ตอนที่ 44 เตรียมตัว
ตอนที่ 44 เตรียมตัว
เมื่อซ่งลุ่ยได้ยินสิ่งที่ฮงเหมยพูด เขาก็เผยรอยยิ้มบนใบหน้าให้เห็นอย่างชัดเจน เขาพูดกับฮงเหมย “นั่นจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด แบบนั้นฉันจะกลายเป็นตัวอะไรไปล่ะ วางใจได้ เรื่องนี้เธอไม่ต้องกังวลไป ความรับผิดชอบแบบลูกผู้ชายนั้น ฉันยังพอมีอยู่บ้าง !” เมื่อพูดจบ เขาก็นึกบางอย่างได้พอดี เขาจึงพูดกับฮงเหมยอีกครั้ง
“เอ่อ ฮงเหมย เธอยังมีเรื่องอะไรอีกไหม พอดีเรื่องเก็บค่าเช่าที่ประธานจงสั่งให้ฉันทำ มันยังไม่ได้วางแผนเลยน่ะ เนื่องจากมันเป็นเรื่องเร่งด่วน เธอก็น่าจะรู้ดี เพราะมันถูกยืดเวลามาหลายวันแล้ว ดังนั้นถ้าเธอมีเรื่องอะไรจะคุยอีกละก็ เธอเชิญพูดได้เลยนะ แต่ถ้าไม่มีอะไรจะพูด อือ เธอก็….” พอพูดจบ เขาก็ส่งสายตาขอโทษฮงเหมย หวังว่าฮงเหมยจะอ่านสิ่งที่ตัวเองต้องการสื่อออก ผ่านสายตาคู่นั้น
เมื่อฮงเหมยได้ยินซ่งลุ่ยพูดเช่นนั้น เธอจึงมองดูเขาอยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้นเธอก็แน่นิ่งในทันที เธอไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงพูดกับเธอแบบนั้น ในเวลานี้ พอคิดไปคิดมา ฮงเหมยก็เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการบอก ซ่งลุ่ยคนนี้กำลังต้องการตัดความสัมพันธ์กับตัวเอง ! ไม่คิดจะพัฒนาความสัมพันธ์กับเธออีกต่อไป ! แล้วตอนนี้ตัวเองควรเรียกร้องอะไรรึเปล่านะ ! แต่แล้วฮงเหมยก็คิดขึ้นได้ ตัดก็ตัดซิ ! เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน เมื่อกี้ตนเองถึงกับยอมก้มหัวขอร้องเขา คิดไม่ถึงผลลัพธ์กลับกลายเป็นแบบนี้ ช่างเถอะเป็นแบบนี้ก็ดี ยังไงเธอเองก็เป็นคนโปรดของประธานจาง ความภาคภูมิใจในจุดนี้ เธอยังมีมันอยู่ !
หลังจากที่ฮงเหมยคิดได้ เธอก็ไม่พูดอะไรอีก เพราะฮงเหมยเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของซ่งลุ่ยที่มีต่อตัวเองอย่างแจ่มแจ้งแล้ว ถ้ายังหน้าด้านอยู่ต่อไปก็เหมือนตัวเองไร้ยางอายเกินไป ดังนั้นหลังจากฮงเหมยเข้าใจความคิดของซ่งลุ่ยที่มีต่อตัวเอง เธอก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ รอยยิ้มที่มีเสน่ห์ถูกลบหายไป ท่าทีของเธอเปลี่ยนไปในทันที แต่แน่นอนเธอยังไม่ทิ้งรอยยิ้มแบบมืออาชีพ เธอกลับมาเป็นฮงเหมยคนเดิมอีกครั้ง จากนั้น เธอก็พยักหน้าเล็กน้อยให้กับซ่งลุ่ย เธอทำสีหน้าขอโทษขอโพยในขณะที่พูดกับซ่งลุ่ย
“ต้องขอโทษจริง ๆ มารบกวนนายแล้ว งั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะ เชิญนายทำงานไปเถอะ ! แล้วพบกันใหม่” หลังพูดจบ ไม่รอให้ซ่งลุ่ยได้ตอบโต้อะไร เธอหมุนตัวและเดินจากไปทันที
ซ่งลุ่ยมองเงาของฮงเหมยที่ค่อย ๆ เดินออกไปจากห้องทำงานของตัวเอง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนสูญเสียอะไรบางอย่างไป ฉันเองก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนั้นมันมาจากตรงไหน ขณะที่ฮงเหมยพูดจาห่างเหินกับตัวเอง ใจของซ่งลุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหลงทาง เมื่อก่อนตัวเขาประจบประแจงเธออย่างดี ใช้ทุกวิธีทางเพื่อทำมัน สุดท้ายมันกลับจบลงง่าย ๆ แบบนี้ เฮ้อ....รู้สึกเสียดายหน่อย ๆ แฮะ !
เมื่อซ่งลุ่ยคิดถึงตรงนี้ ในสมองก็คิดถึงหลินหลินขึ้นมา ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอจะทำอะไรอยู่ จะคิดถึงฉันบ้างไหม ตอนนี้เธอคงกำลังทำงานอยู่ละมั้ง เมื่อคิดถึงจุดนี้ ใจของซ่งลุ่ยก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอีกครั้ง ขณะที่กำลังคิด ซ่งลุ่ยเหลือบไปเห็นข้อมูลที่วางอยู่ข้างโต๊ะอย่างไม่ตั้งใจ เขาตบหัวตัวเองไปทีนึง ตัวเขายังมีแผนอีกส่วนหนึ่งที่กำลังรอให้ตัวเองทำอยู่นิ ! นี่ฉันกำลังปล่อยให้ตัวเองคิดมากกับเรื่องอะไรอยู่เนี่ย ต้องทำงานนี้ให้เสร็จก่อนแล้วค่อยพูดถึงเรื่องอื่นซิ
เมื่อซ่งลุ่ยคิดถึงตรงนี้ เขาก็แอบส่ายหัวอย่างลับ ๆ นั่งเก้าอี้ของตัวเองต่อไป จากนั้นเริ่มวางแผนอย่างรอบคอบ แผนการก่อนดำเนินการเก็บค่าเช่า
ซ่งลุ่ยที่อยู่ในห้องทำงานยังคงนั่งก้มหน้าก้มตาทำแผนของเขา หลังจากทำมาได้ระยะหนึ่ง ซ่งลุ่ยพึ่งวางปากกาลง มองดูแผนการที่ตัวเองพึ่งทำเสร็จ เขารู้สึกภูมิใจในตัวเอง แต่ก็อดคิดไม่ได้ ยังไงผู้คนก็ต้องถูกบีบบังคับให้แสดงความสามารถออกมาอยู่ดี
ตอนนี้แผนการที่ตัวเองเขียนก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อไปก็คือนำไปใช้ เรื่องการนำแผนไปใช้นี้ หากพูดว่ายากก็ยากจะว่าง่ายก็ง่าย แต่ว่าคนส่วนมากมักมีความสามารถปรับตัวกันทั้งนั้น ข้อจำกัดในการคิดนอกกรอบนั้นมีน้อยมาก เขาเขียนโครงสร้างโดยรวมลงไป จากนั้นส่วนที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเองแล้ว ไม่จงใจเข้มงวดเกินไปและไม่ทำให้ทุกเรื่องให้พิถีพิถันจนเกินไป เพราะเรื่องแบบนี้ไม่มีใครกล้ารับประกันว่าจะสามารถดำเนินการตามแผนของตัวเองได้อย่างเต็มที่ มันเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ถ้ากฎระเบียบมีมากเกินไปและเข้มงวดเกินไป ผลลัพธ์มักออกมาไม่ดีทั้งนั้น บวกกับที่ตัวเองไม่เคยไปที่นั่นแม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับที่นั่นเลย การที่ตัวเองสามารถทำมาถึงจุดนี้ได้ นั้นก็ถือว่าค่อนข้างดีมากแล้ว
ซ่งลุ่ยครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง คิดว่าในเมื่อตอนนี้ตัวเองก็เขียนแผนออกมาเรียบร้อยแล้ว เขาจะนำไปให้ประธานจางตรวจสอบเพิ่มสักหน่อยดีไหมนะ เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซ่งลุ่ยก็กลับไปพลิกอ่านแผนการของตัวเองอีกครั้ง ตัวเขาเองรู้สึกพึงพอใจมาก แต่ก็ย้อนกลับมาคิดว่ามันเรียบง่ายเกินไป แต่แผนนี้ก็ถึงขีดจำกัดสูงสุดของความสามารถตนเองแล้ว น่าเศร้าที่ตัวเองมีแหล่งข้อมูลน้อยเกินไป แม้ว่าประธานจางจะทิ้งตารางไว้ให้และยังมีข้อมูลและรายการบางส่วนที่ฮงเหมยนำมาเพิ่มในภายหลัง แต่สุดท้ายแผนการทั้งหมดเขาก็ยังต้องทำด้วยตัวเองอยู่ดี และข้อมูลที่พวกเขารวบรวมมานั้นกลับไม่มีประโยชน์กับตัวเองเลยสักนิด นี่มันก็เหมือนกับทำกันคนละเรื่องนั่นแหละ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซ่งลุ่ยก็ลุกขึ้นเดินวนรอบ ๆ ห้องทำงาน ซ่งลุ่ยคิดว่าการทำแบบนี้จะทำให้ตัวเองสร้างไอเดียใหม่ได้ ซ่งลุ่ยคิดไปเดินไป ในเวลาเดียวกัน เขาก็เริ่มคำนวณอย่างเงียบ ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองต้องเตรียมตัวก่อนออกเดินทางและเรื่องที่เขาต้องให้ความสนใจ เขาจะประมาทกับทั้งสองเรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะมันเกี่ยวข้องกับการดำเนินตามแผนในอนาคต
ซ่งลุ่ยเดินเป็นวงกลมเรื่อย ๆ และคิดไปพร้อม ๆ กัน ขณะนั้นการคิดอย่างเงียบ ๆ ของเขาทำให้ตัวเองคิดออกหลายเรื่องแล้ว ขั้นแรกคือ ต้องกำหนดก่อนว่าจะไปตรวจสอบสถานที่ไหน ตอนแรกเริ่มฮงเหมยเป็นที่ปรึกษาให้กับตัวเอง ฮงเหมยพูดว่าให้ตัวเองเลือกสถานที่ที่ไม่ยากเพราะมันจะสำเร็จได้ง่าย ต้องทำให้มีอำนาจก่อน เมื่อตัวเองมีอำนาจแล้ว จากนั้นทุกอย่างจะทำได้อย่างง่ายดาย และในตอนนั้น ฮงเหมยยังให้ตารางเขาไว้หนึ่งแผ่น ฮงเหมยบอกว่ารายชื่อในตารางล้วนเป็นชื่อคนที่อ่อนแอ แต่ยังไงในหมู่คนเหล่านั้นก็มีคนที่ร้ายกาจอยู่เช่นกัน ซ่งลุ่ยเองก็ไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ของพวกเขา แต่ก็ช่างมันเถอะ จะเป็นยังไงก็ช่าง เห็นชื่อใครแล้วมันขัดตา ก็แค่เลือกมาสักคนก็จบแล้ว ที่จริงฮงเหมยบอกว่าพวกคนเหล่านี้ล้วนเป็นคนอ่อนแอ แต่ไม่ว่ามันจะหนักหนาแค่ไหน สุดท้ายเขาก็ต้องไปอยู่ดี !
เรื่องที่สองก็คือเรื่องเวลาที่ประธานจางเคยบอกว่าเป็นปัญหาในตอนนั้น ในเมื่อตอนนี้ตัวเองต้องไปตรวจสอบ จะต้องเข้าไปไม่ให้ตรงกับเวลาที่ผู้จัดการของร้านค้านั้นตรวจ พยายามหลีกเลี่ยงการพบปะกับพวกเขา เพราะว่าถ้าพวกเขารู้เรื่องการปรากฎตัวของตัวเอง พวกเขาก็จะเห็นใบหน้าของตัวเอง จากนั้นพวกเขาก็จะเตรียมตัวไว้ก่อน ดังนั้นมันจะส่งผลให้เรื่องไม่ทันจะเริ่มก็ถูกเปิดเผยซะแล้ว แบบนี้มันจะเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย และเรื่องปัญหาเวลาในตอนนั้น ประธานจางก็ให้ตารางกับตัวเองมาเช่นกัน ด้านในมีเวลากิจกรรมแบบละเอียดของเจ้าของร้านแต่ละคนเขียนไว้ แม้แต่เวลาที่พวกเขาไปเข้าห้องน้ำตอนไหนยังมี แต่มันก็ไม่แน่ว่าจะเกิดแบบนี้ขึ้นทุกวัน บางทีนี่อาจเป็นเวลาคร่าว ๆ ที่มีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น
ซ่งลุ่ยมองดูระยะเวลาในตาราง เขารู้สึกคุ้นตามาก รู้สึกเหมือนเขาเคยเห็นรายชื่อพวกนี้จากที่ไหนสักแห่ง ทันใดนั้นเขาก็คิดได้ว่าฮงเหมยเองก็เคยให้ตารางรายชื่อแบบนี้มาเช่นกัน เขานำทั้งสองอันมาเปรียบเทียบกัน พบว่ารายชื่อของตารางเวลาและตารางรายชื่อของฮงเหมยเหมือนกันอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ! แต่ระหว่างสองตารางนี้บอกกับตัวเองว่าข้อมูลมันไม่เหมือนกัน แต่ข้อมูลที่จากผู้คนนั้นเหมือนกันทุกอย่าง ! ในเวลานี้ที่มุมปากของซ่งลุ่ยค่อย ๆ เผยรอยยิ้มออกมา เขาเริ่มกลับมาต่อว่าฮงเหมยอีกครั้ง ยัยฮงเหมยคนนี้ คิดไม่ถึงฮงเหมยคิดจะหักเงินตั้งแต่แรกแล้ว เรื่องหักเงินเป็นข้อมูลที่สำคัญเรื่องหนึ่ง ตอนแรกตัวเองคิดว่าฮงเหมยต้องการช่วยเหลือตัวเองจริง ๆ ที่ไหนได้กลับมีเจตนาแอบแฝงนี่เอง ฮึ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจจริง ๆ !