ตอนที่ 14 การยั่วยุ
ตอนที่ 14 การยั่วยุ
หลินมู่ขมวดคิ้ว ก่อนจะเบี่ยงร่างกายออกทางด้านข้างแล้วเดินหนีไป
หม่าฮวาหยวนยิ้มเยาะอย่างเย็นชา ร่างกายอ้วนใหญ่ขยับเพียงเล็กน้อยก็กลับมาขวางทางหลินมู่ไว้เหมือนเดิม
“ศิษย์น้องหลินสบายดีหรือไม่?” หม่าฮวาหยวนยกยิ้มเจ้าเล่ห์
“มีกงการใดกับข้า?” หลินมู่ถามกลับเสียงเย็นชา
“ก็ไม่มีอะไร แค่ไม่ได้เจอนานเลย อยากมาทักทายหน่อย” หม่าฮวาหยวนใช้ฝ่ามืออ้วนหนาตบไหล่หลินมู่สามครั้ง แต่ละครั้งหนักขึ้น หนักขึ้น หลินมู่ถึงกับตัวโยกถอยไปด้านหลัง
หลินมู่ถอยหลังไปสองก้าว ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หม่าฮวาหยวน หยุดวุ่นวายกับข้าเสีย!”
โดยปกติแล้ว ศิษย์ที่มีระดับการฝึกฝนต่ำกว่าจะต้องเรียกศิษย์ที่มีระดับการฝึกฝนสูงกว่าว่า “ศิษย์พี่” แต่ตอนนี้ หลินมู่เรียกชื่อหม่าฮวาหยวนโดยตรง แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้มองหม่าฮวาหยวนเป็นพี่น้องร่วมสำนักอีกต่อไป
หม่าฮวาหยวนหน้าเปลี่ยนเป็นสีเย็นชา “เจ้ากล้าเอ่ยนามของข้า?! ช่างดูหมิ่นเสียจริง ข้าจะสั่งสอนให้เจ้ารู้จักความต่ำต้อยว่าคนบางคนไม่ควรไปยั่วยุ”
ยังไม่ทันพูดจบ หม่าฮวาหยวนก็ยกมือขึ้นบีบปลายนิ้ว ร่ายคาถา ลูกไฟขนาดใหญ่พุ่งตรงมาหาหลินมู่ด้วยความเร็วแรง อากาศโดยรอบร้อนระอุขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลินมู่รีบหมุนตัวหลบ ลูกไฟพุ่งผ่านใบหน้าไปอย่างเฉียดฉิว กว่าจะหลบพ้นการโจมตี เขาก็เสียหลักล้มลงกับพื้นเสียแล้ว หลินมู่ไม่คิดมาก่อนว่าหม่าฮวาหยวนจะกล้าโจมตีเขาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้
“เจ้าไม่เคารพกฎ กล้าหาญโจมตีข้าจริง ๆ!” หลินมู่คำรามลั่น
หม่าฮวาหยวนมองไปรอบด้าน สภาพแวดล้อมบริเวณนี้เงียบสงบ เขาทำเป็นไม่สนใจพร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีใครอยู่แถวนี้ ถือว่าไม่ได้โจมตีอย่างโจ่งแจ้ง สุดท้ายแล้วเจ้าล้มเพราะไม่ระมัดระวังต่างหาก ไม่เกี่ยวข้องกับข้าเลย”
สีหน้าของหลินมู่ถึงกับแปรเปลี่ยน หม่าฮวาหยวนจงใจหาเรื่องเขาชัดเจน อีกฝ่ายลอบขโมยยาของเขาไปตั้งมากมาย และเขายังไม่ได้ทวงมันกลับคืน ทว่าอีกฝ่ายกลับปรากฏตัวเพื่อยั่วยุเขาเสียแล้ว
แต่เขาจะปล่อยตัวเองให้เป็นหมากในกระดานต่อไปหรือ?
การอดทนเพียงอย่างเดียว ย่อมทำให้เขาถูกรังแกหนักขึ้น ยิ่งนับวันยิ่งถูกเหยียดหยาม
หลินมู่ไม่ยอมให้ตัวเองอ่อนแออีกต่อไป
เขาตัดสินใจว่าจะต่อสู้
หลินมู่ฮึดฮัด มือซ้ายบีบปลายนิ้ว ร่ายคาถา ลูกไฟพุ่งตรงไปหาหม่าฮวาหยวน
เคล็ดวิชาอัคคีสีชาด ขั้นที่สาม!
แต่เคล็ดวิชาอัคคีสีชาดนี้มุ่งเน้นไปที่การปลูกพืช ไฟที่ออกมาจึงมีพลังน้อยกว่ากระสุนเพลิงซึ่งเป็นเวทมนตร์ไฟระดับต่ำ สำหรับหม่าฮวาหยวนที่อยู่ในขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นเจ็ดจึงไม่ถือว่าสิ่งนี้เป็นภัยคุกคาม
หม่าฮวาหยวนครอบครองเคล็ดวิชาพื้นฐานสามธาตุ คือ ไม้ ไฟ และดิน แต่เขาเชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์ธาตุไฟเป็นพิเศษ โดยเฉพาะ “กระสุนเพลิง”
เมื่อเห็นลูกไฟพุ่งเข้าใส่ หม่าฮวาหยวนหัวเราะเยาะด้วยความดูถูก “โง่เขลานัก!”
แม้จะสบถเย้ยหยัน แต่มือของเขากลับไม่เชื่องช้า เวลานี้เขาปลดปล่อยลูกไฟที่ใหญ่กว่าออกมาปะทะกับลูกไฟของหลินมู่
ปัง!
ประกายไฟปลิวกระเด็นกระดอน ลูกไฟทั้งสองแตกสลายไปพร้อมกัน
ก่อนหลินมู่จะทันได้ตอบโต ลูกไฟขนาดใหญ่อีกลูกก็ปรากฏขึ้นในอากาศ ความร้อนแรงแผดเผาใบหน้าของเขาจนแดงก่ำ หลินมู่ไม่กล้าให้มันเข้าใกล้ตน แต่สุดท้ายแล้วเขาอ่อนแอเกินกว่าจะต้านทานการโจมตีตรงหน้านี้ได้
หลินมู่ร่ายคาถาอย่างรวดเร็ว ก่อตัวเป็นเมฆสีขาวขนาดใหญ่ขึ้นตรงหน้า ม่านน้ำบางๆ บดบังความร้อนแรงไว้ได้ชั่วขณะ
นี่คือ "เคล็ดหยกวารี" ที่เขาฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่า!
ลูกไฟขนาดใหญ่พุ่งผ่านเมฆสีขาว แต่ชั่วพริบตามันก็ทะยานออกมาจากก้อนเมฆตรงหน้า
ลูกไฟที่เคยมีขนาดเท่าศีรษะ ตอนนี้ผ่านเมฆที่เต็มไปด้วยไอน้ำมาแล้ว พลังของมันลดลงไปกว่าครึ่ง เหลือเพียงขนาดกำปั้น และความเร็วก็ช้าลงมากด้วย
หลินมู่หมุนตัวหลบลูกไฟได้อย่างคล่องแคล่ว
หลังจากหลบพ้นการโจมตีนี้ หลินมู่ก็รู้สึกโกรธแค้นมากขึ้น หม่าฮวาหยวนกำลังเอาเปรียบเขาเพราะขอบเขตยุทธ์ของพวกเขาไม่เท่าเทียมกัน
การต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นห้า และขั้นเจ็ดนั้นมีผลแพ้ชนะชัดเจนตั้งแต่ต้น หลินมู่ไม่มีทางเอาชนะเขาได้
แม้ว่าน้ำจะชนะไฟ แต่เวทมนตร์ธาตุน้ำก็มีข้อได้เปรียบเหนือธาตุไฟอยู่บ้าง แต่ก็ต่อเมื่อขอบเขตยุทธ์ใกล้เคียงกันเท่านั้น ในสถานการณ์ปัจจุบันหลินมู่อยู่ในขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นห้า แต่เขาไม่ต้องการที่จะยอมแพ้ และไม่อยากถูกดูถูกเหยียดหยาม
เมื่อเห็นหลินมู่หลบการโจมตีได้สองครั้ง หม่าฮวาหยวนก็เย็นชาลงและพูดเยาะเย้ยว่า “คิดไม่ถึงจริง ๆ แค่สี่เดือนไม่เจอกัน เจ้าจะเก่งขึ้นขนาดนี้ แต่แล้วไง? ก็ยังเป็นแค่ไอ้ขี้แพ้เช่นเดิม!”
หลินมู่ไม่พูดอะไร จ้องมองหม่าฮวาหยวนด้วยสายตาเย็นชา สุดท้ายแล้วสำหรับเขาถือว่าเป็นการก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่
หลินมู่ไม่อยากเสียเวลาพูดคุยกับหม่าฮวาหยวนอีกต่อไป เขาจึงร่ายคาถาด้วยสองมือ อีกครั้งหนึ่ง “เคล็ดวิชาอัคคีสีชาด” พุ่งตรงไปหาหม่าฮวาหยวน
หม่าฮวาหยวนหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ “ดูสิว่าเจ้าจะเก่งได้นานแค่ไหน ขอบเขตยุทธ์ของข้ามากกว่าเจ้าสองเท่า เจ้าเปรียบเสมือนมดน้อยในสายตาของข้าเท่านั้น เตรียมตัวรับมือกับท่าสามประสานเพลิงพิโรธของข้าได้เลย!”
หม่าฮวาหยวนร่ายคาถาอย่างต่อเนื่อง ยิงลูกไฟสามลูกใส่หลินมู่ ทีละลูกติดต่อกันอย่างรวดเร็ว!
ลูกไฟลูกแรกชนกับลูกไฟของหลินมู่ ทั้งสองลูกกลืนกินกันจนมลายหายไปในอากาศ
ลูกไฟอีกสองลูกพุ่งตรงไปหาหลินมู่ เขาไม่ยอมแพ้และร่าย “เคล็ดหยกวารี” เมฆสีขาวขนาดใหญ่พุ่งเข้าปะทะลูกไฟ
"เคล็ดหยกวารี" ในคราวนี้ใช้พลังวิญญาณของเขาไปกว่าครึ่ง!
แม้ว่าขอบเขตยุทธ์จะด้อยกว่า แต่เขาก็ยังคงพยายามต่อต้าน
ลูกไฟสองลูกพุ่งเข้าเมฆพร้อมกัน ภายในเมฆคลื่นสีขาวโถมกระหน่ำ หมอกควันม้วนควันวูบไหว ลูกไฟระเบิดในเมฆเกิดสายฝนพรำ ใบไม้บนพื้นเปียกชุ่ม!!!
เวลานี้หลินมู่ไม่ถอยกลับ แต่กลับใช้ประโยชน์จากการบังของเมฆก้มตัวพุ่งไปข้างหน้า
ทันทีที่เมฆระเบิด ดาบสีทองก็ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน สิ่งนี้พุ่งเข้าหาลำคอของหม่าฮวาหยวน
แรงสังหารอันน่าสะพรึงกลัวปะทุออก ประกายแสงของดาบสีทองเกือบจะกลายเป็นรูปธรรม ความเร็วของมันเปรียบกับสายฟ้า!
เคล็ดธาตุทอง!
เวทมนตร์ธาตุทองที่มีพลังทำลายล้างสูงสุด เคล็ดธาตุทอง ขั้นที่สาม!
หลินมู่โจมตีครั้งนี้ทุ่มเทพลังวิญญาณทั้งหมด เขาไม่มีความปราณี ชัดเจนว่าจะไม่อ่อนข้อให้โดยเด็ดขาด
การโจมตีนี้มาอย่างกะทันหัน หม่าฮวาหยวนไม่มีเวลาตั้งตัว เมื่อเห็นดาบทองคำพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็ว เขาหวาดกลัวจนฉี่แทบราด
ไม่มีเวลาให้คิดอีกต่อไป เขารีบเบี่ยงตัวเพื่อหลบการโจมตีครั้งนี้ แต่ถึงแม้ว่าเขาจะเร็วแค่ไหนก็ไม่อาจรวดเร็วไปกว่าดาบทองคำ
แม้จะหลบพ้นจุดสำคัญที่ลำคอได้ แต่ดาบทองคำเล่มนั้นไม่ปรานีแม้แต่น้อย มันแทงตรงเข้าสู่อกขวาของเขา ทะลุผ่านหน้าอก พลังของดาบทองคำไม่ได้ลดลง มันเจาะพื้นหินสีเขียวเป็นรูเล็ก ๆ ก่อนจะสลายหายไปในที่สุด
สำเร็จ!
เคล็ดธาตุทอง คมกริบ ไร้เทียมทาน เป็นอมตะ!
หม่าฮวาหยวน ล้มลงกับพื้นเหมือนหมูถูกเชือด เสียงกรีดร้องดังสนั่น ก่อนจะหมดสติไป
ในวินาทีที่ล้มลง ความคิดเดียวที่ผุดขึ้นในหัวของหม่าฮวาหยวน คือไอ้บ้านี่มันเก่งขึ้นถึงขนาดนี้เชียวหรือ!
หลินมู่รู้สึกอ่อนแรงไปทั้งตัว การโจมตีโดยใช้เคล็ดธาตุทองครั้งสุดท้ายนี้ เขาใช้พลังวิญญาณทั้งหมดจนเหือดแห้ง
เขาตระหนักดีว่าพลังวิญญาณในร่างกายของเขาจะไม่เพียงพอที่จะต่อสู้นานกว่านี้ได้ เขาจึงตัดสินใจเสี่ยงโชคหวังโดยหวังว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!
ถ้าหม่าฮวาหยวนไม่ล้มลง คนที่นอนอยู่บนพื้นตอนนี้คงเป็นตัวเขาเอง
แต่ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะหม่าฮวาหยวนประมาทคิดว่าหลินมู่ไม่มีทางเอาชนะเขาได้ เขาจึงถูกหลินมู่พลิกเกมเอาชนะได้อย่างง่ายดาย
เสียงการต่อสู้ดังไปทั่ว มีคนจากที่ไกล ๆ ได้ยินเสียง และกำลังเดินมาดู
หลินมู่รู้สึกหมดแรงจนแทบจะขยับตัวไม่ได้
ส่วนหม่าฮวาหยวนนั้นสภาพยิ่งแย่กว่า ที่อกขวาของเขาเป็นรูโหว่ เลือดไหลอาบเต็มเสื้อ
หลินมู่อยากจะเดินเข้าไปเตะเขาอีกสองสามทีเพื่อเอาคืน แต่ร่างกายของเขากลับไม่มีแรงจึงทำอย่างที่ใจคิดไม่ได้
ในตอนนั้นเหล่าศิษย์ชั้นในของโถงคุมกฏเร่งรุดเข้ามาด้วยกระบี่บิน ส่วนหลินมู่ค่อย ๆ ล้มลงแล้วหมดสติไปในที่สุด