่งในหมู่บ้านทางตอนเหนือในเขตปกครองของเมืองม้าบินที่ไม่รู้จักศิลปะการต่อสู้ใดๆและไม่รู้หนังสือเลยแต่เขาสามารถท่องเรื่องราวที่มีตัวอักษรหลายแสนตัวที่หลี่ฉิงซานเขียนได้อย่างสมบูรณ์แบบ
หลี่ฉิงซานยังเรียกเขามาพบเป็นการส่วนตัวและให้รางวัลเขาด้วยสมบัติมากมาย นั่นนำไปสู่ความคลั่งไคล้ของผู้คนในการท่องจำหนังสือเล่มนี้มากขึ้นไปอีก
‘หากข้าสามารถพิชิตโลกนี้ พลังแห่งศรัทธาของยันต์ศักดิ์สิทธิ์นักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่จะพุ่งขึ้นสู่ระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่างแน่นอน!’
หลี่ฉิงซานคิดขณะที่เขาเปลี่ยนพลังแห่งศรัทธาของเขาให้เป็นปราณจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์และรอให้ความสามารถโดยกำเนิดของปีศาจวานรปรากฏขึ้น