ตอนที่แล้วตอนที่ 20 ยอดวิวทะลุร้อยล้านครั้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 22 ประลองกับจางจื่ออี๋น้อย

ตอนที่ 21 หลังจากนี้ เฉาเสี่ยวซู่ควรเล่นอย่างไร?


“อะไรนะ? 4 ชั่วโมงก็มียอดคนดูเกิน 1 ร้อยล้านครั้งแล้ว?”

“ผู้จัดการเฉิง คุณอย่ามาหลอกฉันสิ”

“จริงเหรอ?”

เมื่อได้รับโทรศัพท์จากเฉิงเหลียง ผู้จัดการของเว็บไซต์วิดีโอ Tencent หยางหยางก็ตื่นเต้นจนทนไม่ไหว

ก่อนหน้านี้เธอคาดการณ์ว่าน่าจะมียอดดูประมาณ 30 ล้านครั้ง

แม้ว่าเธอจะพนันกับเฉิงเหลียงไว้ที่ 50 ล้านครั้ง

ในความคิดของเธอ ยอดคนดู 50 ล้านครั้งก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งแล้ว

ไม่นึกเลยว่าสยบฟ้าพิชิตปฐพีจะไปไกลกว่านั้นอีก 4 ชั่วโมง มีการดูเกิน 1 ร้อยล้านครั้ง ทำลายสถิติทุกอย่าง

“ผู้จัดการเฉิง ขอบคุณ ขอบคุณมากๆ มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง”

“เรื่องกินข้าวเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าจะพูดถึงการขอบคุณ มันควรเป็นผมที่ต้องขอบคุณคุณ เพราะสยบฟ้าพิชิตปฐพีดึงดูดผู้ชมมาให้แพลตฟอร์มเราได้หลายล้านคน”

“ถ้าไม่ได้การโปรโมทของพวกคุณ สยบฟ้าพิชิตปฐพีก็อาจจะไม่ดังขนาดนี้”

“ถ้าผู้กำกับหยางไม่ทำให้มีคุณภาพขนาดนี้ การโปรโมทของเราก็ไม่มีประโยชน์”

“ไม่ๆๆ”

“โอเค พอแล้ว เราไม่ต้องมาเยินยอกันแล้ว ครั้งนี้ผู้กำกับหยางต้องเหนื่อยมากจริงๆ ใช่ไหม? เอ่อ ใช่เลย นักแสดงที่เล่นเป็นเฉาเสี่ยวซู่นี่แสดงได้ยอดเยี่ยมมาก เป็นเพราะการแสดงของเขาที่ทำให้ผู้ชมทุกคนดื่มด่ำไปกับการดูหนังเรื่องนี้”

“ฮ่าๆ นักแสดงคนนั้นก็ทำให้ฉันประทับใจมากเช่นกัน”

“ถ้ามีโอกาสครั้งหน้า เราน่าจะเชิญเขามาร่วมงานอีก”

“เชื่อว่าน่าจะมีแน่นอน”

เมื่อวางโทรศัพท์ลง หยางหยางก็เดินออกจากห้องผู้กำกับด้วยความตื่นเต้นและบอกกับนักแสดงทุกคน “มีข่าวดีจะบอกทุกคน”

“เมื่อคืนนี้หนังของเรา สยบฟ้าพิชิตปฐพีบนแพลตฟอร์มวิดีโอ Tencent  มียอดดูเกิน 1 ร้อยล้านครั้งใน 4 ชั่วโมง ทำลายสถิติทั้งหมดของแพลตฟอร์ม Tencent”

ข่าวดีนี้ทำให้ทุกคนในทีมต่างกรี๊ดลั่นกันทั้งห้อง

“1 ร้อยล้านครั้ง เห้ย นี่มันดังมากเลยนะ”

“เมื่อคืนผมก็ดูมาด้วย ถึงแม้ว่าผมจะรู้ว่ามันดัง แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะดังขนาดนี้”

“พี่น้องทุกคน ตั้งใจถ่ายหนังกัน เราดังแล้ว เราดังแล้ว...”

หนังที่ดังไม่ใช่แค่จะนำเกียรติยศมาให้พระเอกเท่านั้น แต่มันยังนำเกียรติยศมาให้กับนักแสดงทุกคน รวมถึงทีมงานทุกคนด้วย

โดยเฉพาะวิธีการถ่ายหนังแบบถ่ายไปด้วยออกอากาศไปด้วย

ในอดีต ความดังหรือไม่ดังต้องรอจนกว่าจะถ่ายจบแล้วถึงจะออกอากาศ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน

หนังยังถ่ายไม่เสร็จแต่ก็รู้แล้วว่ามันดัง

สำหรับทุกคน นี่คือแรงกระตุ้นอย่างใหญ่หลวง

“ดังนั้น ฉันตัดสินใจว่าคืนนี้เราจะเพิ่มมื้อพิเศษให้”

หยางหยางก็ดีใจมาก ในช่วงก่อนหน้านี้เธอเครียดและไม่ค่อยยิ้มแย้มสักเท่าไหร่

แต่ดีที่การแสดงของเฉาเสี่ยวซู่ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น

และตอนนี้ การแสดงของเฉินผิงก็ได้รับผลตอบแทนแล้ว

ในงานเลี้ยงอาหารเย็น หยางหยางได้จัดเฉินผิงไว้ที่โต๊ะแรก ซึ่งเป็นโต๊ะของทีมผู้กำกับ

วงการบันเทิงมีกฎระเบียบที่เคร่งครัด

ตามปกติแล้ว ถ้าคุณมีฐานะอะไร คุณก็จะนั่งที่โต๊ะที่สอดคล้องกับฐานะของคุณ

โต๊ะแรกสุดคือต้องเป็นทีมผู้กำกับและโปรดิวเซอร์

โต๊ะถัดไปจะเป็นของพระเอก

จากนั้นจะเป็นโต๊ะของนักแสดงรอง

และสุดท้ายคือโต๊ะของทีมงาน

สำหรับนักแสดงประกอบก็ไม่มีโต๊ะ

เฉินผิงเป็นนักแสดงหน้าใหม่ ตามปกติจะต้องนั่งที่โต๊ะนักแสดงรอง

แต่วันนี้ ผู้กำกับหยางหยางได้พาเฉินผิงมาที่โต๊ะแรก

แม้ว่าหยางหยางจะบอกว่าเธอจะคุยเรื่องหนังกับเฉินผิง แต่ทุกคนก็รู้ดีว่านี่เป็นการให้รางวัลแก่คนที่ทำผลงานได้ดี

สยบฟ้าพิชิตปฐพีสามารถประสบความสำเร็จได้ ไม่ใช่แค่เพราะการผลิตที่ดีและการแสดงที่ยอดเยี่ยมของนักแสดงทุกคน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการแสดงของเฉินผิงที่เป็นเฉาเสี่ยวซู่

จากข้อความในช่องแสดงความคิดเห็นของผู้ชม ก็เห็นได้ชัดว่าในตอนที่ 6 ของสยบฟ้าพิชิตปฐพี ทุกคนต่างยอมรับในฝีมือการแสดงของเฉินผิง

สิ่งนี้ทำให้ทุกคนอิจฉาเฉินผิง

แต่การแสดงที่ยอดเยี่ยมของเฉินผิงก็เป็นสิ่งที่ทุกคนเห็นกันอยู่แล้ว ไม่มีใครพูดอะไรมากไปกว่านี้

นอกจากนี้ การแสดงที่ดีของเฉินผิงยังเป็นแรงกระตุ้นให้นักแสดงคนอื่นๆที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงเช่นกัน

ทำให้ทุกคนในทีมต่างมุ่งมั่นมากขึ้น

พวกเขารู้สึกว่าเฉาเสี่ยวซู่ที่แสดงโดยเฉินผิงสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้โดดเด่น ทำไมพวกเขาจะทำไม่ได้?

ดังนั้น...

นี่จึงทำให้สยบฟ้าพิชิตปฐพีในการถ่ายทำช่วงหลัง สร้างสรรค์ตัวละครที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกประทับใจได้อีกหลายตัว

“มาดื่มเพื่อความสำเร็จของเราในสยบฟ้าพิชิตปฐพีกันเถอะ”

หยางหยางยิ้มแย้มและยกแก้วขึ้นเป็นคนแรก

ทุกคนในห้องยืนขึ้น “ดื่ม”

“ดี เมื่อดื่มแก้วนี้แล้ว ทุกคนตามสบาย อย่าเกร็ง แต่ดื่มแต่พอดีนะ ถึงจะเป็นมื้อพิเศษ แต่พรุ่งนี้ยังต้องถ่ายกันอยู่”

หยางหยางเป็นผู้กำกับหญิงและไม่ชอบให้ดื่มจนเมามาย

เธอไม่ต้องการให้นักแสดงเมาจนทำงานในวันพรุ่งนี้ไม่ได้

หลังจากวางแก้วลง หยางหยางก็หันไปถามเฉินผิง “เฉินผิง พรุ่งนี้ฉากของนายคิดว่าจะเล่นยังไง?”

“ผู้กำกับหยาง คุณหมายถึงฉากไหน?”

“ฉากของเฉาเสี่ยวซู่หลังตัดผ่านระดับ”

แม้ว่าเฉาเสี่ยวซู่จะไม่ใช่พระเอกในสยบฟ้าพิชิตปฐพี แต่เขาก็มีความสำคัญมากในช่วงต้น

โดยเฉพาะข้อมูลที่ทางแพลตฟอร์ม Tencent ให้กลับมา ทำให้หยางหยางให้ความสำคัญกับตัวละครเฉาเสี่ยวซู่มากขึ้น

“โปรดชี้แนะด้วยครับผู้กำกับหยาง”

หลังจากคิดสักพัก เฉินผิงก็กล่าวด้วยความอ่อนน้อม

“จากการแสดงในช่วงนี้ ฉันเชื่อว่านายคงได้อ่านนิยายต้นฉบับของสยบฟ้าพิชิตปฐพีแล้ว สยบฟ้าพิชิตปฐพีเป็นนิยายแนวแฟนตาซี ซึ่งเน้นเรื่องการฝึกฝนที่สำคัญมาก การฝึกฝนในนิยายแนวนี้มีความแตกต่างจากนิยายแนวกำลังภายใน โดยในนิยายกำลังภายในการเลื่อนขั้นระหว่างแต่ละขั้นจะไม่ชัดเจนขนาดนี้ แต่ในสยบฟ้าพิชิตปฐพี การเข้าสู่ขั้น ‘ทราบชะตา’ นั้นสำคัญมาก การข้ามผ่านขั้นนี้ไป นั่นคือความแตกต่างระหว่างฟ้ากับดิน”

ในฐานะผู้กำกับ หยางหยางได้อ่านสยบฟ้าพิชิตปฐพีหลายรอบ

และเนื่องจากเธอเป็นผู้กำกับ เธอจึงมีมุมมองที่ต่างจากผู้อ่านและนักแสดงทั่วไป

สิ่งที่เธออธิบายให้เฉินผิงฟังนั้นทำให้นักแสดงทุกคนหยุดทานอาหารและฟังอย่างตั้งใจ

แม้ว่าผู้กำกับหยางจะอธิบายกับเฉินผิง แต่ทุกคนก็ได้รับประโยชน์ไปด้วย

“ยังจำวังจิ่งลั่วได้ไหม?”

หยางหยางหันไปมองนักแสดงที่มีรูปร่างอ้วนและรับบทเป็นวังจิ่งลั่ว

นักแสดงที่เล่นเป็นวังจิ่งลั่วลุกขึ้นยืนและพยักหน้าให้ผู้กำกับหยางหยาง

“วังจิ่งลั่วได้พูดกับหนิงเชวียและเฉาเสี่ยวซู่ในการต่อสู้ที่ชุนเฟิงถิงว่า ‘พวกเจ้ามนุษย์ธรรมดา’”

“ฟังคำนี้ดูสิ ตอนนั้นวังจิ่งลั่วยังอยู่ใต้ขั้น ‘ทราบชะตา’ หรือเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่เก่งที่สุดภายใต้ขั้นนี้ เขายังไม่ได้ถึงขั้น ‘ทราบชะตา’ แต่เขามองทุกคนเป็นเหมือนมด ดังนั้นลองคิดดูว่าถ้าถึงขั้น ‘ทราบชะตา’ แล้วมันจะเป็นอย่างไร?”

ต้องยอมรับว่าหยางหยางมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในนิยายสยบฟ้าพิชิตปฐพี

งานเลี้ยงอาหารเย็นคืนนี้ทำให้นักแสดงทุกคนได้รับประโยชน์มากมาย

งานเลี้ยงอาหารเย็นไม่ได้ยาวนานเกินไป เพราะทุกคนยังต้องถ่ายทำในวันพรุ่งนี้ เฉินผิงจึงกล่าวลากับนักแสดงคนอื่นๆและกลับไปที่โรงแรม

หลังจากอาบน้ำ เฉินผิงก็ได้เริ่มอ่านบทของสยบฟ้าพิชิตปฐพีอย่างตั้งใจ

พร้อมทั้งอ่านนิยายต้นฉบับของสยบฟ้าพิชิตปฐพีอีกด้วย

เขารู้สึกว่าการเข้าใจของผู้กำกับหยางในขั้น ‘ทราบชะตา’ นั้นลึกซึ้งมาก แต่เมื่อแยกย่อยไปที่แต่ละตัวละครแล้วมันก็ยังมีความแตกต่างกัน

เฉาเสี่ยวซู่ที่เข้าสู่ขั้น ‘ทราบชะตา’ นั้นแตกต่างจากหนิงเชวียที่เข้าสู่ขั้น ‘ทราบชะตา’

ขั้น ‘ทราบชะตา’ ของศิษย์พี่ใหญ่ก็แตกต่างจากขั้น ‘ทราบชะตา’ ของศิษย์พี่รอง

แม้จะเป็นขั้นเดียวกัน แต่ลักษณะและอารมณ์ของแต่ละตัวละครยังคงแตกต่างกัน

อาจจะมีตัวละครที่มองว่ามนุษย์ธรรมดาเป็นมด แต่นั่นไม่จำเป็นต้องเป็นลักษณะของทุกตัวละครในขั้น ‘ทราบชะตา’

เฉินผิงจดบันทึกและคิดตาม

จนถึงเวลาเที่ยงคืน เฉินผิงก็ยิ้มและรู้ว่าในวันพรุ่งนี้เขาจะต้องแสดงอย่างไร

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด