ตอนที่ 92 : ตงฟางเหอช่วยตัวเองต่อหน้าคนเป็นแสน !
ตอนที่ 92 : ตงฟางเหอช่วยตัวเองต่อหน้าคนเป็นแสน !
“ห่าเอ้ย ! เขาทำบ้าอะไรวะ ? !” ในห้องรับรองของตระกูลตงฟาง ตงฟางไต้ซ่งดีดตัวลุกขึ้นมองไปที่เวทีประลองและตะโกนออกมา
ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขา คนที่แกร่งที่สุดในเด็กรุ่นนี้ของตระกูลตงฟาง, ว่าที่หัวหน้าตระกูลคนต่อไปกลับมา....ช่วยตัวเองต่อหน้าคนเป็นแสนคน ?
ขายหน้าชะมัด !
“หัวหน้าตระกูล ! พี่เหอตกอยู่ในภาพลวงตาแน่ ! เราจะทำยังไงกันดี ?”
“พี่ใหญ่ ! ยอมแพ้เลย ! เขากำลังทำเราเสียหน้า !”
“ใช่ พี่ใหญ่ ! เหอเอ๋อทำให้ทั้งตระกูลตงฟางเสียหน้า ! ตอนนี้มีคนอย่างน้อยแสนคนที่ดูการแข่งขันแบบเดี่ยวอยู่ มันยังมีผู้ชมทางบ้านอีกต่างหาก...”
“พี่ใหญ่ ฉันคิดอะไรบางอย่างได้...”
คนในตระกูลพากันออกความเห็นออกมา หลายคนพากันเรียกร้องออกมาเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของตระกูล ทว่ามันก็ยังมีหลายคนที่แอบยิ้มที่มุมปากออกมา
ลูกชายของหัวหน้าตระกูลกลับมาช่วยตัวเองต่อหน้าประชาชน หัวหน้าตระกูลจะเอาหน้าไปไว้ไหน ?
เมื่อเห็นสายตาของคนรอบข้าง ตงฟางไต้ซ่งก็ได้แต่สูดหายใจเข้าลึก ๆ
พวกขยะเอ้ย ! พวกเฮงซวย !
ตอนนี้ยังมีหน้ามาคิดแก่งแย่งอำนาจกันอยู่อีกเหรอ ?
เกียรติของตระกูลตงฟางต้องเสียเพราะพวกนี้ !
“พี่ใหญ่ ! ให้เหอเอ๋อยอมแพ้เถอะ ! ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป แม้แต่บรรพชนก็อาจจะ....” พี่สองเดินเข้ามาและพูดเพื่อรักษาหน้าตระกูลเอาไว้
“หุบปาก !” ตงฟางไต้ซ่งฮึดฮัดออกมาและมองไปที่เวทีประลอง “จะยอมแพ้ไม่ได้ !”
“เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ทุกคนเห็นหมดแล้ว การยอมแพ้ตอนนี้ก็เท่ากับเดินตามหมากที่ไอ้บ้านั่นวางเอาไว้ !”
“ตระกูลของเราทุ่มเทไปเพื่อรางวัลครั้งนี้ มีแค่ต้องได้แชมป์ เราถึงจะถอนทุนคืนได้ ! เรื่องนี้คือเป้าหมายของบรรพชน !”
“ในเมื่อเขาอยากจะเล่น งั้นก็ปล่อยเขาขายหน้าไป !”
“ตราบใดที่เหอเอ๋อไม่ยอมแพ้ มังกรก็จะโจมตีไอ้บ้านั่นได้ ตราบใดที่พลังจิตเขาหมดลง สุดท้ายเราก็จะเป็นฝ่ายชนะ !”
“....”
“หุบปากไป !” ตงฟางไต้ซ่งกัดฟันพูดขึ้น “ฉันยังเป็นหัวหน้าตระกูลอยู่ พวกนายยังไม่มีสิทธิ์ตัดสินเรื่องนี้ !”
“...” พี่รอง ตงฟางหวงเฟยได้แต่ต้องถอยกลับไปอย่างไม่เต็มใจ
“เดี๋ยวก่อน !” ตงฟางไต้ซ่งกัดฟันพูดขึ้น “ไปเรียกเหมยเอ๋อมา !”
“อะไร ? พี่ใหญ่ นี่พี่คิดจะทำอะไร ?” ตงฟางหวงไท่พูดขึ้นมา “พี่ใหญ่ พี่อยากจะสาปหลินลั่วงั้นเหรอ ? ทำแบบนั้นไม่ได้ !”
“ถ้าใช้คำสาป หลินลั่วก็จะรู้ตัว ถ้าเขารายงานเรื่องนี้ต่อกิลด์ผู้ปลุกพลังหลังจากที่จบการแข่ง เราซวยแน่ !”
“นอกจากนี้ถ้าเหมยเอ๋อต้องการใช้สกิลใส่ใคร เธอก็ต้องได้เส้นผมของเป้าหมายมารึว่าเป็นเนื้อรึเลือดของอีกฝ่าย แต่นี่เราไม่มีอะไรเลย !”
“ใครบอกว่าฉันจะใช้คำสาปกับหลินลั่ว ?” ตงฟางไต้ซ่งกัดฟันพูดขึ้น “ให้เหมยเอ๋อใช้สกิลใส่เหอเอ๋อต่างหาก !”
“ตอนนี้เหอเอ๋อตกอยู่ในภาพลวงตา ตราบใดที่โจมตีเขา มันก็มีโอกาสสูงที่เขาจะเรียกสติกลับมาได้ !”
“ให้เหมยเอ๋อใช้สกิลเบา ๆ แค่พอเรียกสติเหอเอ๋อได้ก็พอ !”
ทันทีที่ตงฟางไต้ซ่งพูดจบ สายตาของคนอื่น ๆ ก็เปลี่ยนไปทันที
“เป็นความคิดที่ดี ! สมกับเป็นพี่ใหญ่ !”
“ทำลายภาพลวงตาด้วยคำสาป พี่ใหญ่นี่ฉลาดจริง ๆ !”
“ฮ่าฮ่า ถึงเหอเอ๋อจะโดนโจมตีโดยคำสาป ทว่าเขาก็ไม่มีทางรายงานเรื่องนี้แน่ !”
“เรามีผมของเหอเอ๋อและวันเกิดของเขาอยู่พอดี เรียกเหมยเอ๋อมา !”
ไม่นานสาวสวยในวัย 20 กว่าก็ถูกนำตัวมาที่นั่น
เธอเป็นลูกสาวคนโตของตงฟางหวงไท่ เธอเป็นผู้ปลุกพลังอาชีพแม่มด เธอสามารถใช้ผมและเนื้อรึวันเกิดของป้าหมายเพื่อทำการสาปแช่งได้ !
ตงฟางไต้ซ่งเปิดปากพูดทันที “เหมยเอ๋อ ใช้คำสาปกับเหอเอ๋อ เลือกคำสาปที่ไม่ได้รุนแรงนัก พอที่จะปลุกให้เขาตื่นได้ !”
ตงฟางเหมยยิ้มออกมาและพูดขึ้น “ไม่ต้องห่วงเลยลุง น้องเหอน่ะเป็นเกียรติของตระกูลตงฟาง แน่นอนว่าเหยเอ๋อจะทำให้เต็มที่ ฉันมีคำสาปที่ชื่อว่าคำสาปสังหาร มันทำให้ผู้โดนสาปนั้นเห็นสิ่งน่ากลัวที่สุดในใจตอนที่ฝัน”
“เดาว่าคำสาปนี้น่าจะเพียงพอที่จะปลุกน้องเหอจากภาพลวงตาได้ !”
ตงฟางไต้ซ่งพูดขึ้นมาด้วยท่าทีร้อนใจ “ถ้าอย่างนั้นก็รีบลงมือเลย !”
“...”
ในห้องส่วนตัวอีกห้อง กั้วโฉวยี่และจ้าวฉือเฉิงต่างก็สับสน
จ้าวฉือเฉิงพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าแปลก ๆ “นี่...ภาพลวงตางั้นเหรอ ?”
“เด็กนี่คิดบ้าอะไรอยู่ ? เขาใช้ภาพลวงตาแบบไหนกัน ? ตอนที่ตงฟางเหอได้สติกลับมา เขาคงขายหน้ามากแน่ ๆ !” กั้วโฉวยี่ยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ
“สกิลภาพลวงตานี่มั่นแปลก ฉันไม่รู้ว่าเขาตั้งใจทำรึว่าสกิลของเขามันแปลกเอง ?”
จ้าวฉือเฉิงพูดขึ้นมา “หัวหน้า ทำไมถึงพูดแบบนั้น ?”
“นายไม่เห็นรึไง ?” กั้วโฉวยี่พูดขึ้น “สกิลของหลินลั่วน่ะคล้ายกับสกิลของนักบวชทมิฬก็จริง ไม่ว่าจะเป็นสกิลควบคุมไวรัสโรคห่ารึสกิลที่ทำให้คนท้องเสียหรือสกิลภาพลวงตาที่ใช้อยู่ตอนนี้ มันคล้ายกับไวรัส มันเหมือนกับโรคภัยไข้เจ็บ”
“รึว่าอาชีพที่เขาได้มาคือการควบคุมโรครึไวรัส ?” จ้าวฉือเฉิงพูดขึ้น “แล้วสกิลโจมตี, วาร์ปและภาพลวงตานี่ล่ะ ?”
กั้วโฉวยี่ส่ายหน้าและพูดขึ้น “เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีเขาอาจจะได้อะไรอย่างอื่นติดมือกลับมาก็ได้”
“ด้วยพรสวรรค์ของเด็กนี่ เราต้องดึงเขามาเป็นผู้พิทักษ์ให้ได้ เราจะปล่อยให้พวกนอกรีตได้ตัวเขาไปได้ยังไง ?”
“ถึงจะเป็นตระกูลพวกผู้ปลุกพลังก็อย่าให้ดึงเขาเข้าไปได้ !”
“ไม่ว่าจะต้องทุ่มอะไรก็ดึงเขาเข้ามากลุ่มเราให้ได้ !”
“ได้ครับ หัวหน้า !”
ในห้องรับรองของตระกูลมู่หรง คนของตระกูลมู่หรงกว่าสิบคนพากันมองหน้ากัน
พวกเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าหลินลั่ว...จะมีสกิลที่น่าขนลุกแบบนี้ !
“ภาพลวงตารึว่าการสะกดจิต ?”
“ต้องเป็นภาพลวงตาแน่ๆ ! แต่ทำไมเขาถึงใช้ภาพลวงตาได้ ? น่าอายแทนตงฟางเหอชะมัด !”
“ฮึ่ม ! มองไม่ออกรึไงว่าภาพในภาพลวงตาน่ะสร้างขึ้นโดยอิงจากจิตใจคนที่โดนสกิล !”
“เมื่อตงฟางเหอตกอยู่ในภาพลวงตาที่ต้องทำเรื่องอย่างว่า งั้นมันก็ยืนยันได้ว่าเขาคือไอ้สำส่อน !”
“หึหึ ขนาดสอบอยู่แท้ ๆ เขายังมีหน้าไปคิดเรื่องอย่างว่าอยู่อีก !”
“ทำไมเด็กนี่ถึงคู่ควรกับเสวี่ยเหินได้ ?”
“ผู้อาวุโสสาม ปฏิเสธการขอแต่งงานจากตระกูลตงฟางซะ !”
“ใช่ ! หัวหน้าตระกูล..”
คนในตระกูลพากันออกความเห็นออกมา มู่หรงเสวี่ยเหินที่อยู่ตรงหน้าหน้าต่างนั้นยังคงมองไปที่เวทีประลองตาไม่กะพริบ ทว่าเธอกำลังมองไปที่หลินลั่วอยู่
“ภาพลวงตานี้ส่งผลแตกต่างกันตามความคิดของคนรับ รึว่ามันเป็นสกิลอื่น ?”
“หลินลั่ว คู่ต่อสู้คนต่อไปของฉันจะเป็นนายงั้นเหรอ ?”
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ ความมั่นใจที่คิดว่าจะเอาชนะหลินลั่วได้นั้นเริ่มสั่นไหว !
“บัดซบ ! นะ...นี่มันบ้าอะไร ? เราไม่ควรไปมีเรื่องกับเขา...”
ในมุมของลาน หยางห้าวหรานอ้าปากค้างมองไปที่ตงฟางเหอที่กำลังโยกเอวไปมา เมื่อเห็นแบบนั้น หยางห้าวหรานก็แทบจะทรุดลงไปกับพื้น
เขากับตงฟางเหอถือว่าเป็นพี่น้องที่เข้าอกเข้าใจกัน !
ไอ้จ้อนเขาเต็มไปด้วยหูด, หนองในและซิฟิริส มันทั้งเหม็นทั้งเน่า
ถึงจะรักษาแล้ว แต่มันก็ไม่อาจจะกำจัดไวรัสออกจากร่างกายได้ มันจะอยู่กับเขาไปตลอด ชีวิตเขาพังแล้ว แต่โชคดีที่เขาเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ มีแค่ตัวเขา, หมอที่รักษา และพ่อแม่ที่รู้เรื่องนี้ ไม่มีคนอื่นที่รู้อีก
แม้แต่ตงฟางเหอก็ไม่รู้ !
แต่ในอีกด้าน การที่ตงฟางเหอมาโยกเอวต่อหน้าคนเป็นแสนคนน่ะ นี่ยิ่งทำให้เสียหน้ายิ่งกว่าหยางห้าวหรานเสียด้วยซ้ำ !
ตอนนั้นหยางห้าวหรานก็แอบดีใจ...
“โชคดีจริง ๆ ฉันควรจะอยูให้ห่างจากคนแบบนี้เอาไว้...”
ในห้องรับรองของตระกูลเฉิน เฉินผิงอันอ้าปากค้างมองไปที่เวทีประลอง
นี่มันเรื่องบ้าอะไร ?
ช่วยตัวเองต่อหน้าคนเป็นแสน ?
ตัวเขาสั่นไปตาม
บัดซบ !
ดีแล้วที่เขาไม่ได้สู้กับหลินลั่ว ไม่งั้นแล้วคงไม่ใช่เขารึไงที่ต้องมาช่วยตัวเองต่อหน้าคนเป็นแสน ๆ คน ?
“นี่ฉันโชคดีรึโชคร้ายกันแน่ ?” เขายิ้มแห้ง ๆ ออกมา
“ถึงฉันจะแพ้ให้กับมู่หรงเสวี่ยเหิน ทว่าอย่างน้อยก็ยังรักษาหน้าตัวเองไว้ได้ ถ้าฉันต้องทำเหมือนตงฟางเหอตอนนี้ที่ช่วยตัวเองต่อหน้าคนเป็นแสนและผู้ชมทางบ้าน... ฉันก็ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน !”
“ตระกูลตงฟางคงหน้าแตกไม่มีชิ้นดี ! ถึงคิดจะปิดเรื่องนี้เอาไว้ แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เงินมากแค่ไหน !”
“ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าตงฟางเหอจะแสดงสีหน้ายังไงตอนที่ได้สติกลับมา หึหึหึ...”
“อีกอย่าง หลินลั่วทำบ้าอะไร ?”
เฉินผิงอันมองไปที่หลินลั่วที่กำลังโจมตีมังกร สายตาเขาสะท้อนความสงสัยออกมา
“ตงฟางเหอตกอยู่ในภาพลวงตา แค่จัดการกับตงฟางเหอก็เอาชนะได้แล้วนิ ? ทำไมถึงต้องไปยุ่งกับมังกรด้วย ?”
“เขากำลังเล่นอยู่งั้นเหรอ ? รึว่ามีเป้าหมายอื่น...”