ตอนที่ 38 รายละเอียดข้อตกลงความสำเร็จและความล้มเหลว
ตอนที่ 38 รายละเอียดข้อตกลงความสำเร็จและความล้มเหลว
เมื่อประธานจางมาถึงประตูห้องทำงานของเธอ เธอก็หันหลังกลับมาและพูดว่า “ซ่งลุ่ย เข้ามาก่อน ฉันมีธุระกับนาย ฮงเหมย เธอกลับไปก่อน” หลังจากพูดจบ เธอก็ไม่รอให้ซ่งลุ่ยตอบ เธอก็เดินเข้าไปในห้องทำงานไปก่อน ซ่งลุ่ยก็แสดงสีหน้าแบบไม่รู้จะทำอย่างไรและไม่รู้ว่าประธานจางมีเรื่องอะไรกับเขา ดังนั้นเขาจึงมองไปที่ฮงเหมยอย่างไม่รู้ตัว หวังว่าเธอจะบอกใบ้ให้ตนเองได้ แต่ฮงเหมยก็ยังไม่สนใจเขาเหมือนเดิม เธอเดินผ่านด้านข้างเขาไปแล้วตรงไปยังห้องทำงานของเธอ
สถานการณ์ในตอนนี้ของซ่งลุ่ยนั้นสับสนมาก และเขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไรผิด ฮงเหมยจึงได้ปฏิบัติกับเขาด้วยท่าทางแบบนี้ แต่ว่าประธานจางให้เขารีบไปที่ห้องทำงาน คงรอถามฮงเหมยไม่ได้แล้ว
ซ่งลุ่ยยืนอยู่ด้านนอกประตูห้องของประธานจางและจัดเสื้อผ้าของเขาให้เรียบร้อย ลูบหน้าเพื่อทำให้ตัวเองดูกระฉับกระเฉงขึ้น ซ่งลุ่ยถอนหายใจด้วยความหนักอก ผลักประตูห้องทำงานของประธานจาง เข้าไปก็เห็นเธอกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้และจ้องมองมาที่เขาอยู่ มองจนเขาขนลุกไปทั้งตัว แต่ว่าเขาก็ไม่สามารถเดินออกจากห้องได้ ทำได้เพียงสบสายตากับประธานจางแล้วเดินไปที่ด้านหน้าของประธานจาง ซ่งลุ่ยพูดกับประธานจางด้วยความเคารพ
“ประธานจาง ผมมาแล้วครับ เรียกหาผมมีเรื่องอะไรเหรอครับ ?” พูดจบ เขาก็ยืนนิ่งและมองไปที่ประธานจางด้วยสายตาที่เรียบเฉย
หลังจากที่ซ่งลุ่ยเข้ามาในห้องแล้ว ประธานจางก็สังเกตซ่งลุ่ยอย่างเงียบ ๆ ตอนที่จางชูหยาเห็นซ่งลุ่ยตั้งแต่ครั้งแรกก็ถูกสายตาของเขาดึงดูด ในสายตาของจางชูหยาตอนนี้ ดวงตาของซ่งลุ่ยดึงดูดเธอเหมือนสระน้ำลึกราวกับว่าเธอกำลังจะติดอยู่ในวังวนนั้น ดังนั้นจางชูหยาจึงจ้องมองตาของซ่งลุ่ยอย่างลุ่มหลง เพราะแบบนั้นเธอจึงไม่ได้ยินสิ่งที่ซ่งลุ่ยพูดกับเธอ
หลังจากพูดจบ ซ่งลุ่ยก็สังเกตสีหน้าของจางชูหยา ก็เห็นแค่เพียงเธอที่กำลังจ้องมองเขาและไม่รู้ด้วยว่าเธอมองอะไร แม้แต่ประโยคเดียวเธอก็ไม่ได้พูดออกมา ไม่มีปฏิกิริยาต่อคำถามของเขา เพียงแค่จ้องมองเหมือนเดิม ดังนั้นซ่งลุ่ยจึงส่งเสียงขึ้นมาอีกครั้ง “ประธานจาง คุณเรียกหาผมมามีเรื่องอะไรเหรอครับ ?”
ในที่สุดคราวนี้จางชูหยาก็ได้ยินและถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์นั้น ด้วยคำพูดของซ่งลุ่ย ทันใดนั้นเธอก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติกับพฤติกรรมของเธอและเกิดความสับสนขึ้นในแววตา แต่เธอกลับสงบนิ่งในทันที เธอถามซ่งลุ่ยด้วยใบหน้าที่จริงจัง
“หรือว่านายไม่มีอะไรจะพูดกับฉัน ? รอให้ฉันชี้ประเด็นให้แบบนั้นมันสายไปแล้ว ! ลองไปคิดดูกับตัวเองดีกว่าทำเรื่องอะไรผิดมา !” พูดจบก็หันหลังกลับไปไม่มองซ่งลุ่ยอีก
ซ่งลุ่ยถูกคำพูดของประธานทำให้สับสน เขาทำอะไรผิดมากันล่ะ ? ตั้งแต่เขาทำงานนี้มาก็ยังไม่เคยทำเรื่องอะไรนี่ ? เรื่องเฉินอันที่ถูกไล่ออก ประธานจางก็รู้แล้ว เรื่องที่ทำผิดก็มีแค่วันนี้ แต่ค่อยว่ากันเถอะ ประธานจางเพิ่งจะออกจากห้องทำงานมาตอนที่เหตุการณ์จบแล้ว เธอย่อมไม่รู้เรื่องอะไรแน่ แล้วแบบนี้ประธานจางต้องการจะสื่อถึงอะไรกัน ?
ซ่งลุ่ยคิดแล้วคิดอีกก็ยังหาคำตอบไม่เจอ งั้นก็ถือโอกาสจัดการเรื่องของเขาไปเลยแล้วกัน เขาพบว่าเกือบจะทุกเรื่องมีฮงเหมยอยู่เบื้องหลัง ! ในเวลานี้ซ่งลุ่ยคาดเดาได้อย่างชาญฉลาด คิดในใจอย่างเงียบ ๆ หรือว่าประธานจางจะรู้เรื่องเขากับฮงเหมยแล้ว ? ถ้าเป็นอย่างงั้นละก็ มันอาจจะเป็นเรื่องใหญ่ได้ ! แต่ว่าในเวลานี้ก็ถือว่าซ่งลุ่ยยังพอจะโชคดีอยู่บ้าง เขากลอกตาและเรียบเรียงคำพูดในใจ เงยหน้าอ้าปากพูดกับกับประธานจาง หลังจากนั้นก็โค้งคำนับพร้อมเอ่ยคำพูดที่เต็มไปด้วยความขออภัย
“ประธานจาง ผมต้องขออภัย ผมไม่รู้ว่าผมทำอะไรผิดไป ถ้าหากว่าประธานจางรู้สึกว่าผมทำอะไรผิดไป ได้โปรดช่วยชี้แนะด้วยครับ ผมจะปรับปรุงแล้วจะไม่ทำอีก ! อย่างไรก็ตามผมไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อน หวังว่าประธานจางจะให้คำแนะนำและสนับสนุน ! ” พูดจบก็ยืนนิ่งมองตรงไปข้างหน้าอย่างเรียบเฉย
ประธานจางที่ได้ยินซ่งลุ่ยพูดแบบนั้น แววตาและสีหน้าก็เปล่งประกายระยิบระยับ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ตอนนี้มือขวาของประธานจางเท้าไปที่คางของเธอ นิ้วชี้ของมือซ้ายเคาะไปบนโต๊ะ พินิจพิเคราะห์ซ่งลุ่ย หวังว่าจะเห็นปัญหาจากการสังเกตสีหน้าซ่งลุ่ย แน่นอนว่าประธานจางคาดเดาไม่ออก ในตอนที่เธอพูดจบประโยค สีหน้าของซ่งลุ่ยก็เปลี่ยนไปเหมือนกิ้งก่าเปลี่ยนสี ตั้งแต่เริ่มคิดอย่างไตร่ตรองจนถึงตอนนี้ก็สัมผัสได้เพียงความไม่แน่ใจ อยากทำอะไรก็ทำ ประธานจางมองแล้วพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ แสดงว่าซ่งลุ่ยในเวลานี้กำลังคิดอย่างจริงจัง ด้วยสีหน้านี้ของซ่งลุ่ยจึงทำให้ประธานจางมองออกว่าในช่วงไม่กี่วันนี้ซ่งลุ่ยต้องพบกับปัญหามากมายที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ! เธอรู้ว่าปัญหาพวกนี้ของเขาเป็นเพียงเรื่องที่เล็กน้อยมาก ๆ ไม่ ! จะให้เขามาชี้นำเธอไม่ได้ !
ประธานจางมองไปยังสีหน้าที่เป็นธรรมชาติของซ่งลุ่ย กลอกตาไปมา ในใจอดคิดไม่ได้ที่จะคิดหยอกล้อเขา เธอพูดด้วยรอยยิ้มกับซ่งลุย “นายฉลาดมาก ! ไม่ใช่ว่านายคิดไม่ออกหรอกรึว่าจะพูดอะไรออกมา เพราะความผิดที่นายทำมันเยอะก็เลยอยากจะให้ฉันชี้ประเด็น หลังจากนั้นนายก็จะได้คอยเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน คิดหาทางแก้ตัวจนไม่ผิด แต่ว่าฉันอยากให้นายพูดด้วยตัวเอง ! แต่ถ้านายไม่บอกอะไรฉันสักคำ นายน่าจะรู้ว่าถึงผลที่ตามมา !” พูดจบก็กอดอก มองไปที่ซ่งลุ่ยอย่างสนอกสนใจ รอดูว่าซ่งลุ่ยจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
ซ่งลุ่ยได้ยินประธานจางพูดแบบนั้น เขาก็ตื่นตระหนกจนมือไม้อ่อน สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นลุกลี้ลุกลนขึ้นมาและคิดในใจอย่างเงียบ ๆ ประธานจางล่วงรู้ความคิดภายในใจเขาออกได้อย่างไร ดูเหมือนเขาจะประเมินค่าประธานจางต่ำไป ถึงอย่างไรก็ตามคนตรงหน้านี้ก็เป็นคนที่ประสบความสำเร็จ การสังเกตจากสีหน้าและคำพูดย่อมเป็นทักษะพื้นฐานที่ควรมีอยู่แล้ว จากการแสดงออกของเธอ เขาก็จะทำยังไงดีล่ะ !
ซ่งลุ่ยคิดในใจอย่างเร่งด่วน ทันใดนั้นก็พบรายละเอียด ! ประธานจางเพิ่งจะยิ้มตอนที่เขาพูดเมื่อกี้ มันเป็นเพียงรอยยิ้มที่เรียบง่ายซึ่งสามารถแสดงให้เห็นว่าความโกรธของประธานนั้นหายไปแล้ว หรือพูดได้ว่าในตอนที่ประธานจางถามเขา แน่นอนว่าเธอได้ให้เวลาแก่เขาแล้วและไม่มีร่องรอยของความโกรธหลงเหลืออยู่ ถ้าอยากจะพูดอะไร เขาก็พูดออกมาได้อย่างเต็มที่เหมือนปกติ แต่ว่านี้ก็เป็นเพียงการคาดเดาของตนเองเท่านั้น ยังคงต้องยืนยันด้วยตนเองสักหน่อย
เพื่อยืนยันความคิดของเขา ซ่งลุ่ยมองไปรอบ ๆ เพื่อดูว่ามีอุปกรณ์การแสดงใดที่สามารถใช้ได้บ้างและทันใดนั้นพบคราบน้ำบนพื้นและเศษแก้วแตก จากนั้นเขาก็ใช้หางตาเหลือบมองไปที่ริมฝีปากของประธานจาง ก็พบว่าเธอเม้มปากของเธออย่างไม่รู้ตัว แสดงให้เห็นว่าเธอกำลังต้องการดื่มน้ำ และด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้แก้วน้ำตกแตก ส่งผลให้เธอยังคงไม่ได้ดื่มน้ำ เขาสามารถใช้เรื่องที่เขาพบนี้มาตรวจสอบเพื่อยืนยันว่าประธานจางยังมีความโกรธอยู่มั้ย !