บทที่ 80 ช่วยข้าสังหารใครบางคน
“พวกเขาอยู่ชั้นสอง! ท่านรีบตามข้ามา”
เถ้าแก่ซูสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล จึงรีบพาหลัวเฉิงขึ้นไปบนชั้นสองมุ่งหน้าสู่ห้องผู้ดูแลศาลาจากนั้นจึงเคาะประตู
“เข้ามาได้.
น้ำเสียงเกียจคร้านของลั่วเหยาดังขึ้นอย่างแช่มช้าเนิบนาบ
ภายในห้อง ลั่วเหยาและโม่หลินกำลังสนทนาเรื่องบางอย่างอยู่ เมื่อเห็นว่าเถ้าแก่ซูพาหลัวเฉิงซึ่งได้รับบาดเจ็บเข้ามา จึงเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว
“หลัวเฉิง เจ้าบาดเจ็บ!” ใบหน้าอันงดงามของลั่วเหยาเปลี่ยนเป็นซีดเซียวทันที
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” โม่หลินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
เมื่อเห็นว่า หลัวเฉิงได้รับบาดเจ็บ ลั่วเหยาก็ไม่นิ่งนอนใจอีกต่อไป นางขยับเรือนร่างลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าหาหลัวเฉิงทันที “ผู้ใดทำร้ายเจ้าเช่นนี้? เถ้าแก่ซู ท่านรีบไปเอาโอสถที่ดีที่สุดในศาลาของเรามาเดี๋ยวนี้”
“ไม่จำเป็น มันเป็นแค่บาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น”
หลัวเฉิงส่ายศีรษะ
ลั่วเหยากลอกตาแล้วกล่าวว่า “เป็นฝีมือของตระกูลหลินใช่หรือไม่”
หลัวเฉิงคิดไม่ถึงเลยว่านางจะคาดเดาได้อย่างถูกต้อง ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าเล็กน้อย
โม่หลินที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้ว “เรื่องนี้ มันจะไม่ทำให้การหลอมโอสถต้องล่าช้าใช่หรือไม่?”
เขาไม่สนใจเรื่องความบาดหมางระหว่างทั้งสองตระกูล เขาแค่ต้องการหลอมโอสถให้รวดเร็ว แล้วเขาจะได้รีบนำมันกลับไปสร้างโอสถวิญญาณ
หลัวเฉิงหยิบกล่องหยกออกมาแล้วยื่นให้โม่หลินทันที
“นี่มันเรื่องอะไร?”
เมื่อเห็นกล่องหยก ใบหน้าของโม่หลินก็มืดลงทันที จากนั้นเขากล่าวน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ข้าอุตส่าห์เดินทางรอนแรมมายังเมืองเล็กๆ แห่งนี้ด้วยตัวเอง เพื่อให้เจ้าหลอกลวงข้าได้หรืออย่างไรกัน เจ้าคิดหรือว่าทำเช่นนี้แล้วจะยังมีชีวิตอยู่ได้งั้นหรือ ข้าจะจบชีวิตเจ้าเสียตรงนี้!”
ลั่วเหยาก็ประหลาดใจเช่นกัน นางจึงเอ่ยถามว่า “หลัวเฉิงเกิดเรื่องอะไรขึ้น อาจารย์ของเจ้าไม่เต็มใจที่จะช่วยหลอมโอสถงั้นหรือ”
หลัวเฉิงส่ายศีรษะและกล่าวอย่างใจเย็นกับโม่หลิน
“ผู้อาวุโสโม่ ไฉนท่านจึงไม่เปิดดูมันก่อนเล่า”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ โม่หลินก็มองดูกล่องหยกในมือแล้วเปิดมันออกด้วยความสงสัย
ทันใดนั้น กลิ่นหอมสดชื่นของโอสถก็แพร่กระจายออกมาทันที
“นี่…นี่คือ…”
เมื่อมองดูเม็ดโอสถส่องประกายภายในกล่องหยก โม่หลินก็ตกตะลึงจนตัวแข็งทันที มือของเขาสะท้านสั่นด้วยความตื่นเต้นเป็นที่สุด
“ไหนๆ ข้าขอดูหน่อย…”
เถ้าแก่ซูที่ยืนอยู่ข้างๆ มองดูเม็ดโอสถในกล่องหยกอย่างระมัดระวัง ประหนึ่งว่าเขากำลังถือสมบัติล้ำค่าหายากอยู่
ลั่วเหยาเองก็ตกตะลึงไปครู่ ไม่นานนางก็ได้สติสัมปชัญญะกลับมาอีกครั้ง จากนั้นจึงเอื้อมมือตบหน้าผากผุดผ่องโค้งมนของตน จากนั้นยิ้มอย่างโกรธเคืองเคล้าเง้างอดให้หลัวเฉิง
“ที่แท้ โอสถก็ถูกหลอมจนเสร็จแล้วนั่นเอง ไฉนเจ้าไม่บอกข้าก่อนหน้านี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำให้พี่สาวคนนี้กลัวแทบตาย ฮึ่ม…”
หลัวเฉิงตกตะลึงจนกล่าวสิ่งใดไม่ออก เขายังไม่มีโอกาสได้เอ่ยออกไปด้วยซ้ำ
ลั่วเหยามองดูบาดแผลของหลัวเฉิง จากนั้นหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วยื่นหน้าไปกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของหลัวเฉิง
“นี่เป็นบาดแผลที่เกิดจากลูกเกาทัณฑ์ อีกทั้งเจ้ายังถูกโจมตีเข้าที่ด้านหลังซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าเขาผู้นั้นตั้งใจจะฆ่าเจ้าอย่างชัดเจน แต่ในเมื่อเจ้าปลอดภัยเช่นนี้ เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์แล้ว”
หลัวเฉิงพยักหน้า “พี่สาวลั่วเหยาช่างมีสายตาที่แหลมคมยิ่งนัก”
ลั่วเหยาแย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ด้วยแววตาอันสดใส แต่กระนั้นภายในใจนางก็ยังรู้สึกเป็นกังวลอยู่
นางล่วงรู้ได้ทันทีหลังจากเห็นบาดแผล ว่าผู้ที่มารอบสังหารในครั้งนี้ย่อมมีความแข็งแกร่งไม่ธรรมดา และอาจเป็นไปได้ว่ามือสังหารต้องมีความแข็งแกร่งในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์!
แต่เมื่อต้องเผชิญกับการลอบสังหารเช่นนี้ หลัวเฉิงกลับสามารถรอดชีวิตมาได้ ทั้งยังมีบาดแผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น!
ในขณะนี้ โม่หลินได้สติสัมปชัญญะอีกครั้ง
“ดี ดีมาก นี่เป็นครั้งแรก ที่ข้าได้เห็นผู้ที่สามารถหลอมโอสถระดับสาวดาวได้บริสุทธิ์มากถึงขนาดนี้! นี่ต้องเป็นฝีมือของราชาโอสถเป็นแน่แท้”
โม่หลินกระโดดโลดเต้นด้วยความสำราญใจ เมื่อครั้นหันไปมองหลัวเฉิง แววตาเขาก็ไม่ได้ทะนงตนเหมือนก่อนหน้าอีกต่อไป เขาจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
“ข้าขอถามเจ้าหน่อยสิ อาจารย์ของเจ้ามีนามว่าอะไรงั้นหรือ ข้าอยากจะซักไซร้เขาสองสามคำถามในการหลอมโอสถ”
“คือ……”
หลัวเฉิงตกตะลึงกับท่าทางที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน พานให้เขาถึงกับกล่าวไม่ออกอยู่ครู่
โม่หลินเห็นท่าทางเช่นนั้นจึงรีบกล่าวขอโทษ “ต้องขออภัย พอดีข้าเป็นคนหุนหันพลันแล่น”
ราชาโอสถถือเป็นบุคคลในตำนาน เขาจะเปิดเผยตัวตนต่อผู้อื่นง่ายๆ ได้อย่างไร!
การที่ราชาโอสถช่วยหลอมโอสถให้เขาครั้งนี้ก็นับว่าดีมากแล้ว!
เขาไม่มีความลังเลอีกต่อไป โม่หลินรีบหยิบบัตรทองสามล้านตำลึง พร้อมกับสมุนไพรระดับสี่ดาวสี่ชนิดออกมา แล้วมอบให้หลัวเฉิงด้วยท่าทางสุภาพยิ่ง
“ได้โปรดคุณชาย ช่วยขอร้องให้อาจารย์ท่านหลอมโอสถอีกสามชนิดให้ข้าที”
หลัวเฉิงยกมือขึ้นปรามโดยไม่คิดรับบัตรทอง
ลั่วเหยาเอียงศีรษะเล็กน้อยด้วยความสงสัย “หลัวเฉิง มีเรื่องอะไรงั้นหรือ”
หลัวเฉิงส่ายศีรษะ “อาจารย์ของข้าได้ทราบเกี่ยวกับเรื่องเมื่อวานนี้ นั่นทำให้เขาโกรธเคืองอย่างมาก เขาจึงตัดสินใจจะไม่ช่วยพวกท่านหลอมโอสถอีก แล้วเขาจะจากไปในไม่ช้า”
“อะไรนะ!”
โม่หลินตื่นตระหนกด้วยสีหน้าตกใจในทันที “แย่แล้ว! แบบนี้เราควรทำอย่างไรดี ข้าจะทำอย่างไรดี…”
ในขณะนี้ โม่หลินรู้สึกเสียใจต่อตนเองอย่างสุดซึ้ง ว่าไฉนเขาจึงไม่เชื่อใจหลัวเฉิงตั้งแต่แรก
มิฉะนั้น เขาคงจะไม่ได้กล่าววาจาล่วงเกินราชาโอสถเช่นนี้ ทั้งยังทำให้ความพยายามของเขาที่อุตส่าห์เดินทางมาอย่างยากลำบากล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า
เมื่อมองยังหลัวเฉิง โม่หลินก็ราวกับว่าเห็นเขาเป็นฟางเส้นสุดท้ายแล้ว เขาเอื้อมมือไปคว้าแขนหลัวเฉิงแล้วกล่าววาจาอ้อนวอน
“คุณชายหลัวเฉิง ท่านต้องช่วยข้า! ข้าจะให้ค่าตอบแทนท่านเป็นสองเท่าเลย!!”
หลัวเฉิงครุ่นคิดอยู่ครู่แล้วกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องให้ค่าตอบแทนสองเท่า ข้าอาจสามารถช่วยท่านได้ แต่กลับกัน ข้าก็มีเรื่องเล็กน้อยที่ต้องรบกวนให้ผู้อาวุโสช่วยเหลือเช่นกัน”
ครั้นเห็นว่ามีทางออก โม่หลินจึงรีบกล่าวอย่างรวดเร็ว “ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ขอแค่บอกมา ข้าจะทำทุกอย่าง!”
ทันทีที่วาจานี้ถูกพ่นออกมา ดวงตาของหลัวเฉิงก็เป็นประกาย
“ท่านต้องช่วยข้าสังหารใครบางคน!”