ตอนที่แล้วตอนที่ 37 ปลุกพลัง (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 39 เขตซี

ตอนที่ 38 พี่ใหญ่กุ้ยและน้องเล็กกุ้ย 


ตอนที่ 38 พี่ใหญ่กุ้ยและน้องเล็กกุ้ย

“อ้อ โอเค! ได้เลย!” ซ่งเจิงเปลี่ยนจากอาการตกใจเป็นความยินดี เขารีบหยิบกระทะเหล็กขึ้นมาทำข้าวผัดไข่อย่างไม่รอช้า

“สอง... สองจานนะ!” ร่างเล็กของพี่ใหญ่กุ้ยทำมือขึ้นชูสองนิ้วให้ซ่งเจิง หลังจากนั้นจึงกระโดดเข้าไปในจานและกินข้าวผัดไข่อย่างตละกละตะกลาม

“สองจานเหรอ?” ซ่งเจิงนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาคิดว่าพี่ใหญ่กุ้ยคงหิวโหยแน่ๆ จึงยิ้มออกมาพลางพูดว่า “จานเดียวก็อิ่มแล้ว”

“ฉันไง... ฉันเอง! ของฉันล่ะ!” ขณะนั้นเอง ก็มีร่างเล็กอีกร่างที่คล้ายคลึงกับพี่ใหญ่กุ้ยไม่มีผิด โผล่ออกมาจากเสื้อผ้าของเขา หลังจากนั้นจึงตะโกนออกด้วยเสียงอันอ่อนแรง

“เฮ้ย! อะไรวะเนี่ย!” ซ่งเจิงร้องลั่น เขาตกใจจนเกือบจะล้มลงไปกับพื้น

“พี่ใหญ่กุ้ยไซซ์มินิสองคนเนี่ยนะ?!” ลิงผอมที่เพิ่งจะยันตัวลุกขึ้นได้ล้มลงไปที่พื้นด้วยความตกใจอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา

“ดะ... ได้! จะรีบทำให้เดี๋ยวนี้แหละ!” ซ่งเจิงสงบสติอารมณ์จากอาการตกตะลึง ก่อนหยิบกระทะขึ้นมาทำข้าวผัดไข่อีกจาน พี่ใหญ่กุ้ยตัวเล็กอีกคนก็ปีนขึ้นมาบนกระทะแล้วกินอย่างหิวกระหาย

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หลังจากที่ฉู่อี้ฟื้นฟูร่างกายเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็มองไปยังร่างเล็กของพี่ใหญ่กุ้ยทั้งสองร่าง

“นายถามฉัน แล้วฉันจะไปถามใครวะ?!” ซ่งเจิงมองอีกฝ่ายด้วยแววตาโมโห

“ไม่ อย่าไปโทษเขา!” ร่างเล็กของพี่ใหญ่กุ้ยที่กำลังกินข้าวผัดไข่อยู่ รีบแก้ตัวแทนฉู่อี้ทันที

“ตัวโตขึ้นแล้ว! ว้าว!” ลิงผอมลุกขึ้นยืนอีกครั้งพลางเบิกตากว้างจนลูกตาแทบถลน

สิ่งที่เขาเห็นคือพี่ใหญ่กุ้ยตัวเล็กทั้งสองคนมีร่างกายที่ใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ หลังจากได้ทานข้าวผัดไข่ ในที่สุดก็โตขึ้นจนเทียบเท่ากับความสูงครึ่งหนึ่งของร่างเดิมและหยุดโตแค่นั้น

“แยกร่างงั้นเหรอ? แต่ก็เหมือนจะไม่ใช่นะ” ฉู่อี้ที่อยู่อีกด้านมองด้วยสายตาสงสัยแบบเดียวกัน

“พลังของฉันตื่นขึ้นแล้ว! เรียกว่าพลังคู่แฝด ฉันคือพี่ใหญ่กุ้ยคนเดิม ส่วนคนนี้... เอ่อ... เรียกว่าน้องเล็กกุ้ยก็แล้วกัน” พี่ใหญ่กุ้ยที่ตัวโตกว่าอธิบาย

“ยังจะมองกันอยู่ได้ เป็นบ้ากันไปหมดแล้วรึไง? ยังไม่รีบหาเสื้อผ้ามาให้พวกฉันใส่อีก!” น้องเล็กกุ้ยอีกคนหนึ่งพูดขึ้นมา แต่หลังจากพูดจบ ทั้งสี่คนรวมถึงพี่ใหญ่กุ้ย ต่างก็อยากจะจัดการเจ้านี่ให้หายไปจากโลกนี้ซะ

“ลิงผอม มือไม่เป็นตะคริวแล้วใช่ไหม?” ซ่งเจิงมองไปยังลิงผอมด้วยสีหน้ากังวล

“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ อย่างน้อยก็ได้จัดการไอ้คนไม่รักดีนั่น!” ลิงผอมนวดมือของตัวเองจนเกิดเสียงดังกระดูกลั่น

“ตะกี้นี้ฉันถูกทำร้ายอย่างหนัก ตอนนี้สภาพจิตใจไม่ค่อยดีเลย” ฉู่อี้ทำหน้าเศร้า

“ทำไมมือฉันมันคันๆแบบนี้เนี่ย?” พี่ใหญ่กุ้ยมีสีหน้าเคร่งขรึม

“ไม่เอา!”

“ฉันไม่กล้าทำแล้ว!”

“พี่ใหญ่... ทำไมยังไม่หยุดอีก!”

“นี่เป็นพลังแท้จริงของนายเหรอ?” ทั้งสามกรูเข้ามาล้อมรอบพี่ใหญ่กุ้ยแล้วถามออกมา ไม่สนใจว่าน้องเล็กกุ้ยจะเจ็บตัวเพราะถูกพี่ใหญ่ของเขาทุบตีมากแค่ไหน

“เฮ้! ไม่ใช่แบบนี้สิ พวกนายดูนี่นะ!” พี่ใหญ่กุ้ยยืนขึ้น ก่อนเอื้อมมือไปยังดวงอาทิตย์ที่ลอยอยู่กลางท้องฟ้า ทันใดนั้นก็เกิดลูกบอลไฟขึ้นบนกลางฝ่ามือ จากนั้นเขาจึงขว้างลูกบอลไฟนั้นไปยังก้อนหินที่อยู่ไกลออกไปก้อนหนึ่ง ดวงไฟนั้นพุ่งหลาวออกไปแล้วลอยหยุดอยู่เหนือหินก้อนนั้น

“ไม่เห็นเกิดอะไรขึ้นสักอย่างเลย? หรือว่าทำไปเพื่อความสวยงามเฉยๆ?” สีหน้าสงสัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลิงผอม ซ่งเจิงและฉู่อี้หันมองหน้ากันด้วยสีหน้าสับสน

“ตูม!” เสียงระเบิดดังสนั่นพร้อมรอยแยกที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวของหินก้อนนั้น หินแข็งระเบิดออกจนแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ

“ว้าว! สุดยอดไปเลย!” ทั้งสามคนอ้าปากค้างและอุทานออกมาพร้อมกัน

“เชอะ! ตกใจอะไรกัน?! พลังของฉันแข็งแกร่งกว่านี้ตั้งหลายเท่ารู้ไหมเจ้าพวกโง่! ทำอย่างกับไม่เคยเห็นอย่างนั้นแหละ” น้องเล็กกุ้ยพูดพร้อมแสดงสีหน้าเหยียดหยาม

“ให้ตายสิ! ฉันคันไม้คันมืออีกแล้ว” พี่ใหญ่กุ้ยขมวดคิ้ว

“ฉันก็เหมือนกัน!” คนทั้งสามที่อยู่รอบๆ เอ่ยออกมาพร้อมกัน

หลังจากนั้น น้องเล็กกุ้ยจึงเอาแต่ร้องตะโกนขอชีวิตด้วยความเจ็บปวด

“ถ้าอย่างนั้นพลังของพวกนายคือหยินหยางงั้นเหรอ?” ซ่งเจิงถามอย่างตื่นเต้น

“อืม! แต่ว่าข้อจำกัดของมันค่อนข้างเยอะ หนึ่งวันใช้พลังได้แค่สามครั้ง แถมยังมีข้อจำกัดเรื่องอากาศอีก วันข้างหน้าร่างกายฉันอาจจะหยุดโตแค่เท่านี้” พี่ใหญ่กุ้ยยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

“อย่าพึ่งใจเสียไปสิ ไม่แน่ว่า เมื่อพวกนายพัฒนาพลังไปได้อีกระดับ ร่างกายอาจจะกลับมาเป็นปกติก็ได้” ซ่งเจิงมองพี่ใหญ่กุ้ยที่ทำหน้าเศร้าพลางพูดปลอบใจ

“ยังมีข้อจำกัดอื่นอีกไหม? เช่นเรื่องระยะห่าง?” ฉู่อี้ถามเพิ่มเติม

‘เขาคาดเดาถูกเผงเลย! แม้แต่พลังที่แข็งแกร่งแบบนี้ก็จัดการได้อยู่หมัด’ ซ่งเจิงเหลือบมองฉู่อี้ ในใจแอบชื่นชมอยู่ลึกๆ

“ฉันจะลองดู” พี่ใหญ่กุ้ยยืดตัวขึ้นก่อนพุ่งตัวเข้าไปในป่า

เขาวิ่งไปไม่ถึงสองร้อยเมตร พลังเหล่านั้นก็ส่งผลสะท้อนจนร่างย้อนกลับมาหาทั้งสามในจุดเดิม “ไม่ได้ ระยะที่ไกลที่สุดในตอนนี้คือสองร้อยเมตร แถมศักยภาพทางกายยังลดฮวบเลยล่ะ วิ่งไปไม่กี่ก้าวก็หอบแล้ว” พี่ใหญ่กุ้ยพูดขณะที่นั่งหอบอยู่กับพื้น

ซ่งเจิงยื่นขนมเปี๊ยะทอดให้อีกฝ่ายกิน ทำให้พลังของเขาค่อยๆฟื้นฟูกลับคืน

“พลังนี้ ไม่ได้มีค่าอะไรมากเลยนะ” ฉู่อี้พูดพลางหันไปมองซ่งเจิง

“ฉันว่ามันก็ใช้ได้อยู่นะ แค่ตอนนี้เรายังมองไม่ออกเฉยๆ” ซ่งเจิงหัวเราะ

“ไอ้พวกโง่! พวกนายคงไม่เคยเห็น ว่าพวกเราเก่งกาจแค่ไหนตอนที่พวกเรารวมพลังกันใช่ไหมล่ะ?” น้องเล็กกุ้ยพูดด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม

“เด็กนี่พูดไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ!” ซ่งเจิงคว้ากระทะเหล็กออกมาถือไว้

“ไม่มีพ่อมีแม่ไร้มารยาทแบบนี้แหละ!” ลิงผอมหยิบมีดสั้นสองเล่มออกมาควงเพื่อข่มขวัญ

“เจ้านี่เป็นเสี้ยนหนามจริงๆ!” มือทั้งสองข้างของฉู่อี้เกิดไฟลุกพรึ่บ

“เจ้านี่เป็นใครกัน ฉันไม่เห็นจะรู้จักเขาสักนิด!” พี่ใหญ่กุ้ยหยิบมีดสปาตาร์ขึ้นมา

...

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป

“พี่ซ่งเจิง พี่ฉู่อี้ พี่ลิงผอม พี่ใหญ่สุดที่รักของฉัน พวกนายอยากจะเห็นจริงๆเหรอฮะ?” น้องเล็กกุ้ยคุกเข่าลงกับพื้นแล้วพูดกับคนทั้งสี่ ด้วยน้ำเสียงเคารพยำเกรงเสียเต็มประดา

“เรียกฉันว่าพี่ซ่งก็พอ!” ซ่งเจิงหยิบกระทะเหล็กขึ้นจากศีรษะของน้องเล็กกุ้ย

“เรียกพี่ฉู่อี้ก็ไม่ได้แย่ หลังจากนี้ก็เรียกแบบนี้แล้วกัน” ฉู่อี้ใช้มือขวาลูบหัวน้องเล็กกุ้ยด้วยความเอ็นดู เปลวไฟลุกโชนบนมือซ้ายก็ดับลง

“เรียกฉันว่าพี่ลิง โอเคไหม?” ลิงผอมเช็ดรอยเปื้อนบนมีดสั้นบนเสื้อผ้าที่เพิ่งผลัดเปลี่ยนของอีกฝ่าย

“ส่วนแก ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่ใหญ่!” พี่ใหญ่กุ้ยปักมีดสปาตาร์ลงกับพื้นอย่างรุนแรง

“เริ่มกันเลย!” เขาจ้องตาน้องเล็กกุ้ยเขม็ง และอีกฝ่ายก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย

พระอาทิตย์ตกลับไปทางทิศตะวันตกแล้ว ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ พี่ใหญ่กุ้ยและน้องเล็กของเขาจับมือกันแน่น

หลังจากนั้นจึงเกิดลูกบอลไฟที่มีแสงสว่างเจิดจ้า ส่องออกมาจากระหว่างหน้าผากของทั้งสอง แสงนั้นสว่างสดใสมาก ราวกับเป็นพระอาทิตย์ดวงหนึ่ง ทั้งยังมีลูกบอลสีดำมืดอีกลูกหนึ่งปรากฏขึ้น

บอลลูกนี้เหมือนหลุมดำที่คอยดูดทุกอย่างเข้าไปภายใน ไม่นานลูกบอลทั้งสองลูกก็เคลื่อนตัวเข้าหากันจนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว และเปลี่ยนแปลงเป็นรูปหยินหยาง!

พอทั้งสองปล่อยมือออกจากกันและหันหน้าไปทางทิศตะวันตก ลูกบอลหยินหยางจึงหมุนรอบตัวเองอย่างรวดเร็ว ก่อนพุ่งไปทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วเหนือแสง

“ตูม!” ทันทีที่ลูกบอลหยินหยางร่วงลงกระทบพื้น ก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับลมพายุรุนแรงตรงจุดที่เกิดการระเบิดนั้น

เมื่อพายุฝนสงบลงแล้ว ซ่งเจิง ฉู่อี้ และลิงผอมต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้า

“ภูเขาลูกเล็กๆตรงนั้นหายไปไหนซะแล้วล่ะ?!” ซ่งเจิงกะพริบตาถี่อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

“แล้วพืชไร่ที่อยู่ตรงนั้นล่ะ?” ฉู่อี้ทั้งกะพริบตาถี่ ทั้งโคลงศีรษะ

“กลุ่มซอมบี้ที่อยู่ตรงนั้นก็หายไปด้วย!” ลิงผอมรีบหยิกข้อศอกตัวเองเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป

พวกเขาเห็นเพียงหลุมใหญ่ที่คล้ายหลุมอุกกาบาตบนพื้นเท่านั้น รอบข้างไม่มีสิ่งอื่นอยู่เลย เหมือนสิ่งเหล่านั้นถูกทำลายล้างจนหายไปหมด

“พลังแบบนี้วันหนึ่งใช้ได้กี่ครั้งเหรอ?” ซ่งเจิงกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

“ถ้าเป็นช่วงอากาศปกติ พลังนี้จะใช้ได้วันละสองครั้ง” พี่ใหญ่กุ้ยพูดขณะที่ร่างกายซวนเซเหมือนจะล้มลง เขายืนพิงกำแพงทั้งที่ในมือยังถือมีดสปาตาร์และหอบหายใจอย่างหนัก ส่วนน้องเล็กกุ้ยนอนราบไปกับพื้นโดยไม่พูดอะไรสักคำเดียว

ซ่งเจิงรีบทำข้าวผัดไข่สองจานให้ทั้งสองกินเพื่อฟื้นฟูพลัง หลังจากพวกเขาทานอาหารเสร็จก็หลับผล็อยไป ชัดเจนว่าร่างกายของพวกเขาถึงขีดจำกัดแล้ว

ลิงผอมก็แยกตัวไปพักผ่อนเช่นกัน ส่วนซ่งเจิงกับฉู่อี้ยังนั่งอยู่ที่เดิม เพราะยังมีบางเรื่องที่ต้องสะสาง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด