MDB ตอนที่ 460 สื่อสารอย่างลับ ๆ
หลินจินพบเจอกับฉากตรงหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจ เขามองไปในทิศทางของชายคนนั้น เนื่องจากออร่าสัตว์วิเศษอันทรงพลังที่เขาตรวจพบจากอีกฝ่าย การฝึกฝนคัมภีร์จ้าวอสูรของบุคคลนี้จะต้องลึกซึ้งมากทีเดียว
และหลินจินก็ยังสังเกตเห็นวงแหวนสามวงบนแขนเสื้อของชายคนนั้นอีกด้วย
‘ผู้หญิงคนนั้น เธอกำลังโกงหรือเปล่านะ?’
นั่นคือปฏิกิริยาแรกของหลินจิน เมื่อสังเกตอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็ยืนยันว่าเป็นเช่นนั้น
ความรู้ของผู้ประเมินระดับสามห่างชั้นจากผู้ประเมินระดับสองมาก เนื่องจากเขาส่งข้อมูลไปยังเจียงเฟิงเฟิงอย่างลับ ๆ มันจึงชัดเจนว่าเขากำลังช่วยเธอโกง
เขาใช้นิ้ว ฝ่ามือ ข้อมือ และแม้กระทั่งข้อศอกเพื่อสื่อสารข้อความต่าง ๆ หากผู้รับสารได้รับการฝึกฝนให้สื่อสารด้วยรหัสมาอย่างดี ทั้งสองฝ่ายก็สามารถสนทนากันได้อย่างง่ายดายเหมือนคนปกติโดยไม่ต้องพูดอะไรแม้แต่คำเดียว
นั่นคือวิธีที่เจียงเฟิงเฟิงใช้เพื่อในการโกง
ตอนนี้เธอรวบรวมข้อมูลได้เพียงพอแล้ว เจียงเฟิงเฟิงก็เผยสีหน้าหน้าลำพองใจ และเหลือบมองตันหลินที่ดูเหมือนจะกำลังระดมสมองของเธออยู่ที่อีกด้านหนึ่งของห้องโถง เธอเผยรอยยิ้มสุดแสนมั่นใจ จากนั้นเธอก็เริ่มเขียนต่อ
เมื่อเห็นสิ่งนี้ หลินจินก็ส่ายหัว
หากเป็นอย่างนี้ ตันหลินก็ไม่สามารถชนะได้
ไม่ว่าตันหลินจะมีความสามารถมากแค่ไหน เธอก็ไม่สามารถแข่งขันกับคนสองคนที่ทำงานร่วมกันได้ นี่ควรจะเป็นการแข่งขันประเมินสัตว์วิเศษ ดังนั้นมันจึงน่าเสียดายอย่างยิ่งที่คู่แข่งของเธอหันไปใช้วิธีที่น่ารังเกียจเช่นนี้
เนื่องจาก ตันหลินมุ่งความสนใจไปที่การไขปริศนามาก เธอจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
หลังจากครุ่นคิดแล้ว หลินจินก็ตัดสินใจช่วยเธอ แม้ว่าหลินจินจะไม่สามารถสัมผัสขนนกที่ห้อยอยู่ในอากาศได้ แต่ด้วยทักษะการประเมินในปัจจุบันของเขา เขาสามารถบอกอะไรได้มากมายเพียงแค่มองดูมัน
อย่างน้อยเขาก็ดีกว่าผู้ประเมินระดับสามที่ช่วยเจียงเฟิงเฟิงโกง
ท้ายที่สุดแล้ว หลินจินได้รับการสนับสนุนจากพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษ การฝึกฝนหลายเดือนช่วยให้หลินจินยกระดับมาตรฐานทักษะการประเมินของเขา
ณ ตอนนี้ หลินจินสรุปต้นกำเนิดของขนนกคร่าว ๆ แล้ว คนทั่วไปจะคิดว่าขนนกต้องมาจากนกเท่านั้น แต่นั่นไม่เป็นความจริงเสมอไป ทุกอย่างขึ้นอยู่กับลักษณะของขนนก
ขนนี้มีความหนาและทนทานเช่น แม้ว่าแพนขนนกจะเต็มไปด้วยสีสัน แต่การเรียงลำดับสีก็ค่อนข้างน่าสนใจ ท้ายที่สุดแล้ว มีเหตุผลอยู่เบื้องหลังว่าทำไมสิ่งมีชีวิตถึงมีสีใดสีหนึ่งอยู่เสมอ
ขนมีลักษณะกลวง และค่อนข้างคล้ายกับกระดูกที่แข็งแรงแต่ก็ยืดหยุ่น ซึ่งทำให้มันแตกต่างจากขนของนกทั่ว ๆ ไป แม้หลินจินจะไม่รู้ว่ามันหนักแค่ไหน แต่เขามั่นใจว่ามันหนักกว่าที่ตาเห็น
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นไปได้สูงว่าขนนกไม่ได้มาจากนก
ในพิพิธภัณฑ์ของเขา หลินจินบังเอิญมีบันทึกเกี่ยวกับสัตว์วิเศษที่มีลักษณะคล้ายขนนก หลังจากทำการเปรียบเทียบสั้น ๆ หลินจินก็ได้ข้อสรุป
แม้ว่าข้อสรุปนี้อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด แต่ก็ควรจะใกล้เคียงกับข้อเท็จจริง อย่างน้อยที่สุด เขามั่นใจว่าคำตอบของเขาแม่นยำมากกว่าผู้ประเมินระดับสามคนนั้น
ต่อไปคือวิธีที่เขาควรถ่ายทอดข้อความนี้ไปยังตันหลิน
เนื่องจากผู้หญิงอีกคนกำลังโกง ตันหลินก็ควรทำด้วยเช่นกัน
หลินจินนึกถึงคาถาที่มีชื่อว่า 'สื่อสารเร้นลับ' ที่ใช้งานโดยผู้อมตะในอดีต มันเป็นคาถาที่หลินจินได้ยินจากเจ้าอาวาสแห่งวัดต้าหลัว ในช่วงสามวันที่เขาพักอยู่กับพวกเขา
เนื่องจากวัดต้าหลัวมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าพันปี วิธีการฝึกฝน ศิลปะการต่อสู้ คาถา และทักษะเหนือธรรมชาติอื่น ๆ มากมายจึงได้รับการสืบทอดมา รวมถึงคาถาสื่อสารเร้นลับนี้ด้วย
เจ้าอาวาสบอกเขาว่ามันเป็นเพียงทฤษฎีของคาถาเท่านั้น หลินจินจึงทำการศึกษาและค้นคว้าด้วยตัวเอง พูดง่าย ๆ ก็คือ มันเป็นรูปแบบคาถาที่ไม่จำเป็นต้องฝึกฝนมากเพื่อที่จะเชี่ยวชาญ ขอแค่มีพลังวิญญาณที่เพียงพอ ใคร ๆ ก็สามารถใช้งานได้
บังเอิญว่าหลินจินมีพลังวิญญาณมากพอที่จะใช้คาถานี้
หลินจินหายใจเข้าลึก ๆ มุ่งความสนใจไปที่ตันหลินและพึมพำ แม้แต่หลี่ซินฉีที่ยืนอยู่ใกล้เขาที่สุดก็ไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด
แต่ไม่ใช่กับตันหลินที่กำลังง่วนกับการเขียนรายงานการประเมินในโค้งสุดท้าย
เธอใกล้จะเขียนเสร็จแล้วและพร้อมที่จะยื่นให้กรรมการ แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูของเธอ
‘ตันหลิน ฟังข้าและอย่าขยับ นี่ข้าเอง หลินจิน’
ตันหลินตกใจมาก แต่เนื่องจากเธอคนใจเย็น เธอจึงสามารถระงับตัวเองไม่ให้ส่งเสียงหรือแสดงกิริยาที่ไม่จำเป็น แม้ตัวเองจะรู้สึกหวาดกลัวก็ตาม
เธอเงยหน้าขึ้นมองและสังเกตเห็นหลินจินยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนด้านนอก
ตันหลินดูตื่นเต้นและไม่เชื่อสายตา แน่นอนว่าเธอไม่ได้คาดหวังที่จะพบเขาที่นี่เลย
หลินจินพยักหน้าให้เธอก่อนจะส่งข้อความไปให้เธออีก คราวนี้ เขาอธิบายให้ตันหลินฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้
เมื่อได้ยินว่าเจียงเฟิงเฟิงกำลังโกง ตันหลินก็รู้สึกโกรธขึ้นมา
'เธอกล้าทำอะไรแบบนี้เพียงเพื่อชัยชนะอย่างงั้นเหรอ!? บ้าบอสิ้นดี!'
ความคิดแรกของตันหลินคือ การรายงานการกระทำของเธอ แต่ก่อนที่เธอจะทำเช่นนั้น เธอก็ได้รับข้อความจากหลินจินอีกครั้ง
'อย่าคิดที่จะรายงานเธอ พวกเขากำลังใช้รหัสลับในการส่งต่อข้อความ ดังนั้นเจ้าจึงไม่มีหลักฐานในการกล่าวหาพวกเขา ขืนรายงานอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า มันอาจจะส่งผลเสียต่อเจ้าแทน'
คำพูดของหลินจินช่วยให้ตันหลินสงบลง
เขาพูดถูก
เนื่องจากเจียงเฟิงเฟิงมีความกล้าที่จะโกงที่นี่ เธอจึงต้องเตรียมมาตรการรับมือไว้อยู่แล้ว ในตอนแรก มันยากที่จะจับได้ว่าพวกเขาสื่อสารด้วยรหัส ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่าเจียงเฟิงเฟิงไม่ใช่คนทั่วไป เธอเป็นคนท้องถิ่นของอาณาจักรเกลียวสวรรค์
และเธอก็มีครอบครัวที่มีอิทธิพลในเมืองเกลียวสวรรค์อีกด้วย
ผู้ชมส่วนใหญ่น่าจะเป็นผู้สนับสนุนของเจียงเฟิงเฟิง มันจึงมีความเป็นไปได้สูงที่ตันหลินจะถูกเล่นงานทันทีที่เธอเริ่มกล่าวหาว่าเจียงเฟิงเฟิงโกง
ตันหลินรู้สึกท้อแท้ขึ้นมาในทันใด เธอมั่นใจว่าเธอจะได้เปรียบเจียงเฟิงเฟิงในการแข่งขันครั้งนี้ แต่โอกาสชนะกับไม่หลงเหลืออยู่อีกเลย เมื่ออีกฝ่ายได้โกงการแข่งขัน
ตอนนั้นเองที่เสียงของหลินจินทำให้หัวใจของเธอสั่นสะท้าน
'ในเมื่ออีกฝ่ายโกง เจ้าก็โกงได้เช่นกัน'
'จริงด้วย!'
ตันหลินคิด
การแข่งขันครั้งนี้มันหลุดจากการควบคุมไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องรักษากฎอีกต่อไป อย่างที่หลินจินพูด ในเมื่อเจียงเฟิงเฟิงโกงได้ ทำไมเธอจะโกงไม่ได้?
แต่ว่ามันก็มีปัญหาอื่นตามมา เธอไม่ได้เตรียมการใด ๆ เลย แล้วเธอจะโกงได้อย่างไร?
'สำหรับขนนกห้าสีนี้ เจ้าลองสังเกตแกนของมันให้ดี เจ้าจะเห็นว่ามันกลวงและแข็งแรงเหมือนกระดูก แถมยังยาวเท่ากับตะเกียบ และแพนขนนกก็ดูก็หนัก ดังนั้น มันไม่น่าจะเป็นของนก
ลำดับของสีทั้งห้าคือ แดง เหลือง น้ำเงิน ขาว และดำ ในสารานุกรมสัตว์วิเศษ มีสัตว์วิเศษที่มีชื่อว่า วิลอซิแรปเตอร์ที่มีคุณสมบัติธาตุไม้จากทวีปทักษิณ มันมีขนห้าสีอยู่บนหัว ลำดับของสีจะเปลี่ยนไปตามอายุของมัน
จากข้อมูลดังกล่าว ขนนี้น่าจะมาจากวิลอซิแรปเตอร์ในทวีปใต้ที่มีคุณสมบัติธาตุไม้ และอาจมีอายุเกินเจ็ดสิบปีแล้ว
โอ้ ข้าเกือบลืมไปเลย นี่คือวิลอซิแรปเตอร์ตัวผู้ หากเป็นตัวเมียมันจะไม่มีขน'
เมื่อหลินจินพูดจบ ตันหลินก็ตกตะลึงก่อนจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
หลินจินกำลังช่วยเธอ
เขากำลังช่วยเธอโกง
แม้ว่าตันหลินจะไม่ชอบการโกง แต่นี่เป็นหนทางเดียวที่เธอจะรอดจากสถานการณ์นี้
แถมผลการประเมินของเธอก็ยังแตกต่างจากหลินจินโดยสิ้นเชิง
ในต้นฉบับที่เขียนเสร็จแล้ว เธอสรุปว่าขนนกนี้มาจากนกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นกประหลาดขนาดใหญ่ที่อาศัยอยู่ในทวีปยูไนเต็ด
ท้ายที่สุดแล้ว มันยากมากที่จะอนุมานต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตโดยใช้ขนนกเพียงอันเดียว เนื่องจากมีสิ่งมีชีวิตมากเกินไปในโลกนี้ที่มีขน นี่จึงเป็นข้อสรุปที่เธอคิดขึ้นหลังจากการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ
แต่ตอนนี้เธอเลือกที่จะเชื่อหลินจินโดยไม่ลังเลเลย
เป็นเพราะเธอรู้ดีว่าหลินจินนั้นเหนือกว่าเธออย่างมากในเรื่องการประเมินสัตว์วิเศษ
ตันหลินลงมือแก้ไขรายงารการประเมินทันที แม้ว่าจะแก้ไขรายงานจะดูยุ่งยาก และต้องเขียนใหม่ตั้งแต่ต้น แถมนี่ยังเป็นการโกงครั้งแรกของเธอด้วย ดังนั้น เธอจึงรู้สึกกังวล
แม้ว่าใครจะเอ๊ะใจถึงวิธีการโกงของพวกเขา แต่มันก็ยากอยู่ดี เพราะหลินจินทำได้อย่างแนบเนียนมาก
‘จริงสิ เสียงของหลินจินเดินทางมาหาข้าได้อย่างไร?’
‘แล้วทำไมคนอื่นถึงไม่ได้ยินมัน?’