ตอนที่ 43 กระทะเหล็กไม่ทำงาน
ตอนที่ 43 กระทะเหล็กไม่ทำงาน
ซ่งเจิงรู้สึกหวั่นใจไม่น้อย เขานั่งลงกับพื้นอย่างคิดอะไรไม่ออก
[ถ้าไม่มีความสามารถของกระทะเหล็กแล้ว… ฉันก็ไม่มีอาหารน่ะสิ จะทำยังไงต่อดี?]
[ถ้าไม่มีมัน ฉันจะมีชีวิตในวันสิ้นโลกได้ไหม?]
[ถ้าไม่มีกระทะแล้ว… พี่น้องจะยังตามฉันออกสำรวจอยู่ไหม?]
ความสิ้นหวังพลันก่อเกิดในจิตใจของซ่งเจิงอย่างไม่หยุดหย่อน ยิ่งคิดเขายิ่งรู้สึกหดหู่จนแทบสิ้นสติ
ฉู่อี้มองท่าทางที่ซ่งเจิงแสดงออกอย่างไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้เขามีความสุขมากที่ได้เล่นกับแมงมุมตัวนั้น แล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น?
“ซ่งเจิงนายเป็นอะไรรึเปล่า?” สุดท้ายเขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม
“หืม?” ซ่งเจิงฟื้นคืนสติกลับมาด้วยสีหน้าอันเฉื่อยชา ราวกับไร้วิญญาณ
“มันเกิดอะไรขึ้น? มีเรื่องบ้าอะไรเกิดขึ้น!?” ฉู่อี้ดึงร่างของซ่งเจิงขึ้นมาอย่างใจร้อน
“กระทะเหล็กใบนี้ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว” ซ่งเจิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ไม่มีประโยชน์งั้นเหรอ? เป็นไปไม่ได้!” ฉู่อี้เตะกระทะเหล็กอย่างแรง แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“แล้วฉันควรทำยังไงดี…” ซ่งเจิงพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เลื่อนลอย
“นายช่วยเล่าสถานการณ์ทั้งหมดหน่อยได้ไหม?” ฉู่อี้เห็นความสิ้นหวังในแววตานั้น ก็อดไม่ได้ที่จะกังวล แต่ยังไงซะ เขาก็พยายามควบคุมอารมณ์และคิดแก้ไขปัญหา
“ก็ตอนนั้น… กระทะเหล็กบอกฉันว่า… ฉันสามารถจัดการกับอีฟได้ด้วยเลือดที่เข้มข้นมากๆ ฉันเลยตัดสินใจสั่งการมัน และหลังจากนั้นเลือดของฉันก็แทบจะหมดตัวเพราะถูกสูบออกไป แล้วฉันก็หมดสติ…”
ซ่งเจิงเงียบไปครู่ก่อนจะกล่าวต่อ “หลังจากตื่นขึ้นมาฉันต้องการเก็บอีฟในที่เก็บของ แต่มันก็ไม่ตอบสนองอะไรเลย”
ฉู่อี้ขมวดคิ้วพร้อมสังเกตกระทะเหล็กในมือของซ่งเจิงอย่างระมัดระวัง การที่มันพังอย่างนี้ ส่งผลอย่างใหญ่หลวงต่อทีมของพวกเขา อย่างแรกอาหารจะหายไป ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาหารที่กระทะเหล็กรังสรรค์ออกมาเลย… มันไม่มีอีกแล้ว
“ตอนนี้… ฉันควรทำยังไงดี?” ซ่งเจิงคล้ายกับเด็กน้อย ดวงตาของเขาแดงก่ำเข้มข้น
แต่ในขณะเดียวกัน อีฟเข้ามาแทะกระทะเหล็กอย่างเมามัน
“เฮ้ย แกทำอะไรเนี่ย!” ซ่งเจิงรู้สึกหงุดหงิดมากเมื่อเห็นกระทะเหล็กที่เขาหวงแหนถูกแทะ ชายหนุ่มโกรธจัดพร้อมกับตะโกนใส่หน้าอีฟอย่างแรง
แต่อีฟกลับไม่สนใจ มันคาบกระทะเหล็กออกจากมือของฉู่อี้ พร้อมกับวิ่งออกไปยังโรงงานที่อยู่ไกลออกไป
“เฮ้ย ทำบ้าอะไรเนี่ย!” ฉู่อี้ตะโกนลั่นพร้อมกับวิ่งตามอีฟไปหลายร้อยเมตร เขากังวลมากว่าจะตามมันไม่ทัน จึงรีบตะโกนเรียกซ่งเจิง “พี่ชายซ่งมาจับแมงมุมก่อนได้ไหม ถ้ามันโดนกินไปอีกตัวพวกเราจบเห่จริงๆแน่!”
ซ่งเจิงได้ยินอย่างนั้นก็ฟื้นคืนสติกลับมาทันที และเริ่มออกวิ่งอย่างรวดเร็ว
“อีฟ! หยุดก่อน!” ซ่งเจิงตะโกนใส่อีฟที่กำลังหยุดยืนอยู่หน้าโรงงาน มันหันมากรีดร้องใส่ซ่งเจิงพร้อมกับพุ่งทะยานเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว
“ตามไปเร็ว!” ฉู่อี้และซ่งเจิงมองหน้ากันก่อนจะพุ่งเข้าไปด้านใน
“เกิดอะไรขึ้นกับที่นี่? ร้อนเป็นบ้าเลย…” หลังจากเดินเข้ามาด้านใน ซ่งเจิงรู้สึกราวกับว่าเขายืนอยู่ในเตาอบอุณหภูมิสูง
“อุณหภูมิที่นี่สูงกว่าด้านนอกยี่สิบเท่า ความร้อนระอุขึ้นมาจากพื้นของโรงงาน!” ฉู่อี้กล่าวตอบ
“อีฟกระโดดลงไปแล้ว!” ซ่งเจิงตะโกนลั่น เมื่อเห็นลูกสาวตัวเองกระโดดลงไปด้านล่าง
“มันเป็นอะไรรึเปล่า เหมือนว่ากำลังจะพาเราไปไหนสักที่น่ะ…” ฉู่อี้พูดด้วยความสับสน
“รีบตามไปเร็ว!” ซ่งเจิงกระโดดตามไป
ขณะที่เขาร่วงหล่นลงไป ร่างกายทั้งหมดร้อนจัดราวกับถูกต้มอยู่ในนรกอย่างไรอย่างนั้น
“ฉู่อี้มีวิธีไหม ถ้าจะลงไปแบบนี้ไม่ได้ มันร้อนเกินไป!” ซ่งเจิงตะโกนบอกกับอีกฝ่ายขณะร่วงหล่น
“นายร้อนงั้นเหรอ? ฉันสบายมากเลยล่ะ…” ฉู่อี้กล่าวออกในขณะที่เขาสะบัดมือเบาๆ ก็ปรากฏริ้วไฟทั้งห้าเส้นขึ้นล้อมรอบร่างกายซ่งเจิงไว้
หลังจากนั้นซ่งเจิงผ่อนคลายขึ้นมาก ความร้อนก่อนหน้านี้หายไปหมดสิ้น เหมือนกับว่ามันถูกริ้วไฟทั้งห้าเส้นดูดกลืนจนหมด
“ทางเข้าอยู่ตรงนี้!” ฉู่อี้กล่าวออกขณะเดินอยู่ข้างๆ
“มันไม่ใช่โรงงานทั่วไป เห็นนั่นไหม… มีรางรถเข็น ต้องเอาไว้ใช้ส่งของแน่ๆ” ซ่งเจิงชี้ออกไปที่รางด้านหน้าพร้อมกล่าวอธิบาย
“ค่อนข้างประหลาด… อุปกรณ์ส่วนใหญ่ใช้สำหรับการตัดและขัดเงา เฮ้ ระวังหน่อย!” ฉู่อี้ตะโกน
ทั้งสองเดินตรงเข้าไปด้านในและมองเห็นแสงสว่างอยู่ปลายทางไม่ไกลนัก
“ฉู่อี้… นายเห็นไหมว่าเส้นทางข้างหน้ากับข้างหลังมันควรเชื่อมกัน แต่ตอนนี้มันถูกตัดออกน่ะ”
เปลวไฟปรากฏขึ้นในมือของฉู่อี้อีกครั้ง ร่องรอยบนพื้นฉายขึ้นอย่างชัดเจน “อืม… มันถูกตัดออกไปจริงๆ แต่ไม่ใช่ฝีมือมนุษย์!”
“มีซอมบี้อยู่ที่นี่หรือเปล่า?” ซ่งเจิงพลันประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย พร้อมกับอยากจะคว้ากระทะเหล็กที่อยู่บนหลังออกมา แต่เขากลับคว้าได้เพียงอากาศเพราะตอนนี้กระทะเหล็กอยู่กับอีฟ… ยิ่งเป็นเช่นนี้เขายิ่งสิ้นหวังอย่างบอกไม่ถูก
“ดูเหมือนว่ามันจะเป็นซอมบี้ตัวใหญ่ น่าจะเป็นจำพวกแมลง ร่องรอยของมันถูกทิ้งไว้มากมายจนน่าปวดหัว” ฉู่อี้พูดพร้อมกับปัดฝุ่นบนพื้นออก
ขณะที่สองคนกำลังพูดคุย เสียงของอีฟดังขึ้นอย่างแผ่วเบาจากด้านหน้า
“ไปเร็ว!” ซ่งเจิงวิ่งออกนำหน้าอย่างรวดเร็ว ยังไงซะ ตอนนี้อีฟเป็นสัตว์เลี้ยงของเขาแล้ว และกระทะเหล็กอยู่ในปากของเธอ… เขาย่อมยิ่งกังวลเป็นสองเท่า
ทั้งสองวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อภาพตรงหน้าปรากฎ… ความตกตะลึงพลันครอบงำทั้งคู่เอาไว้โดยสมบูรณ์
มีหน้าผาขนาดใหญ่อยู่ตรงนั้น และอีฟกำลังต่อสู้กับซอมบี้ที่มีร่างกายปกคลุมไปด้วยเปลวไฟ…
“ใต้ดินคือแมกม่า… ไม่แปลกเลยที่มันจะร้อนได้ขนาดนี้ อีกทั้งอากาศยังเป็นพิษด้วย!” ซ่งเจิงรีบตะโกนบอกฉู่อี้
“ไม่เป็นไร! แต่ตอนนี้นายไม่มีกระทะแล้วก็ควรปิดปากกับจมูกให้แน่น ฉันจะไปช่วยลูกสาวนายเอง!” ฉู่อี้พูดออกพร้อมกับกระโดดลงไปที่หน้าผาอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขากำลังจะร่วงถึงพื้น เปลวไฟขนาดใหญ่พวยพุ่งออกมาจากฝ่าเท้าทำให้เขาร่อนลงได้อย่างสวยงาม
“โอ้ ใช้แรงถีบของเปลวไฟงั้นเหรอ?” ซ่งเจิงมองฉู่อี้ที่โบยบินในอากาศ ราวกับนกอย่างตกตะลึง
ไม่นานนักฉู่อี้ก็เคลื่อนไหวได้อย่างสง่างามและเข้าถึงอีฟได้อย่างปลอดภัย
“เจ้าพวกนั้นคืออะไร?” ซ่งเจิงมองดูซอมบี้ที่รูปร่างราวกับอุรังอุตังด้านหน้า ร่างกายของพวกมันเต็มไปด้วยเปลวเพลิงระอุ
“ซอมบี้กลายพันธุ์รึเปล่านะ?” ขณะพูดจบ ร่างกายของฉู่อี้พลันปรากฏลูกไฟลุกท่วม ความสนใจของซอมบี้ทั้งหมดพุ่งมาที่เขาทันทีพร้อมกับทะยานเข้าหาอย่างมาดมั่น
ซ่งเจิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสังเกตสถานการณ์อย่างระมัดระวัง ตอนนั้นเขามองไปรอบๆ และเห็นต้นไม้คล้ายกับหวายทองนับไม่ถ้วนอยู่บนหน้าผา
ซ่งเจิงหยิบมีดและลองตัดมันออก จึงพบว่ามันไม่อันตรายและไม่ตอบโต้ใดกลับ ดังนั้นเขาจึงเดินไปตามขอบหน้าผาและคว้าเอาหวายทองพวกนี้ผูกกันเพื่อหวังที่จะข้ามไปอีกฝั่ง
“ยังไงซะความสามารถของฉู่อี้ก็น่าประทับใจเป็นบ้า… อ้อ ใช่แล้ว!” แววตาของซ่งเจิงเผยความตื่นเต้นออกมา เส้นใยพลังจิตของเขาปรากฏขึ้น พร้อมกับค่อยๆยืดยาวออก มันพันเข้ากับต้นหวายทองและดึงพวกมันทั้งสองฝั่งเข้ามาหลอมรวมเข้าด้วยกัน
ซ่งเจิงใช้มือทั้งสองข้างคว้าหวายทอง พร้อมกับปล่อยร่างนี้ทะยานเข้าสู่หน้าผาฝั่งตรงข้ามอย่างกล้าหาญ
แต่เหมือนว่ามือของเขาจะลื่นไปหน่อย จึงทำให้ร่างกายนั้นร่วงหล่นลงสู่แมกม่าด้านล่าง…