บทที่ 100: ไข่สัตว์ร้ายที่ถูกลืมโดยหลินเฟิง(ฟรี)
บทที่ 100: ไข่สัตว์ร้ายที่ถูกลืมโดยหลินเฟิง(ฟรี)
หลังจากที่หลินเฟิงซึ่งนั่งอยู่ริมเตียงได้ยืนยันภารกิจระดับเทพเจ้าแล้ว เขาก็เตรียมตัวที่จะเข้านอนต่อ
การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอนั้น จะทำให้มีแรงกายแรงใจในการเผชิญหน้ากับความท้าทายในวันใหม่ได้ดียิ่งขึ้น
“เดี๋ยวก่อนนะ เหมือนลืมอะไรไปอย่างหนึ่ง ข้างในกระท่อมน้อยน่าจะมีไข่สัตว์อสูรรอยู่ด้วยนี่!”
หลินเฟิงที่นอนอยู่บนเตียงพลันนึกขึ้นได้ จึงพึมพำกับตัวเองเบาๆ
ไข่สัตว์อสูรฟองนี้ เขาและจางเค่อเหมิงได้รับมาจากพ่อค้าสี่ทิศ ระหว่างที่เดินทางผจญภัยในดินแดนทะเลทราย
โดยพ่อค้าสี่ทิศมอบให้เป็นของแถมแก่หลินเฟิง
ไข่สัตว์อสูรฟองนี้มีขนาดเท่ากับไข่นกกระจอกเทศ ผิวเปลือกไข่เต็มไปด้วยลวดลายวงกลม คล้ายกับตะไคร่น้ำ
ในสายตาของหลินเฟิง มันดูคล้ายกับไข่ไดโนเสาร์เสียมากกว่า
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ หลินเฟิงก็พลิกตัวไปมา นอนไม่หลับอีกเลย
เขาจึงลุกขึ้นมาแต่งตัว เดินตรงไปยังกระท่อมน้อย หยิบไม้ส่องแสงยามค่ำคืนออกมาส่อง แล้วค้นหาใต้เตียงไม้
ในที่สุด เขาก็พบไข่สัตว์อสูรที่เต็มไปด้วยฝุ่นละอองและใยแมงมุม อยู่ตรงมุมห้องใต้เตียง
“โชคดียังดี! ที่จางเค่อเหมิงเจ้าเด็กสาวโลลิตะตะกละคนนั้นยังไม่เจอเข้า!”
“ไม่งั้นไข่สัตว์อสูรของฉันคงกลายเป็นไข่เจียวไปแล้ว!!”
หลินเฟิงค่อยๆ มุดตัวลงไปใต้เตียง คล้ายกับลุงข้างบ้านที่มักแอบปีนเข้ามา จากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบไข่สัตว์อสูรที่เปรอะเปื้อนออกมา
เขาหยิบผ้าที่เจอใกล้ๆ มือมาเช็ดฝุ่นและใยแมงมุมออกจากเปลือกไข่
ไข่สัตว์อสูรฟองใหม่ที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาหลินเฟิงเต็มไปด้วยลวดลายสวยงาม
หลินเฟิงไม่รู้ว่านี่คือไข่สัตว์อสูรชนิดใด พ่อค้าสี่ทิศก็ไม่ได้บอกเขาเช่นกัน
แต่การที่พ่อค้าสี่ทิศหยิบยื่นให้เป็นของแถมเช่นนี้
ในใจของหลินเฟิงเดาว่า ไข่สัตว์อสูรฟองนี้น่าจะไม่ได้มีระดับสูงส่งอะไรมากมายนัก
หรืออาจจะ!
เป็นแค่ขยะไร้ค่า!
“แล้วจะฟักไข่นี่ได้ยังไงล่ะเนี่ย?”
“ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรพิเศษเลย...”
หลินเฟิงพลิกไข่สัตว์อสูรไปมาในมือ
แต่ไม่ว่าจะดูยังไง ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่แตกต่าง
ลวดลายวงกลมบนเปลือกไข่ที่ดูคล้ายกับตะไคร่น้ำนั้น ช่างดูธรรมดาสามัญ
สำหรับหลินเฟิง ไม่ว่าไข่สัตว์อสูรฟองนี้จะมีระดับใด หรือจะฟักออกมาเป็นสัตว์อสูรที่อ่อนแอเพียงใดก็ตาม
แต่มันคือสัตว์เลี้ยงตัวแรกที่เขาเลี้ยงดูภายในค่ายพักเริ่มต้น
“เอาอย่างนี้ดีกว่า ไปถามเจ้าเงือกน้อยเหล่ยมู่ดู เผื่อว่านางจะมีวิธี”
หลินเฟิงพูดพลางถือไข่สัตว์อสูร เดินตรงไปยังบ่อปลาทันที
“เหล่ยมู่ เหล่ยมู่ มาหาหน่อย~”
หลินเฟิงย่อตัวลงที่ริมสระน้ำ ส่งเสียงเรียกเบาๆ ราวกับชายหนุ่มชั่วร้ายที่แอบนัดพบหญิงสาวในยามวิกาล
ทันทีที่สิ้นเสียงเรียก ก็เกิดระลอกคลื่นแผ่ขยายเป็นวงกว้างบนผิวน้ำ
ไม่นานนัก ก็มีศีรษะเล็กๆ โผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำ
ใต้แสงจันทร์อันขาวนวล เผยให้เห็นใบหน้างดงามสะดุดตาของเจ้าเงือกน้อยเหล่ยมู่ได้อย่างชัดเจน
ทุกครั้งที่ได้เห็นใบหน้าอันงดงามราวกับเทพธิดาของเหล่ยมู่ หลินเฟิงก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังจะหยุดหายใจ
ไม่ว่าจะเป็นก่อนหรือหลังเกิดหมอกหนา หลินเฟิงล้วนผ่านพบเจอสาวงามมากหน้าหลายตามาแล้วมากมาย!
แต่ท่ามกลางหญิงงามทั้งหมดที่เขาเคยพบเจอมา ไม่เคยมีแม้แต่คนเดียวที่มีรูปโฉมงดงามเหนือกว่าเจ้าหญิงเงือกน้อย เหล่ยมู่
แม้กระทั่งหนึ่งในสิบส่วนก็ยังเทียบไม่ได้!
เหล่ยมู่เปรียบเสมือนดอกไม้ที่งดงามที่สุดในบรรดาดอกไม้ทั้งหมด
ความงามของนางมีทั้งอำนาจน่าเกรงขามดุจดังราชินีแห่งบุปผา
และยังมีกลิ่นอายบริสุทธิ์ดุจดอกบัวที่พ้นจากโคลนตม!
เพียงแค่ได้มองแวบเดียว ก็รู้สึกตื่นตะลึงในความงามอันหาที่เปรียบมิได้!
หลินเฟิงจ้องมองนางอย่างตะลึงงันอยู่สองสามวินาที ก่อนจะถอนสายตาออกมา
จากนั้นแววตาของเขาก็กลับสู่ความสงบนิ่ง ใสกระจ่าง ความตื่นตะลึงเมื่อครู่เลือนหายไปจนหมดสิ้น
ยิ่งหลินเฟิงแสดงท่าทีสงบนิ่งเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้เจ้าหญิงเงือกน้อย เหล่ยมู่ พึงพอใจมากขึ้นเท่านั้น
ในสายตาของเจ้าหญิงเงือกน้อย การที่หลินเฟิงมีสายตาสงบนิ่งเช่นนี้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษ!
อ๊ะ ไม่สิ!
เป็นคนที่มีจิตวิญญาณบริสุทธิ์ต่างหาก!
อย่างไรเสีย เจ้าหญิงเงือกน้อย เหล่ยมู่ ก็คือสิ่งมีชีวิตขั้นเทพเจ้าระดับเก้าดาว อันหาได้ยากยิ่ง!
แม้ว่าจะไม่เคยติดต่อกับมนุษย์คนอื่น แต่ด้วยสติปัญญาอันสูงส่ง ทำให้นางมองเห็นธรรมชาติที่แท้จริงของสิ่งต่าง ๆ ได้
เมื่อนางรับรู้ได้ว่าสายตาที่หลินเฟิงมองนางนั้น มีเพียงความตื่นตะลึงในตอนแรก ก่อนจะกลับเป็นความสงบนิ่ง
นางจึงเข้าใจว่า ในสายตาของหลินเฟิงแล้ว ตัวนาง จางเค่อเหมิง และ กู้หลินหราน ต่างก็เป็นเพียงสตรีธรรมดาสามัญไม่ต่างกัน
ไม่มีการลำเอียง นี่คือสิ่งที่เจ้าหญิงเงือกน้อย เหล่ยมู่ ชื่นชอบมากที่สุดในตัวของหลินเฟิง!
แต่ความจริงแล้ว!
หลินเฟิงไม่ได้คิดอะไรมากมายขนาดนั้นเลยสักนิด!
ถ้าหลินเฟิงรู้ว่าเจ้าหญิงเงือกน้อยมองเขาในแง่ดีเช่นนี้ เขาคงต้องร้องโอดโอยว่า…
"โถ่เอ๊ย... ฉันก็แค่แกล้งทำเท่ไปงั้นแหละ! ไม่ได้คิดอะไรมากมายขนาดนั้นสักหน่อย..."
อย่างที่เขาว่ากัน…
การโกหกตัวเองนั้นไม่น่ากลัวเท่ากับการที่คนอื่นคิดไปเอง!
“นายท่าน ท่านมีเรื่องอะไรให้ข้ารับใช้หรือไม่เจ้าคะ?”
น้ำเสียงอันอ่อนหวานของเจ้าหญิงเงือกน้อย เหล่ยมู่ ทำให้หลินเฟิงรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
ราวกับมีมนต์วิเศษบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายโดยไม่รู้ตัว
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกว่านายท่าน เรียกชื่อของฉันก็พอ!” หลินเฟิงเอื้อมมือไปลูบหัวเล็กๆ ของเหล่ยมู่อย่างเอ็นดู พร้อมกับแก้ไขคำพูด
“ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ในเมื่อนายท่านเป็นผู้อัญเชิญข้าออกมา ท่านก็คือ นายท่าน ของข้าอย่างไรเล่า!”
“มิเช่นนั้นแล้วจะให้ข้าเรียกท่านว่าอะไรได้อีกล่ะเจ้าคะ?”
หรือจะให้เรียกว่า ‘ป๋า’ ดีนะ… หลินเฟิงคิดในใจอย่างเจ้าเล่ห์
แต่แน่นอนว่าเขาคงไม่กล้าเอ่ยปากให้เหล่ยมู่เรียกเขาเช่นนั้นจริงๆ หรอก!
“เอาที่เจ้าสบายใจเถอะ.....”
เมื่อเห็นว่าเจ้าหญิงเงือกน้อยไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องของการเรียกขาน หลินเฟิงจึงไม่ได้แก้ไขอะไรอีก
"เจ้าลองดูไข่สัตว์อสูรฟองนี้หน่อยสิ ว่าพอจะฟักออกมาได้หรือไม่"
หลินเฟิงพูดพลางยื่นไข่สัตว์อสูรให้เหล่ยมู่ตรวจสอบ
เผื่อว่านางจะบอกได้ว่ามันคือไข่ของสัตว์อสูรสายพันธุ์อะไรกันแน่!