ตอนที่แล้วตอนที่ 41 เหนือความคาดหมาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 43 เส้นแบ่ง

ตอนที่ 42 การแลกเปลี่ยน


ตอนที่ 42 การแลกเปลี่ยน

ฮงเหมยได้ยินซ่งลุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่รุนแรงแบบนั้น เธอถึงกับตกตะลึง ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาได้แสดงออกมา ทั้งยังนำเรื่องในอดีตมาพูดกับตัวเองแบบนี้ บางทีซ่งลุ่ยอาจให้ความสนใจกับตัวเองมานานมากแล้วก็ได้ วันนี้เขาถึงได้พูดขนาดนี้ และท่าทางยังเป็นแบบนี้อีก ผิดปกติมาก ! มันผิดปกติจริง ๆ ! สำหรับตอนนี้ซ่งลุ่ยดูเหมือนแปลกไปจริง ๆ แปลกโคตร ๆ เลยล่ะ

หลังจากฮงเหมยได้ยินน้ำเสียงที่แข็งกร้าวของซ่งลุ่ยที่แสดงท่าทีออกมาชัดเจนมาก จนเผลอหลีกทางให้กับซ่งลุ่ย สำหรับคนที่ไม่คิดว่าเธอจะเปิดทางให้ ก็พูดขอบคุณเธอมาคำหนึ่ง จากนั้นก็พาตัวเองเดินตรงมายังประตูทางออก แต่ขณะที่เขาเดินมาถึงหน้าประตู ทันใดนั้นท่าทีของเขาก็เหมือนคนที่พึ่งคิดอะไรออก เขาหันกลับมาพูดกับฮงเหมยอีกครั้ง

“เออใช่ ท่านประธานจางคุยกับฉันเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบของเธอ เรื่องที่ให้เธอมอบงานให้ฉัน สิ่งที่เธอมอบให้ฉันนั้นน้อยไปมาก แล้วก็ยังมีพวกเรื่องเอกสารและข้อมูลต่าง ๆ ฉันยังไม่เห็นพวกมันเลยสักนิด เธอลองคิดดูละกันนะว่าจะเอามาเพิ่มให้ฉันไหม และแน่นอน ฉันจะไม่สั่งให้เธอส่งมอบมันให้ฉัน นี่เป็นสิทธิ์ของเธอ และแล้วแต่เธอ ดังนั้นเรื่องที่เธอจะส่งให้ฉันรึเปล่านั้นมันขึ้นอยู่กับเธอ ยังไงพวกเราก็ทำงานให้ท่านประธานจาง และพวกเราก็คิดจะทำงานให้ออกมาได้ดี ดังนั้นฉันมอบอำนาจทุกอย่างให้เธอตัดสินใจ ฉันจะเคารพการตัดสินใจของเธอ” เมื่อพูดจบ เขาก็หันกลับและเดินออกไปทันที

หลังจากฮงเหมยได้ยินซ่งลุ่ยพูดเช่นนั้น สีหน้าของเธอก็ไม่ดูมึนงงอีกต่อไป เพราะตอนนี้เธอตกใจทันทีที่ได้ยินมัน ! ฮงเหมยไม่เคยคิดเลยว่าซ่งลุ่ยจะรู้เรื่องนี้ ประธานจางนำเรื่องพวกนี้มาบอกเขาได้ยังไง คำพูดเหล่านี้ทำให้แผนการที่เตรียมไว้ของฮงเหมยต้องหยุดชะงักลง

ณ เวลานี้ในหัวของฮงเหมยกำลังคิดเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย แต่เรื่องที่เธอคิดมากที่สุดก็คือจะทำยังไงถึงจะแก้ไขความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองและซ่งลุ่ยได้ และการทำให้มันกลับไปดีเหมือนเมื่อก่อนก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่ตราบใดที่เธอไม่ทำให้เรื่องมันเลวร้ายลงไปกว่าเดิมนั้นก็คงพอถูไถไปได้ ดังนั้นเรื่องนี้ฮงเหมยจะต้องคิดอย่างรอบคอบ !

ฮงเหมยนึกย้อนถึงการพูดคุยกันระหว่างตัวเองกับซ่งลุ่ยในอดีต เธอพบว่าทุกครั้งที่ซ่งลุ่ยคุยเป็นการส่วนตัวมันมักเป็นการพูดคุยที่คลุมเครือ บางทีตัวเองอาจเอาเรื่องคลุมเครือนี้มาเพิ่มความลึกซึ้งเข้าไปอีกหน่อย แบบนี้อาจทำให้เรื่องมันดีขึ้นก็ได้ ! จากนั้นค่อยส่งข้อมูลการหักเงินบางส่วนไปให้กับซ่งลุ่ย แบบนั้นตัวเองจะได้มีโอกาสเข้าใกล้ซ่งลุ่ยอีกครั้ง ! ดี ! งั้นก็ทำแบบนี้แหละ !

ฮงเหมยเมื่อตัดสินใจเรียบร้อย เธอเดินไปปิดประตูห้องทำงาน จากนั้นเดินเข้าไปที่โต๊ะ เปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานของตัวเอง นำข้อมูลที่ประธานจางให้กับตัวเองออกมา และวางมันไว้บนโต๊ะ จากนั้นเธอหยิบเครื่องสำอางมาเติมหน้านิดหน่อย ฉีดน้ำหอมอีกเล็กน้อย สุดท้ายมองตัวเองในกระจก เมื่อคิดว่าเรียบร้อยแล้ว เธอก็เดินออกไปจากห้องทำงาน เพื่อเดินเข้าไปห้องทำงานของซ่งลุ่ย

หลังจากซ่งลุ่ยเดินออกมาจากห้องทำงานของฮงเหมย เขาก็เดินตรงมาที่ห้องทำงานของตัวเอง เพราะเรื่องที่ประธานจางสั่งให้ตัวเองทำเมื่อครู่ เขาเองยังต้องวางแผนให้รอบคอบอีกนิด เมื่อวางแผนได้มากพอแล้ว จากนั้นเขาค่อยนำเรื่องนี้เข้าสู่วาระการประชุม เรื่องเก็บค่าเช่า เรื่องนี้ตัวเองทำมานานพอสมควร ดังนั้นจะดึงเวลาให้นานอีกไม่ได้แล้ว ถ้ายังล่าช้าต่อไป เขาเชื่อว่าประธานจางจะต้องเรียกตัวเองเข้าไปอบรมแน่ แต่สำหรับเรื่องแผนการเก็บค่าเช่านี้ ประธานจางนำข้อมูลที่สำคัญที่สุดให้กับฮงเหมย แต่ฮงเหมยกลับไม่นำข้อมูลการหักเงินมาให้ตัวเอง ดังนั้นเมื่อครู่ที่ห้องทำงานของฮงเหมย เขาจึงแสดงท่าทีแบบนั้นออกไป สุดท้ายยังพูดจาแบบนั้น ความหมายแฝงก็คือหวังจะให้ฮงเหมยใช้โอกาสนี้เข้าหาตัวเอง เขายังเชื่อว่าฮงเหมยจะเข้าใจความหมายของคำพูดที่ตัวเองได้สื่อไป แต่ถ้าเธอทำเหมือนไม่เข้าใจมัน ตัวเขาเองก็ไม่มีทางทำอะไรได้ ดังนั้นสุดท้ายเขาจึงพูดคำว่า เคารพการตัดสินใจของคุณ

ซ่งลุ่ยคิดและเดินไปพร้อมกัน ใช้เวลาไม่นาน เขาก็เดินมาถึงห้องทำงานของตัวเอง เขาเปิดประตูและเดินเข้าไป มองสภาพภายในห้องทำงานแล้ว เขาก็อดคิดถึงเหตุการณ์ที่น่าหวั่นวิตกเมื่อครู่ไม่ได้ และในเวลาเดียวกันก็ยังคิดอย่างเงียบ ๆ ไม่ช้าก็เร็วความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองและฮงเหมยจะต้องพังทลายลง ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไมเขาไม่ใช้โอกาสนี้ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฮงเหมยล่ะ ! ความสัมพันธ์แบบนี้จะสานต่อไปไม่ได้ ! ถ้ายังสานต่อไป มันจะมีการล้ำเส้นกันเกิดขึ้น ! และสุดท้ายผลลัพธ์จะกลายเป็นหายนะ !

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซ่งลุ่ยยังแอบตำหนิตัวเองอยู่ในใจ ไม่รู้ว่าแต่ก่อนตัวเองคิดยังไง ถึงใช้วิธีนี้รักษาความสัมพันธ์ระหว่างฮงเหมยกับตัวเขาเองเอาไว้ เขากำลังเล่นอยู่กับไฟจริง ๆ ! ตัวเองมีผู้หญิงที่ดีอย่างหลินหลินอยู่แล้วยังไม่รู้จักรักและทะนุถนอมเธอ ตัวเองยังจะไปสานสัมพันธ์กับผู้หญิงอย่างฮงเหมยอีก เรานี่มันจริง ๆ เลย  แต่ก่อนตัวเองนี่ไม่รู้จักคิดเอาเสียเลย

ซ่งลุ่ยใช้มือปิดประตูห้องทำงาน จากนั้นเดินไปที่เก้าอี้ด้านหลังโต๊ะทำงาน หลังจากนั่งลง ก็นำโน้ตบุ๊คของตัวเองออกจากลิ้นชักด้านข้าง และเริ่มวางแผนของตัวเองอย่างระมัดระวัง

ซ่งลุ่ยทำไปได้สักพัก เมื่อเห็นว่าทำมาได้พอสมควร ได้แผนงานจำนวนหลายหน้าแล้ว แต่ยังไงพวกมันเป็นเพียงแผนงานที่ถูกร่างขึ้นมาเท่านั้น ยังไม่ได้เป็นรูปธรรม ขณะนั้นเองซ่งลุ่ยก็อดคิดไม่ได้ ดูเหมือนถ้าไม่มีข้อมูลพวกนั้น ตัวเองจะทำอะไรไม่ได้จริง ๆ ! ข้อมูลพวกนั้นเรียกได้ว่าเป็นส่วนสำคัญที่เติมเต็มได้อย่างแท้จริง ! ยัยฮงเหมยนี้คงไม่มาจริง ๆ แล้วใช่ไหม ถ้าเป็นแบบนั้น งานนี้คงจะต้องเล่นใหญ่เป็นแน่ !

ซ่งลุ่ยทั้งคิดและใช้มือทั้งสองข้างนวดขมับของตัวเอง และอีกด้านหนึ่งยังใช้สายตาจับจ้องไปที่ประตู หวังว่าในวินาทีสุดท้ายฮงเหมยจะนำข้อมูลมาให้กับตัวเอง ไม่อย่างนั้นแผนของตัวเองจะไม่มีทางทำมันขึ้นมาได้จริง ๆ แน่

เสี้ยววินาทีต่อมา ซ่งลุ่ยก็ได้ยินเสียงเคาะประตูเบา ๆ ไม่ได้เคาะอย่างรุนแรง ดูเหมือนว่าจะเบามาก มันเป็นการเคาะประตูสองครั้งด้วยกัน ซ่งลุ่ยใจเต้น ฮ่งเหมยมารึเปล่านะ ใจหนึ่งเขาก็คิดแบบนี้ แต่อีกใจหนึ่งก็กำลังคิดอีกแบบ เมื่อเขามองผ่านช่องของประตู ก็พบกับใบหน้าเจ้าเสน่ห์ของฮงเหมยที่กำลังยืนอยู่หน้าประตู ใจเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่ามันช่างตลก ฮงเหมยคนนี้ ทำแบบนี้เป็นประจำ ตอนนี้เขาทั้งยิ้ม ส่ายหัว และเดินไปทางประตูพร้อมกัน เพื่อเดินไปเปิดประตูให้ฮงเหมยนั่นเอง

ขณะที่มือกำลังจับที่วางแขน ใบหน้าที่เคยประดับด้วยรอยยิ้มก็จางหายไป นำมือออกจากที่วางแขน และกลับไปมีท่าทีเย็นชาเหมือนเมื่อครู่อีกครั้ง จากนั้นเดินกลับไปนั่งที่เดิม ดวงตาทั้งสองข้างเปิดระบบมองทะลุ เปลี่ยนท่าเป็นนั่งไขว้ห้าง และยังคงมองออกไปด้านนอกประตู สังเกตการแสดงสีหน้าของฮงเหมย เพราะในช่วงเวลาเมื่อครู่นั้น มันทำให้ซ่งลุ่ยคิดว่าจะให้ฮงเหมยได้พบตัวเองง่าย ๆ แบบนี้ไม่ได้ ต้องทำให้ตัวเองได้กลั่นแกล้งเธอสักหน่อย ! ทำให้ตัวเองดูเจ๋งถึงจะถูก !

แม้ว่าซ่งลุ่ยคิดอยากจะเล่นกับฮงเหมยสักหน่อย แต่เขาก็ต้องระมัดระวังระดับในการเล่น ดังนั้นเขาจึงใช้ระบบมองทะลุเพื่อสังเกตการแสดงสีหน้าของฮงเหมย ซ่งลุ่ยคิดว่าถ้าเวลาผ่านไปสักพัก เขาค่อยเดินไปเปิดประตู แต่ก็จะทำให้มันง่ายเกินไปไม่ได้ และก็จะทำให้มันมากเกินไปไม่ได้ ดังนั้นพูดได้ว่า เขาจึงต้องสังเกตการแสดงสีหน้าของฮงเหมยตลอดเวลา

เมื่อฮงเหมยจัดการเอกสารเสร็จ เธอก็แกล้งเดินแบบแสดงอำนาจมาจนถึงหน้าห้องทำงานของซ่งลุ่ย เธอหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องทำงานของซ่งลุ่ย จากนั้นใช้มือเคาะประตู และไม่ได้พูดอะไรออกมา ต่อมาเธอพบว่าด้านในไม่มีการตอบสนองใด ๆ ไม่มีเสียงเดินมาเปิดประตูให้กับตัวเอง และไม่มีเสียงพูดอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นวินาทีนั้นเธอก็รู้ทันทีว่าเขากำลังอยากเล่นกับตัวเอง ในเวลานี้ ฮงเหมยเองก็เตรียมใจมาเหมือนกับที่ซ่งลุ่ยทำเมื่อตอนมาหาเธอครั้งก่อนนี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด