ตอนที่ 43 เส้นแบ่ง
ตอนที่ 43 เส้นแบ่ง
ฮงเหมยถอนหายใจออกมายาว ๆ จากนั้นยื่นมือออกไปเคาะประตูอีกครั้ง ครั้งนี้ทั้งเคาะประตู และพูดพร้อมกัน “ซ่งลุ่ย นายอยู่ในนั้นไหม ฉันเองฮงเหมย ! ประธานจางให้ฉันเอาเอกสารบางอย่างมาให้นาย ไหน ๆ ฉันก็เอามาแล้ว รบกวนนายช่วยเปิดประตูให้หน่อยได้ไหม” น้ำเสียงที่เธอใช้พูดมีทั้งจริงใจและสำนึกผิด
หลังจากที่ซ่งลุ่ยได้ยิน เขาก็รู้สึกได้ใจ ไม่เพียงเท่านั้น เขายังแสดงสีหน้าภาคภูมิใจออกมา เมื่อสักครู่นี้เธอไม่ได้ดูถูกฉันนักเหรอ ตอนนี้กลับต้องมาก้มหัวให้ฉัน ! แม้ว่าเขาจะรู้สึกแบบนี้อยู่ก็ตาม แต่ซ่งลุ่ยจะไม่แสดงมันออกมาแน่นอน ถ้าแสดงมันออกมาให้เห็น ตัวเองต้องจบเห่แน่นอน ! แม้จะพูดได้ว่าตอนนี้ฮงเหมยไม่กล้าโมโหใส่เขา แต่ในอนาคตมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ดังนั้นเขาจะไม่ทำตัวมีพิรุธให้เธอจับได้ ขณะนี้ซ่งลุ่ยคิดว่าเวลามันก็ผ่านมาพอสมควรแล้ว ควรจะออกไปเปิดประตูให้ฮงเหมยได้แล้ว ถ้าเขายังไม่เปิดประตู ฮงเหมยจะต้องเดินจากไปแบบเดือดดาลแน่ และถ้ายังทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตัวเขาเองก็จะกลายเป็นคนที่ทำเกินกว่าเหตุไปซะเอง
เมื่อซ่งลุ่ยคิดถึงจุดนี้ เขาก็รีบลุกขึ้นยืนทันที จากนั้นค่อย ๆ เดินไปที่ประตูช้า ๆ เมื่อหยุดยืนอยู่ที่ประตู จัดการสีหน้าของตัวเองเรียบร้อย เขานวดที่หน้าแรง ๆ ทำให้ใบหน้าที่แสนภาคภูมิใจของตัวเองเมื่อกี้เลือนหายเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดเท่าที่ทำได้ ไม่นานเขาก็กลับมามีสีหน้าที่เย็นชาอีกครั้ง จากนั้นเขาจึงเปิดประตู
ซ่งลุ่ยเปิดประตูออก ก็เห็นฮงเหมยกำลังยืนยิ้มให้กับตัวเอง รอยยิ้มของเธอนั้นน่าเกลียดยิ่งกว่าเวลาคนร้องไห้เสียอีก ซ่งลุ่ยหัวเราะในใจ แต่ใบหน้าของเขายังคงแสดงออกมาแบบนั้น แต่ถึงอย่างไรเขาก็อดคิดไม่ได้ การที่ได้เห็นฮงเหมยถูกทรมานในเวลานั้น มันทำให้เขาสะใจมากจริง ๆ สามารถที่ลากผู้หญิงสูงศักดิ์เช่นนั้นลงมาจากบัลลังก์ได้ และยังทำให้เธอได้สัมผัสกับรอยยิ้มที่ฝืนทนของตัวเอง !
ซ่งลุ่ยเปิดประตูเรียบร้อย แต่ใบหน้าของเขายังคงแสดงออกถึงความเย็นชา เขาเลือกใช้น้ำเสียงที่ฟังดูแข็งกระด้างเล็กน้อยพูดกับฮงเหมย
“เข้ามาซิ” พูดเพียงแค่สามคำสั้น ๆ หลังจากซ่งลุ่ยพูดจบก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องทำงาน ไม่สนใจการตอบสนองของฮงเหมยเลยแม้แต่น้อย ฮงเหมยเห็นซ่งลุ่ยปฏิบัติกับตัวเองเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะกำมือของตัวเอง เธออยากจะระเบิดอารมณ์ออกมาซะเดี๋ยวนี้เลย แต่ว่าเธอฉุกคิดขึ้นมาได้ ในเมื่อตัวเองมาเพื่อขอโทษ ยังไงตัวเองต้องมีสติกับเรื่องนี้และรับมือกับมันให้ได้ ! ในเวลาเดียวกันนั้นเธอก็หลับตาลงและสูดหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมกับวางตัวให้เหมาะสมอีกครั้ง จากนั้นเธอก็เดินเข้ามาตามซ่งลุ่ย และเธอไม่ลืมที่จะหันกลับไปปิดประตู
ในเวลาต่อมา ฮงเหมยใช้ความคิดรวบรวมคำพูด เพื่อให้สะดวกในการสนทนา จากนั้นเธอก็พูดกับซ่งลุ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ซ่งลุ่ย วันนี้ฉันมาขอโทษนาย เมื่อกี้ฉันทำตัวไม่ค่อยดีกับนาย ภาษาที่ใช้ก็ไม่ค่อยเหมาะสม ดังนั้นฉันจึงมาที่นี่เพื่อบอกว่า ฉันขอโทษ อ๋อ ใช่แล้ว แล้วก็ยังมีเรื่องที่ท่านประธานจางมอบหมายให้ฉันเอาข้อมูลบางอย่างมาให้นายด้วย เมื่อก่อนเป็นเพราะฉันคิดเล็กคิดน้อยจึงได้เก็บมันเอาไว้ แต่ตอนนี้ฉันจะให้ข้อมูลทั้งหมดกับนาย ในข้อมูลมีบางส่วนที่ฉันหามาได้ด้วยตัวเอง นายลองดูซิว่ามันช่วยอะไรนายได้ไหม และขอพูดสั้น ๆ อีกครั้ง ฉันต้องขอโทษนายด้วยจริง ๆ”
หลังพูดจบ ฮงเหมยก็ยื่นมือทั้งสองข้างออกมา นำข้อมูลที่ตัวเองได้เตรียมมาส่งให้ทางด้านหน้าของซ่งลุ่ยด้วยท่าทางที่เคารพยำเกรง จากนั้นเธอก็ยังโค้งคำนับให้เขาอีกครั้ง ต่อมาเธอก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวข้าง ๆ มองไปที่ซ่งลุ่ยด้วยสายตาขอโทษ ตอนนี้เธอทำได้เพียงรอดูว่าซ่งลุ่ยจะตอบสนองต่อตัวเองอย่างไร
หลังจากที่ซ่งลุ่ยได้ยิน เขาก็วางปากกาไว้อีกทางด้านหนึ่ง หยิบข้อมูลที่ฮงเหมยวางไว้ด้านหน้าขึ้นมาดู เขาอ่านเพียงคร่าว ๆ ก็วางมันลงยังอีกที่หนึ่ง เงยหน้าขึ้นมามอง แน่นอนการวางท่าทางของเขายังคงดูเย็นชา เขาพูดกับฮงเหมยว่า
“แล้วยังไง” เมื่อพูดจบ เขาก็ไม่สนใจฮงเหมยอีก หยิบแก้วที่ตัวเองดื่มน้ำจนหมดแล้วขึ้นมา แล้วเดินตรงไปเติมน้ำที่ตู้น้ำ
ฮงเหมยยังเห็นซ่งลุ่ยปฏิบัติกับตัวเองเหมือนเดิม ในตอนนี้ใจเธอโกรธจนแทบระเบิดออกมาเป็นไฟ ในเวลาเดียวกันนั้นเธอก็นำมือทั้งสองข้างมาประสานกัน ! เธอกำมันจนผิวกลายเป็นสีขาวซีด ! ทันใดนั้นเธอก็ยืนขึ้น ! เธอไม่แสดงสีหน้าจริงจังเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว มันเปลี่ยนเป็นสีหน้าที่เคร่งขรึม ! การกระทำเช่นนี้ของฮงเหมยทำให้ซงลุ่ยยังคงใจเย็น เพราะตอนนี้เขายืนหันหลังให้ฮงเหมย จึงมองไม่เห็นสีหน้าของฮงเหมย แต่เขายังมองเห็นนิ้วมือของฮงเหมย นิ้วมือของเธอล้วนขาวซีด เขาจึงรู้ทันทีว่าเธอกำลังโมโหเขามากแค่ไหน
ในเวลานี้มันทำให้ซ่งลุ่ยต้องหลบซ่อน ใจของเขาแอบมีเสียงดังขึ้นมา แย่แล้ว ไม่ดีแล้ว ! ตัวเองเล่นใหญ่เกินไปหน่อย ! แล้วแบบนี้เขาจะแก้ไขมันยังไงล่ะ ในขณะเดียวกันเขาก็คิดหาวิธีแก้ไขอย่างต่อเนื่อง เขามองแก้วน้ำที่อยู่ในมือของตัวเอง ทันใดนั้นตรงหน้าของเขาก็มีแสงแวบขึ้นมา เขาคิดออกแล้ว ซ่งลุ่ยยกแก้วขึ้นมา เดินไปที่ตู้น้ำอย่างรวดเร็ว เขาหยิบน้ำหนึ่งแก้วออกมาจากตู้น้ำด้วย จากนั้นเดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน นำแก้วน้ำวางไว้ด้านหน้าของฮงเหมย ใช้น้ำเสียงกึ่งล้อเล่นพูดกับฮงเหมย
“เมื่อกี้เธอพูดมากคงหิวน้ำแล้วใช่ไหม ฉันเติมน้ำมาให้เธอแก้วหนึ่ง เธอมัวทำอะไรอยู่น่ะ รีบนั่งลงซิ !” เขาทั้งพูด และใช้มือทั้งสองข้างจับที่ไหล่ของฮงเหมย จากนั้นใช้แรงเล็กน้อยกดให้ฮงเหมยนั่งลง
ในเวลานี้ที่จริงฮงเหมยเริ่มรู้สึกผิดนิดหน่อย เธอกำลังโกรธก็จริง แต่ขณะที่เธอลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหันนั้น ความโกรธทั้งหมดที่มีกลับหายวับไปในพริบตา ในตอนนั้น ฮงเหมยกำลังคิดว่าตัวเองมาเพื่อขอโทษ ต้องอดทนไว้ จะวู่วามไม่ได้ แล้วแบบนี้เธอจะนั่งลงได้ยังไงล่ะ แล้วยังจะพลิกสถานการณ์นี้กลับมายังไงดีนะ ตอนนั้นตัวเองวู่วามไปเล็กน้อยจริง ๆ ตอนนี้เธอมีความคิดมากมายแต่มันกลับใช้การไม่ได้ โชคดีที่ซ่งลุ่ยหาบันไดลงให้กับตัวเอง ดังนั้นตัวเองถึงนั่งลงได้ ถ้าไม่อย่างนั้นละก็ ตัวเธอเองก็ยังไม่รู้จริง ๆ ว่าจะแก้ไขปัญหานี้ยังไง !
หลังจากที่ซ่งลุ่ยกดฮงเหมยให้นั่งลงบนเก้าอี้เรียบร้อย เขาก็กลับไปนั่งที่ของตัวเอง แน่นอนว่าเขายังคงนั่งตรงข้ามกับฮงเหมย แต่ตอนนี้ อารมณ์ของทั้งสองคนไม่ตึงเครียดเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว นอกจากนี้ยังมีรอยยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าของซ่งลุ่ย แม้ว่าท่าทีของฮงเหมยจะไม่อ่อนน้อมเหมือนเมื่อกี้ แต่ก็ไม่เหมือนตอนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแบบนั้น แม้ว่าอีกฝ่ายจะดูเงียบสงบ ! แต่ทั้งสองคนกลับไม่มีใครยอมพูดออกมา มันจะเงียบอะไรได้ขนาดนี้
สีหน้าของซ่งลุ่ยไม่เย็นชาเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว และยังยิ้มออกมาเล็กน้อย เขาพูดกับฮงเหมย “การขอโทษที่จริงใจของเธอ ฉันเห็นมันแล้วล่ะ ดังนั้นฉันขอรับคำขอโทษของเธอไว้ก็แล้วกัน และที่ท่านประธานจางบอกให้เธอส่งข้อมูลให้ฉัน เธอก็เอามาให้แล้ว ทั้งยังเอาข้อมูลของตัวเองเพิ่มเติมลงไปด้วย สำหรับเรื่องนี้ ฉันต้องขอบคุณเธอจริง ๆ นะ เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเธอที่คอยช่วยฉันไว้แท้ ๆ ฉันจำมันได้ดี ไม่ต้องห่วงนะ ต่อไปฉันจะต้องตอบแทนเธอแน่” ซ่งลุ่ยพูดจบ ก็ลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับให้ฮงเหมยเล็กน้อย
ฮงเหมยเห็นซ่งลุ่ยพูดกับตัวเองเช่นนั้น สีหน้าของเธอก็แสดงความดีใจออกมาทันที แต่เมื่อเห็นซ่งลุ่ยโค้งคำนับให้ตัวเอง เธอก็รีบหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว โบกมือให้กับซ่งลุ่ยและพูดกับเขา
“ซ่งลุ่ย นายอย่าทำแบบนี้ เดิมทีเรื่องนี้เป็นฉันเองที่ทำไม่ถูกเอง ดังนั้นนายรับคำขอโทษของฉันไว้ แค่นั้นฉันก็ดีใจมากแล้ว ส่วนเรื่องข้อมูลนั้น ก็ถือว่าฉันชดเชยให้กับนายก็แล้วกันนะ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องมาตอบแทนหรอก พวกเราเป็นเพื่อนร่วมงานกันทั้งนั้น ต่อไปถ้าฉันมีเรื่องอะไรอยากคุยกับนาย นายก็คงไม่ทำเป็นปิดหูปิดตาใช่ไหมล่ะ นายว่าที่ฉันพูดถูกไหม” เมื่อพูดจบ เธอก็หันไปมองซ่งลุ่ยด้วยสายตาแห่งความหวัง
ซ่งลุ่ยได้ยินฮงเหมยพูดแบบนั้น ใบหน้าของเขาก็เผยรอยยิ้มที่สดใสออกมาทันที “ใช่” ซ่งลุ่ยพูด “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว เมื่อก่อนเธอช่วยฉันไว้ตั้งเยอะ แต่ฉันกลับยังไม่เคยช่วยเหลือเธอเลยสักครั้ง นอกจากนี้เธอยังบอกว่าตอนนี้ยังไม่ต้องการความช่วยเหลือจากฉัน ดังนั้นก็คงต้องพูดว่าต่อไปมันก็ขึ้นอยู่กับเธอแล้ว ในอนาคตถ้าเธอต้องการให้ช่วย ขอแค่บอกมา ถ้าฉันสามารถช่วยเธอได้ ฉันจะไม่ลังเลที่จะบุกน้ำลุยไฟเพื่อทำมันให้สำเร็จเลยล่ะ !”
ฮงเหมยได้ยินซ่งลุ่ยพูดแบบนี้ เธอก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันที และในเวลาเดียวกันนั้นใบหน้าของเธอยังเผยรอยยิ้มออกมา เธอพูดกับซ่งลุ่ยด้วยรอยยิ้ม
“นี่เป็นสิ่งที่นายพูดเองนะ ฉันจำมันไว้แล้วนะ ต่อไปถ้าฉันเจอปัญหาฉันจะมาหานาย แล้วนายก็อย่าได้หลบหน้าหนีแล้วกลับคำพูดเชียวล่ะ”