ตอนที่แล้วเรื่องย่อ : สุดยอดมังกรสัตว์เลี้ยงของฉัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 2 : เหตุผลของการปฏิเสธ

ตอนที่ 1 : นักรบ


ณ วันที่ 27 มิถุนายน ปี 2115 เวลา 8.30 น.

หยางเทียน สะพายกระเป๋าพาดไปยังไหล่ เมื่อตัวเขามาถึงยังหน้าประตูโรงเรียนมัธยมเทียนซง

วันนี้เป็นวันสิ้นสุดการสอบของหยางเทียนที่โรงเรียนแห่งนี้

‘’ถึงพลเมืองทุกท่าน ทางโรงเรียนเตรียมทหารเฉินเหว่ยจะเปิดรับนักเรียนนายร้อยรุ่นใหม่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้อกำหนดผู้สมัครจะต้องมีอายุระหว่าง 18 - 20 ปีบริบูรณ์ มีสุขภาพร่างกายที่ดี สามารถอดทนต่อความยากลำบากได้… พลเมืองท่านใดก็ตามที่มีคุณสมบัติตรงตามหัวข้อดังกล่าวสามารถมารายงานตัวที่โรงเรียนเตรียมทหารเฉินเหว่ย และอย่าลืมนำบัตรประชาชนมาด้วยสำหรับใช้ลงทะเบียน ขอให้โชคดี’’

ซึ่งในขณะนั้นเอง ป้ายประกาศโฆษณาบนตึกระฟ้าฝั่งตรงข้ามโรงเรียนก็กำลังเปิดโฆษณารับสมัครวนซ้ำไปมา

เมื่อหยางเทียนได้เห็นป้ายโฆษณาดังกล่าวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น จนเผลอกำหมัดแน่นโดยที่ไม่รู้ตัว

ในยุคสมัยที่มีสัตว์ประหลาดเดินเพ่นพ่านไปในทุกหนแห่งบนโลก ความฝันของหยางเทียนคือการได้เป็นนักรบที่แข็งแกร่ง ซึ่งในยุคสมัยนี้นับว่าเป็นความฝันของใครหลายๆคนในยุคนี้เช่นกัน

เมื่อพูดถึงนักรบแล้ว คงจะต้องเริ่มต้นจากปี 2035

ในเดือนมีนาคม ปี 2035 มนุษยชาติได้ค้นพบจุลินทรีย์แปลกประหลาดบนดาวอังคาร และพวกเขาได้นำมันกลับมายังโลก

ในเดือนกันยายน ปี 2035 ยานพาหนะขนส่งที่ทำหน้าที่ขนส่งจุลินทรีย์ได้ประสบอุบัติเหตุระหว่างกระบวนการนำกลับและจมลงสู่ใต้มหาสมุทร

สามเดือนต่อมา สิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรเริ่มกลายพันธุ์อย่างเห็นได้ชัด พวกมันเติบโตเรื่อยๆความดุร้ายก็ขยายวงกว้าง—จนถึงจุดที่พวกมันสามารถพลิกคว่ำเรือไปจนถึงทำลายเครื่องบินได้!

ก่อนที่มนุษยชาติจะมีโอกาสตอบโต้ สัตว์ประหลาดจากทะเลได้โจมตีเมืองชายฝั่ง

และมีผู้เคราะห์ร้ายหลายร้อยล้านชีวิตเสียชีวิตจากการโจมตีในครั้งแรกนี้

เมื่อเมืองชายฝั่งถูกทำลาย มนุษยชาติจึงถูกบังคับให้ต้องย้ายเข้าไปด้านใน

จากการสืบสวนพบว่าการเปลี่ยนแปลงที่พบในสัตว์ทะเลนั้นเกิดจากจุลินทรีย์จากดาวอังคารซึ่งในที่สุดก็ได้ถูกเรียกว่า วายเอสไวรัส

วายเอสไวรัส อาจมีส่วนทำให้เกิดการกลายพันธุ์ในสัตว์ และทำให้พวกมันมีพลังมหาศาลอย่างคาดไม่ถึง แต่ยังไงก็ตาม ไวรัสนั้นไม่ได้มีผลกระทบกับมนุษย์

ภายในครึ่งปี วายเอสไวรัสก็ได้แพร่กระจายไปยังบนบก สัตว์บนบกก็เริ่มกลายพันธุ์ พวกมันเริ่มผสมพันธุ์ และขยายพันธ์จำนวนมากขึ้น และได้เริ่มกลืนกินมนุษย์

มนุษยชาติถูกบังคับให้ต้องใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่ไม่ว่ายังไง ก็ไม่สามารถกำจัดสัตว์กลายพันธุ์พวกนี้ได้อีกทั้ง ยังทำให้สัตว์กลายพันธุ์แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ส่งผลให้ดินแดนที่มนุษยชาติยึดครองต้องเล็กลงไปอีก

ยุคที่สัตว์ประหลาดเดินเพ่นพ่านไปในทุกหนแห่งบนโลก ได้เริ่มต้นแล้ว! มนุษยชาติต้องรวมตัวกันเพื่อค้นหาวิธีที่จะต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่กำลังรุกราน

ในความโชคดี ขณะที่มนุษย์พยายามล่าสัตว์ประหลาดอยู่นั้นได้มีมนุษย์บางคนได้พบเข้ากับแกนกลางของสัตว์ประหลาดเข้า และได้ลองกินเข้าไป ทันใดนั้นเขาพบว่า ตัวเขามีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างล้นหลาม ทั้งความเร็ว และพลังกายอันเหนือมนุษย์

อุบัติเหตุที่ทำให้ต้องกินแกนกลางของสัตว์อสูรนั้น เกิดจากความรุนแรงจากการที่มนุษย์

ได้ต่อสู้กับสัตว์ประหลาด ด้วยมือสองข้างที่ไร้กำลัง บางคนถึงขั้นใช้ฟันกัดสัตว์ประหลาดในขณะที่ต่อสู้ ซึ่งในขณะนั้นเองก็ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีคนกินแกนสัตว์ประหลาดเข้าไปจริงๆ

ผู้ก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์คนแรก หรือเรียกอีกชื่อว่า ทรานส์ฮิวแมนได้ถือกำเนิดขึ้น

ในเวลาอันใกล้ จะมีทรานส์ฮิวแมนเพิ่มมากขึ้นในระหว่างการต่อสู้กับสัตว์ประหลาด บุคคลเหล่านี้จะได้รับประสบการณ์ และการขัดเกลาศิลปะการต่อสู้ พัฒนากลยุทธ์การต่อสู้ที่อันซับซ้อนต่างๆ

ทรานส์ฮิวแมนที่ได้ขัดเกลากลยุทธ์การต่อสู้จะมีพลังการต่อสู้เพิ่มขึ้นอย่างมาก และเมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาถูกขนานนามว่าว่า นักรบ

การกำเนิดของนักรบบ่งบอกถึงการเริ่มต้นยุคใหม่ของมนุษยชาติ

เมื่อมีนักรบเป็นศูนย์กลาง มนุษย์กลุ่มใหญ่จึงเริ่มรวมตัวกัน ก่อตั้งเมืองใหม่ และสร้างกฎระเบียบใหม่

ในช่วงยุคของสัตว์ประหลาดนั้นสภาพความเป็นอยู่เต็มไปด้วยความยากลำบาก สำหรับผู้ที่มีจิตใจอ่อนแอ มันเป็นหายนะครั้งใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้น สำหรับผู้แข็งแกร่งแล้วมันเปรียบเสมือนการเฉลิมฉลองความอุตสาหะ!

หยางเทียนเดินเข้าไปยังประตูหลักของโรงเรียนด้วยความรู้สึกตื่นเต้นในใจ เพื่อเผชิญกับการสอบครั้งสุดท้ายของช่วงชีวิตมัธยมปลาย

เสียงกริ่งดังขึ้นเป็นสัญญานแจ้งถึงเวลาสิ้นสุดการสอบ หยางเทียนวางปากกาลงแล้วเดินออกจากห้องเรียนพร้อมกับเพื่อนๆ ของเขา

"หยางเทียน เป็นไงบ้าง"

หยางเทียนเพิ่งออกจากห้องเรียนไปเพียงไม่กี่ก้าว ก็มีเด็กหนุ่มตัวใหญ่คนหนึ่งวิ่งเข้ามา และตบไปยังแผ่นหลังของหยางเทียน ในขณะที่เขาพูด

หยางเทียนหันกลับมา และส่ายหัวขณะที่เขายิ้มอย่างขมขื่น “ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ  ฉันคิดว่าคงจะไม่เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว นายล่ะ?”

เด็กหนุ่มร่างใหญ่เกาหัวแกรกๆ และพูดขึ้นว่า “ผลสอบของฉันแย่กว่าของนายอีก! จะขอบคุณพระเจ้ามากถ้าฉันผ่านมันได้”

“หยางเทียน โจวห่าว กำลังหาพวกนายอยู่พอดีเลย! ไปกันเถอะ! เราควรไปหาอะไรกินด้วยกันสักหน่อยก่อนเราจะเรียนจบ อีกอย่างเราควรพาแฟนสาวของพวกเราออกไปปาร์ตี้กันบ้างนะ”

ในขณะนั้นเด็กหนุ่มที่สวมแว่นตา และท่าทางดูเหมือนหนอนหนังสือก็วิ่งเข้ามา พร้อมทั้งยิ้มให้พวกเขาทั้งสองคน

เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่คนนั้นคือโจวห่าว เขาอายุ 19 ปี สูง 1.8 เมตร มีรูปร่างบึกบึน ส่วนเด็กหนุ่มที่สวมแว่นตาคือ ซูเฟย เขาอายุ 18 ปี สูง 1.7 เมตร รูปร่างผอมบางเล็กน้อย ทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของ หยางเทียน

พวกเขาทั้งสามหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และติดต่อหาแฟนสาวของตน

ไม่นาน เด็กผู้หญิงทั้งสามคนก็มาถึง ทั้งหกคนพูดคุยด้วยกันอย่างสนุกสนาน ก่อนที่จะพากันเดินออกจากโรงเรียนไปพร้อมๆกัน

เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่สวมชุดกระโปรงสีขาว ทรงผมของเธอถูกรวบไปด้านหลังเป็นทรงหางม้า เธอนับว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่น่าดึงดูดที่สุดจากในบรรดาเด็กผู้หญิงทุกคน

ชื่อของเธอคือ ฉินเฟย เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่สวยเอามากๆถึงขั้นเรียกได้ว่าสวยที่สุดในโรงเรียนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ช่างน่าเสียดายที่เธอนั้นดันไปอยู่กับคนที่ดูธรรมดาอย่างหยางเทียน

ซึ่งความจริงแล้วตัวหยางเทียนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมฉินเฟยถึงต้องสนใจคนแบบเขาด้วย ทั้งที่ตัวเขานั้นก็มาจากครอบครัวธรรมดาๆ ในขณะที่ฉินเฟยเป็นถึงลูกสาวของครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย ซึ่งในช่วงสุดสัปดาห์คนขับรถของเธอจะขับรถพาเธอไปเที่ยวรอบๆ เสมอ

หยางเทียนเคยถามเกี่ยวกับครอบครัวของฉินเฟย แต่เธอกลับเพียงแค่ยิ้มกลับ และไม่พูดอะไรต่อ หลังจากนั้นมาหยางเทียนก็ไม่ถามเกี่ยวกับครอบครัวของเธออีกเลย

ความรักนั้นช่างเป็นสิ่งที่ลึกลับ มันอาจทำให้คนสองคนที่มีภูมิหลังที่แตกต่างกันมาอยู่ใกล้ชิดกันได้

แฟนสาวของโจวห่าว คือ หลีหยาง ในขณะที่แฟนสาวของ ซูเฟย คือ ลู่เฉียน พวกเธอทั้งสองก็นับว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่ดูดีเลยทีเดียว

ขณะที่พวกเขาเดินไปที่ประตูโรงเรียน หลีหยางก็จับแขนของโจวห่าว ขณะที่ซูเฟ่ยก็โอบแขนของเขาไว้รอบไหล่ของลู่เฉียน; ทั้งสองคู่ดูหวานกันมาก แต่ก็มีเพียงหยางเทียน และฉินเฟยเท่านั้นที่เดินเคียงข้างกัน โดยไม่แม้แต่ที่จะจับมือกัน

แม้ว่าทั้งคู่จะออกเดทกัน แต่พวกเขาก็รักษาขอบเขตด้วยการจับมือกันกันเท่านั้น ในขณะเดียวกัน ทั้งโจ่วห่าว และซูเฟ่ยต่างก็แสดงการพัฒนาความสัมพันธ์ของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง

พวกเขามีข้อตกลงนั้น เพราะความเขินอายของหยางเทียน และการเลี้ยงดูที่เข้มงวดของฉินเฟย

ทั้งหกคนเพิ่งออกจากประตูโรงเรียน ก็มีรถลีมูซีนสีดำสุดหรูขับมาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขา

ประตูเปิดออก และมีชายหนุ่มที่มีเสน่ห์มากในชุดสูทสีดำที่มีแบรนด์สินค้าดังก้าวออกมาจากประตู

เขาถือดอกไม้ไว้ในมือ และก้าวไปตรงหน้าฉินเฟย เขายื่นดอกไม้ไปทางเธอแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ฉินเฟย เป็นแฟนฉันเถอะ!”

ฉินเฟยขมวดคิ้ว และปฏิเสธเขาด้วยน้ำเสียงสงบแต่หนักแน่น “ซุนยู นายไม่ใช่สเปกของฉัน ได้โปรดเถอะ เลิกยุ่งกับฉันได้แล้ว”

ซุนยูยิ้มตอบ และมองหยางเทียนอย่างเหยียดหยามก่อนจะพูดกับฉินเฟยว่า "จะรักคนโง่อย่างเขาด้วยภูมิหลัง และสถานะของตัวเองได้ยังไง แม้ว่าคุณจะเต็มใจ ครอบครัวของคุณก็ไม่อนุญาตหรอก เพราะ... คุณทั้งคู่อยู่ในโลกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง”

หลังจากซุนยูพูดจบ ฉินเฟยก็คว้าดอกไม้ในมือของเขาโยนลงพื้นก่อนจะจับมือของหยางเทียน เธอพูดกับซุนยูว่า "คนที่ฉันชอบ มันไม่ใช่เรื่องของนาย!"

จากนั้นฉินเฟยก็ดึงหยางเทียนตามมา แล้วรีบเดินไปตามถนนหน้าประตูโรงเรียน

ซุนยูยิ้มอย่างเย็นชา ขณะที่เขาจ้องมองไปที่แผ่นหลังของหยางเทียน

ความอารมณ์ดีของทั้งหกคนถูกทำลายโดยซุนยู คู่รักทั้งสามเดินไปประมาณสิบนาทีก่อนที่จะสุ่มเลือกร้านอาหารจีนที่จะรับประทานอาหารกัน พวกเขาสั่งอาหารสองสามจาน และเบียร์หนึ่งลัง

เมื่ออาหารทั้งหมดถูกเสิร์ฟ ซูเฟ่ยก็หยิบแก้วออกมาเทเบียร์ให้ทุกคน เขายกแก้วขึ้นแล้วพูดว่า   "วันนี้ในที่สุดเราก็สำเร็จการศึกษา และกำลังเผชิญกับอนาคตใหม่ ขอให้แก้วนี้เป็นแก้วที่อวยพรสู่อนาคตที่ดี มา! ไชโย!"

“หยางเทียน เรียนจบแล้วนายอยากทำอะไร?” ซูเฟ่ยถามหลังจากดื่มหมดแก้วแล้ว

หยางเทียนเหลือบมองฉินเฟยที่นั่งข้างเขา และดวงตาของเขาดูเหมือนจะแฝงไปด้วยความโศกเศร้า เพราะเขารู้ว่าเขาจะไม่สามารถเข้ามหาวิทยาลัยได้ ในขณะเดียวกันฉินเฟยก็จะเข้ามหาลัยอย่างแน่นอน และทั้งสองก็ต้องแยกจากกัน

"ฉันคิดว่าพรุ่งนี้ฉันจะไปที่โรงเรียนเตรียมทหารเฉินเหว่ย ไปลงทะเบียน และในที่สุดก็จะกลายเป็นนักรบ!" หยางเทียนได้แบ่งปันความปรารถนาของเขา

“ฮ่าๆ! ฉันก็มีความทะเยอทะยานแบบนั้นเหมือนกัน” โจวห่าวหัวเราะ ขณะพูด "หยางเทียน พรุ่งนี้ไปด้วยกันเถอะ!"

"ซูเฟ่ย แล้วนายล่ะ?"โจวห่าวถามซูเฟ่ย.

ซูเฟ่ยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ "เดาดูสิ!"

พวกเขาทั้งหมดมองซูเฟ่ยอย่างสงสัย..

โจวห่าวพูดว่า "ซูเฟ่ยผลสอบของนายน่ะมันดีมาก! นายก็คงจะต้องเข้ามหาวิทยาลัยเหมือนฉินเฟยแน่ๆ!"

ซูเฟ่ยยิ้มแล้วส่ายหัว “เอาล่ะ ฉันจะไม่ปิดมันไว้จากพวกนาย ฉันได้รับการตอบรับจากสถาบันวิศวกรรมไฟฟ้าแล้ว ฉันจะรายงานให้พวกเขาทราบหลังปิดเทอมฤดูร้อน”

“สุดยอด ยินดีด้วย! ชนแก้วว!” โจวห่าวพูด แล้วยกแก้วขึ้น

เวลา 20.00 น. หยางเทียนเมาเล็กน้อยมาถึงหน้าบ้านของเขา

เขาดึงกุญแจออกมาเพื่อปลดล็อคประตู ผลักประตูให้เปิดออกและเข้าไปในบ้านอันอบอุ่น

หยางเทียนวางกระเป๋าสะพายลงแล้วพูดกับพ่อแม่ของเขาที่กำลังดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา

พ่อของหยางเทียนถูกเรียกว่าหยางหลิน ในขณะที่แม่ของเขาถูกเรียกว่าหวังฮง พวกเขาเป็นคู่แต่งงานธรรมดาที่ทำงานในโรงงานอาหารในเมือง

หยางหลินพูดอย่างใจเย็น ขณะที่เขาวางรีโมตคอนโทรลลง และกวักมือเรียกหยางเทียนให้นั่งข้างเขา

“ก็ไม่ค่อยดีครับ ผมคงไม่เข้ามหาวิทยาลัยแน่นอน” หยางเทียนยักไหล่พร้อมยิ้มอย่างขมขื่น

หวังฮงลุกขึ้นไปรินน้ำให้หยางเทียน “ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกถ้าลู้เข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ อายุ 18 อยากทำอะไร ถ้าไม่มีไอเดียก็ไปโรงงานเถอะ! ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนแบบนี้ก็ไม่เลวเลยนะที่จะใช้ชีวิตเรียบง่ายเหมือนเรา”

หยางเทียนส่ายหัวแล้วพูดว่า "แม่ครับ พ่อครับ ผมอยากเป็นนักรบเหมือนปู่"

ทันทีที่หยางเทียนกล่าวเช่นนั้น หยางหลินก็ขึ้นเสียงทันที "ไม่!"

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ผมเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ และผมก็มีอิสระในการเลือกอนาคตของตัวเอง” หยางเทียนกล่าวด้วยสีหน้าสับสน เมื่อใดก็ตามที่เขาพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ พ่อแม่ของเขาก็จะต่อต้านอย่างรุนแรง

หยางเทียนรู้ว่าถ้าพ่อแม่สนับสนุนเขา เขาสามารถติดต่อกับเพื่อนเก่าของปู่ได้ ด้วยความสัมพันธ์เหล่านั้น เขาจะมีโอกาสที่ดีมากในการเป็นนักรบ

หยางหลินมองดูลูกชายของเขาแล้วถอนหายใจ “การเป็นนักรบในช่วงแรกมันดูดีมาก อย่างไรก็ตาม พวกเขาใช้เวลาทั้งหมดไปกับการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดนอกเมือง พวกเขาสามารถตายเมื่อไหร่ก็ได้. ถ้าปู่ของลูกไม่ใช่นักรบ เขาก็คงยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ แม้ว่าชีวิตของเราจะไม่ง่ายนัก แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราใช้เวลาร่วมกันอย่างสงบสุข?”

หยางเทียนตระหนักว่าไม่ว่าเขาจะพยายามโต้แย้งมากแค่ไหน พ่อแม่ของเขาก็จะไม่มีวันเห็นด้วย

หยางเทียนเดินเข้าไปในห้องของปู่ หยิบไดอารี่ของปู่ขึ้นมาแล้วพลิกดู

ทุกครั้งที่เขาอ่านไดอารี่ของคุณปู่ หยางเทียนจะรู้สึกได้ถึงความหลงใหลของเขาที่เพิ่มขึ้น การกลายเป็นนักรบ การต่อสู้กับสัตว์ประหลาด และในที่สุดก็ก้าวขึ้นเป็นนักรบที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก นั่นคือความฝันของหยางเทียนตั้งแต่เขายังเด็ก!

เขาปิดไดอารี่ของปู่ และกำหมัดแน่น เขาตัดสินใจที่จะไปสถาบันการทหารอันศักดิ์สิทธิ์ พื่อเข้าร่วมการทดสอบ แม้ว่าโอกาสที่เขาได้รับเลือกจะต่ำมากก็ตาม

เขาออกจากห้องของปู่ อาบน้ำ แล้วกลับเข้าห้อง

หยางเทียนนอนอยู่บนเตียง โทรหาฉินเฟย และพวกเขาก็พูดคุยกันเป็นเวลานาน หลังจากที่พวกเขาวางสาย เขาก็เข้านอนพร้อมกับรอยยิ้มอันแสนหวานบนใบหน้าของเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด