ตอนที่ 39 ตรวจสอบตกหล่น
ตอนที่ 39 ตรวจสอบตกหล่น
ซ่งลุ่ยพูดกับประธานจางอย่างกลอกกลิ้ง “ถ้างั้น ผมไปเอาน้ำให้ประธานสักแก้วดีกว่า ถามผมมาตั้งหลายเรื่อง จะปล่อยให้ประธานจางกระหายน้ำได้อย่างไรกัน ถึงอย่างไรประธานก็จะต้องให้เวลาผมคิดอย่างละเอียด ผมจะไปเอาน้ำให้ประธานจางก่อนสักแก้ว” เมื่อซ่งุล่ยพูดจบ ตาทั้งสองข้างของเขาก็สังเกตการแสดงออกทางสีหน้าของประธานจางอย่างระมัดระวัง
ประธานจางได้ยินซ่งลุ่ยพูดแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะมองไป แต่ก่อนหน้านี้เธอยังคงคิดว่าซ่งลุ่ยจะล้มเหลวพังไม่เป็นท่า อย่างไรถ้าหากเธอเอาใจเขามาใส่ใจเรา เธอก็จะเป็นซ่งลุ่ย ซ่งลุ่ยก็จะเป็นเธอ ทั้งสองคนก็จะสลับตำแหน่งกัน เธอจะใช้วิธีการไหนเพื่อมาทำลายสถานการณ์นี้ลงไปได้ ? คิดไปคิดมา ก็คิดวิธีดี ๆ ไม่ออกเลย เธอจึงหยุดคิดมันและมองไปที่ซ่งลุ่ยว่าเขาจะทำอย่างไรต่อ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าซ่งลุ่ยจะพูดประโยคนี้ออกมา ซึ่งเธอเองก็กระหายน้ำอยู่แล้ว จึงตอบซ่งลุ่ยไปอย่างไม่รู้ตัวว่า
“ไปสิ !”
ซ่งลุ่ยได้ยินประธานจางตอบตนเองด้วยวิธีนี้ ในใจก็รู้สึกมีความสุขเมื่อรู้ว่าการเดาของเขาถูกต้อง สรุปว่าประธานจางก็ไม่ได้โกรธแล้ว เขาจึงรีบเดินไปที่ตู้กดน้ำด้านข้าง หยิบแก้วน้ำใหม่แล้วกดน้ำลงไป แล้วยื่นให้ประธานจางด้วยความเคารพ
เมื่อประธานจางเห็นท่าทางของซ่งลุ่ยแล้ว ในใจก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ! แต่ว่าบนใบหน้ากลับไม่แสดงอาการออกมา เธอรับน้ำมาแล้วดื่มไปหนึ่งอึก หลังจากนั้นก็วางไว้บนโต๊ะ แล้วพูดแบบตรงไปตรงมากับซ่งลุ่ย
“คิดออกแล้วใช่มั้ย ? คิดออกแล้วก็รีบพูดออกมาซะที ฉันมีธุระตอนบ่าย จะให้อยู่รอนายคงจะไม่ได้” พูดจบก็จิบน้ำที่ซ่งลุ่ยเอามาให้ แล้ววางไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม หลังจากนั้นก็กลับมาจ้องมองซ่งลุ่ยอีกครั้ง !
เมื่อซ่งลุ่ยได้ยินน้ำเสียงของประธานจางที่เปลี่ยนไปก็อดที่จะตื่นตระหนกไม่ได้ แต่ว่าเขาคิดว่าประธานจางไม่ค่อยโกรธเท่าไหร่แล้ว พอคิดอีกที เขาก็ไม่สะทกสะท้านกับเหตุการณ์นี้ พลางจัดแจงเสื้อผ้าของเขาให้เข้าที่ ก่อนจะถอนหายใจยาว ๆ ออกมา เรียบเรียงคำพูดภายในใจแล้วพูดกับประธานจางด้วยความเคร่งขรึม
“ประธานจาง ผมเคยทำสิ่งผิดพลาดมาก่อน แต่ก่อนที่ผมจะพูดสิ่งเหล่านี้ ผมต้องขอขอบคุณท่านประธานก่อน ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การที่ผมได้มาทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยนี้มันเป็นเพราะประธานจางเลย ผมถึงทำงานมาจนถึงทุกวันนี้ได้” พูดจบก็คำนับและมองประธานจางด้วยความลึกซึ้ง
หลังจากฟังคำพูดของซ่งลุ่ยแล้ว ประธานจางก็ตอบอย่างรวดเร็วว่า
“นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร และเพชรแท้ก็เปล่งประกายในตัวของมันอยู่เสมอ นอกจากนี้การตีเหล็กยังคงต้องการความแข็งแกร่งของตัวมันเอง ถ้าหากนายมีโอกาส นายจะเข้าใจมันได้ด้วยตนเอง ฉันจะไม่สามารถควบคุมอะไรได้ ดังนั้นทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวนายเองทั้งหมด” หลังจากพูดจบ เธอก็ปล่อยให้ซ่งลุ่ยนั่งลง แต่รอยยิ้มในดวงตาของประธานจางได้ทรยศหักหลังกับอารมณ์ในตอนนี้ของเธอ
ซ่งลุ่ยนั่งบนเก้าอี้ตามคำสั่งของประธานจาง ทันใดนั้นเขาคิดถึงวิธีอื่นออก ! เขาควรจะต้องเบี่ยงเบนความสนใจของประธานจาง อย่าให้เธอจดจ่อกับสิ่งที่เขาทำผิดไปอยู่ที่เรื่องอื่น นี่ไม่น่าจะยากเย็นอะไร ! พอดีเลย เขามีเรื่องสองสามเรื่องที่ต้องรายงานต่อประธานจาง !
ซ่งลุ่ยซึ่งเพิ่งนั่งบนเก้าอี้คิดขึ้นมาได้และเมื่อเขามีความคิดที่ฉลาดอยู่ในหัวแล้ว เขาทำราวกับว่าเขานึกบางสิ่งบางอย่างได้ทันทีทันใด จากนั้นเขาก็ทำเป็นกังวลมากจนเขารีบอ้าปากพูดกับประธานจาง
“ประธานจาง พอดีผมเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ มีเรื่องหนึ่งอยากจะรายงานกับประธาน ผมคิดว่าควรที่จะรายงานเรื่องนี้ก่อน มันเป็นเรื่องด่วน เกี่ยวกับการเก็บค่าเช่า ปล่อยวางคำถามที่ประธานถามผมก่อนหน้านี้ไว้ก่อน ประธานคิดว่าอย่างไรบ้าง ?” พูดจบ เขาก็จ้องมองประธานจางด้วยสีหน้าจริงจัง
ประธานจางที่ได้ยินซ่งลุ่ยพูดแบบนั้น คิ้วของเธอขมวดก่อนและพยักหน้าอย่างช้า ๆ ก่อนจะมองไปที่ซ่งลุ่ยด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย แต่ในเวลานี้ในใจของเธอกลับตกใจมาก ! เพราะเธอให้ความสำคัญกับการเก็บค่าเช่าอย่างมาก เธอคิดว่ารอบ ๆ เมืองนี้ไม่น่าจะมีเรื่องไหนที่เธอยังพลาดได้อีก แต่ซ่งลุ่ยกลับบอกว่ามีปัญหาบางสิ่งบางอย่าง ทำให้จางชูหยารู้สึกตกใจ
แต่การแสดงออกทางสีหน้าของเธอสงบนิ่งมาก เธอเหล่มองไปที่ซ่งลุ่ยและเอ่ยปากถามเขา “เรื่องเก็บค่าเช่าจะมีปัญหาอะไร ไม่ใช่พวกลูกหนี้พวกนั้นเหรอ นายพูดมาเถอะ เรื่องอะไรก็ไม่ทำให้ฉันตกใจได้หรอก แต่ว่า ถ้านายกล้าโกหกฉันละก็ นายคงรู้ถึงผลที่จะตามมาทีหลังนะ” พูดจบก็มองไปที่ซ่งลุ่ยด้วยใบหน้ากดดัน
สีหน้าของจางชูหยาทำให้ในใจของซ่งลุ่ยค่อนข้างกังวล แต่ว่าจากนั้นซุงลุ่ยก็ส่ายหัว ไม่ว่ามันจะถูกต้องหรือไม่ก็ตาม ตอนนี้เขาได้พูดออกมาแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรเขาต้องบอก ซ่งลุ่ยกระแอมแล้วพูดกับประธานจาง
“คืออย่างนี้ครับประธานจาง เรื่องที่ประธานบอกเกี่ยวกับการเก็บค่าเช่า หลังจากผมลองเอามาคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนดู ผมก็คิดวิธีการดี ๆ ออกมา ตอนนี้ก็เลยมารายงานให้ประธานจางทราบ หวังว่าประธานจะให้คำแนะนำกับผมได้”
หลังจากที่ซ่งลุ่ยพูดกับประธานจางว่าตัวเขาเองต้องการที่จะไปดูลูกหนี้เหล่านั้นก่อน ไปดูพวกพื้นฐานพวกเขาว่าเป็นอย่างไร หลังจากนั้นค่อยไปเก็บค่าเช่า เหมือนสำรวจก่อนที่จะไปลงพื้นที่จริง ถึงแม้ว่าการทำแบบนี้จะไม่สามารถพูดได้ว่าเปลืองแรงน้อยแต่ได้ผลงานมาก แต่ว่าการบรรลุเป้าหมายไม่ควรเป็นปัญหา เมื่อซ่งลุ่ยพูดจบ เขาก็ตั้งหน้าตั้งตารอด้วยความคาดหวังว่าประธานจางจะสามารถให้คำแนะนำกับเขาได้ “ครั้งแรก” สำหรับซ่งลุ่ยมันมีความหมายมาก !
ประธานจางได้ยินซ่งลุ่ยพูดแบบนั้นเข้าก็ประหลาดใจในตอนแรก และมองอย่างประหลาดใจไปที่ซ่งลุ่ย เธอไม่คิดว่าซ่งล่ยจะมีความคิดเห็นเช่นนี้ แผนการที่ซ่งลุ่ยพูดออกมาในตอนนี้ ในใจจางชูหยาคิดว่าแผนการนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะดำเนินการไปได้ด้วยดี แต่มันก็มีช่องโหว่ที่ยังต้องแก้ไขอยู่ เธอยังต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบมากกว่านี้ ดังนั้นเธอจึงหลับตาลงและคิดถึงช่องโหว่ของแผนการของซ่งลุ่ย คิ้วบนหน้าผากของเธอค่อย ๆ ขมวดเป็นปมอย่างช้า ๆ !
ประธานจางคิดอยู่ในใจของเธอและเรียบเรียงคำพูดของของตัวเองออกมาพูดกับซ่งลุ่ยว่า
“แผนของนายเป็นแผนที่เรียบง่ายก็จริง อย่างแรก ถ้านายต้องการสืบเสาะหาความจริง นายควรหลีกเลี่ยงที่จะไปพบเจอกับลูกหนี้เหล่านั้น นายก็รู้ระเบียบของบริษัท ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงบุคลากรผู้บริหารระดับสูงของบริษัท จะมีการส่งรูปถ่ายให้ทุกคนรับทราบโดยทั่วกัน ดังนั้นนายจะต้องใช้โอกาสที่ดีมาก ๆ ในการไปเอาข้อมูลนั้นมา ถ้าหลีกเลี่ยงพวกลูกหนี้ได้ นายยังสามารถคัดลอกทำสำเนาข้อมูลออกมาได้อีกต่างหาก ในเวลาแบบนั้นนายต้องฉวยเอาไว้ ไม่ต้องพูดแล้ว ในเมื่อนายอยากจะค้นหาเบาะแส จะต้องเริ่มจากทิศทางเดียวกัน จะต้องบุกทะลวงไป บุกทะลวงอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับว่าความกล้าหาญในการเดินหน้าของนาย ? งั้นนายควรรีบไปหาเบาะแสได้แล้ว ! สุดท้ายนี้ฉันรอดูศักยภาพของนายอยู่”
ประธานจางพูดจบก็มองไปที่ซ่งลุ่ย เธอต้องการดูว่าเขาจะตอบเธออย่างไรหลังจากที่บอกปัญหามากมายไปแล้ว