ตอนที่แล้วตอนที่ 36 กำลังดำเนินการ 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 38 รายละเอียดข้อตกลงความสำเร็จและความล้มเหลว

ตอนที่ 37 ธรรมชาติของมนุษย์


ตอนที่ 37 ธรรมชาติของมนุษย์

ฮงเหมยที่ยืนอยู่ข้างหลังประธานจางรู้สึกอึดอัดใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพราะว่าความโกรธที่มีอยู่เต็มใบหน้าของประธานจางแสดงออกมาอย่างเปิดเผย ขนาดฮงเหมยที่อยู่ใกล้กับประธานจางมากที่สุดยังรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก ในห้องโถงทางเดินขนาดใหญ่มีประธานจางยืนอยู่ตรงกลางและฮงเหมยยืนอยู่ข้าง ๆ ประธานจาง กำลังรอการมาถึงของคนตรงข้ามอย่างเงียบ ๆ แต่ฮงเหมยกลับมองไปที่ออฟฟิศของซ่งลุ่ยอย่างไม่หยุดหย่อน เพราะว่าเธออยู่ที่นี่ ซึ่งซ่งลุ่ยก็เป็นผู้ช่วยและเขาควรมาที่นี่ด้วย ! ยิ่งไปกว่านั้น ประธานจางยังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนฉุดไม่อยู่ขนาดนี้ !

ทั้งสองยืนอยู่ที่ทางเดินได้ซักพัก เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจก็ยังดังมากเหมือนเก่า แต่ก็ไม่ได้อยู่ใกล้แล้ว เพียงแค่ยังคงมีเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจเฉย ๆ คาดว่าพวกเขาคลาดกับกลุ่มคนที่วิ่งหนีไปก่อน ! ดังนั้นจึงยืนอยู่ตรงทางเข้าของทางเดินแต่ก็ไม่กล้าเข้ามา แต่เขาก็ไม่เชื่อในสิ่งที่กลุ่มคนที่หนีไปพูด ดังนั้นจึงมีเสียงดังเกิดขึ้นในโถงทางเดินและไม่ยอมจากไป

ทันใดนั้นประตูห้องทำงานของซ่งลุ่ยก็เปิดออก ประธานจางไม่ได้หันไปมอง แต่ฮงเหมยหันไปมองอย่างไม่รู้ตัว แต่ก็เห็นคนสองคนออกมาจากห้องทำงานของซ่งลุ่ย คนแรกคือซ่งลุ่ยและอีกคนมองไม่เห็นหน้า มองจากการแต่งตัวดูเหมือนจะเป็นผู้ชาย เขาสวมหมวกบนหัวของเขาและกดปีกหมวกลง ตอนที่ออกจากห้องทำงานของซ่งลุ่ยก็แยกตัวออกไปอีกทางหนึ่งและไม่หันกลับมา ฮงเหมยมองแล้วก็รู้สึกผิดปกติ เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ไม่ใช่ของซ่งลุ่ยเหรอ ? มันดูใหญ่จนหลวมและไม่เข้ากันสุด ๆ มองไปมองมา ฮงเหมยก็พบว่ามันดูผิดปกติอีกครั้ง ! คนนั้นสวมรองเท้าส้นสูง !  แต่ว่านี่มันไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดแบบนั้น รอให้เรื่องนี้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยไปคิดบัญชีคืนกับเขาทีหลัง ! ฮงเหมยมองไปที่ซ่งลุ่ยที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอ เธอชำเลืองมองเขาอย่างดุดัน ก่อนจะเบือนหน้าหนีและไม่มองเขาอีก

ซ่งลุ่ยเดินไปที่ฮงเหมย เขายิ้มให้ฮงเหมย แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะเมินเฉยเขา ตอนแรกเธอจ้องมองมาที่เขา ก่อนจะเบือนหน้าหนีแล้วไม่มองเขาอีก ซ่งลุ่ยยิ้มอย่างอึดอัดวางตัวไม่ถูก  จากนั้นเขาก็เดินไปที่อีกด้านหนึ่งของประธานจางและยืนอยู่ข้างหลังประธานจางเหมือนฮงเหมย ซ่งลุ่ยที่เพิ่งจะหยุดเดินและยืนเรียบร้อยแล้วก็ได้ยินประธานจางถามขึ้นมา

“มาแล้วเหรอ ทำอะไรอยู่ถึงเพิ่งจะมา !” ด้วยน้ำเสียงไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่เมื่อซ่งลุ่ยและฮงเหมยได้ยินก็มีความรู้สึกเดียวกัน รู้สึกถึงความอึมครึมและความเยือกเย็นจนกลัวตัวสั่นงันงก

ซ่งลุ่ยจึงรีบตอบประธานจางอย่างรวดเร็ว

“ประธานจางครับ ต้องขออภัย ตอนพักเที่ยง ผมไม่ได้พัก เลยงีบหลับอยู่ในห้องทำงานครู่หนึ่ง ขออภัยจริง ๆ ครับ ครั้งต่อไปจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกครับ ผมให้สัญญา”

ประธานจางที่ได้ยินซ่งลุ่ยพูดแบบนั้น ดวงตาทั้งคู่หรี่ลงเล็กน้อยแล้วหันไปดูซ่งลุ่ย ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มและบอกกับซ่งลุ่ยว่า "ถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกในครั้งต่อไป นายไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก เข้าใจแล้วใช่มั้ย ? ” พูดจบก็ไม่รอให้ซ่งลุ่ยตอบ เธอหมุนตัวและเดินกลับไป

คำพูดที่ฟังดูเย็นชาดังก้องอยู่ในหูของซ่งลุ่ยเหมือนสายฟ้าฟาดใส่หูของเขา ! ซ่งลุ่ยมองประธานจางด้วยรอยยิ้มเจื่อน ๆ ในใจกลัวจนตัวสั่นงันงก และในเวลาอันสั้น หลังของซ่งลุ่ยก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็นเยียบ จะเห็นได้ว่าความโกรธของประธานจางนั้นรุนแรงแค่ไหน ! แน่นอนล่ะ ส่วนหนึ่งของมันเพราะว่าซ่งลุ่ยหวาดระแวงเนื่องจากทำอะไรผิดมา แต่มันเป็นเรื่องน่าตกใจสำหรับอารมณ์อันร้อนแรงของประธานจาง มิฉะนั้นพวกเขาจะเป็นเจ้านายได้ไง ดูเหมือนว่าภารกิจของเขาจะยังอยู่อีกไกล หากยังคงต้องจัดการเธอก็ฝันกลางวันไปเถอะ !

ตอนนี้สถานการณ์ที่ทางเดินคือประธานจางกำลังยืนอยู่กลางทางเดินโดยมีฮงเหมยอยู่ทางซ้ายและซ่งลุ่ยอยู่ทางขวา มองไปยังกลุ่มคนด้านหน้า แต่กลุ่มคนข้างหน้ายังคงส่งเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจอยู่ในโถงทางเดิน  ประธานจางรออย่างกระวนกระวายใจ แต่ว่าไม่มีใครกล้าก้าวไปข้างหน้า ดังนั้นประธานจางจึงไม่สนใจอีกต่อไปแล้วตะโกนไปตรงทางเดิน

“พวกนายทุกคน นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ! จะไม่มีใครบอกฉันใช่มั้ย ! พวกนายมาหาฉันเดี๋ยวนี้ !”พูดจบ เธอก็กอดอกและมองไปยังสถานการณ์ตรงหน้า แต่ว่าบนใบหน้ายังมีรอยยิ้มปรากฎอยู่ แต่ว่าเป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนที่เห็นหัวใจกระตุกชาวาบไปด้วยความเยือกเย็น !

กลุ่มคนที่ปลายอีกด้านของทางเดินได้ยินเสียงตะโกนของประธานจาง เสียงที่ดังจ๊อกแจ๊กจอแจเมื่อครู่ก็ได้เบาลงไปครู่หนึ่ง แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ดังขึ้นมาอีก เหมือนกับเสียงแมลงวันบินที่ดังหึ่งหึ่ง ทำให้คนอื่นรู้สึกรำคาญ อีกทั้งยังเสียงดังมากกว่าเดิมอีกด้วย เสียงนี้ทำให้อารมณ์ของเธอแย่ลงไปอีก ! เป็นไปตามคาด ! ประธานจางขมวดคิ้วขึ้น ค่อย ๆ ปิดตาลง แต่หัวคิ้วยังคงขมวดเป็นปมอยู่ ในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเธออารมณ์เสียอย่างสุด ๆ !

แต่ว่ากลุ่มคนยังคงอยู่ที่ทางเข้าของทางเดินเหมือนเก่า จะเดินไปก็ไม่ได้ไม่เดินก็ไม่ได้ เพียงแค่พึมพำกันอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกัน ในเวลานี้ใบหน้าประธานจางที่โกรธก็เปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมล้น รอยยิ้มกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ไม่นานก็ส่งเสียงหัวเราะ ฮ่าฮ่าฮ่า ออกมาอย่างดัง ! ฮงเหมยและซ่งลุ่ยต่างก็มองประธานจางด้วยความประหลาดใจ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับประธานจางในเวลานี้ เมื่อเห็นอย่างนี้ ซ่งลุ่ยก็ก้าวไปข้างหน้าแล้วถามประธานจางว่า

“ประธานจาง เป็นอะไรครับ ? คุณ มีอะไรผิดปกติเหรอครับ ?” พูดจบก็มองไปที่ประธานจางด้วยความกังวล

ประธานจางจ้องไปที่ซ่งลุ่ยอย่างรวดเร็ว เสียงหัวเราะก็ขาดหายไปอย่างฉับพลันและไม่พูดอะไรกับซ่งลุ่ย แล้วหันไปหากลุ่มคนที่อยู่ในทางเดินอีกครั้ง จากนั้นก็ตะโกนเสียงดังว่า

“ในเมื่อไม่มีความกล้าหาญ ก็กลับไปทำงานเถอะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า !” พูดจบก็หัวเราะออกมา แต่ว่าในเสียงหัวเราะไม่มีความโกรธแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ไม่มีความเย็นชา มีเพียงแต่การเหน็บแนมอย่างไม่มีที่สิ้นสุด !

เหนือความคาดหมาย กลุ่มคนที่กำลังซุบซิบนินทาอยู่ตรงทางเดินก็หายไป ประธานจางที่เตรียมจะหมุนตัวก็หยุดลงทันที ยังคงรักษาท่วงท่าเดิมเอาไว้ ดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป หลังจากรอมานาน เสียงเหล่านั้นก็หายไป แต่ว่าตรงทางเดินยังคงมีประธานจาง ฮงเหมย และซ่งลุ่ยยืนอยู่สามคนเหมือนเก่า ประธานจางหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหันหลังกลับไป แต่ว่าตอนที่เดินผ่านซ่งลุ่ย เขากลับไปยินเธอพูดมาหนึ่งประโยค

“นี่แหละนะธรรมชาติของมนุษย์ น่าเศร้าและน่าตลก”

หลังจากที่ซ่งลุ่ยได้ยินแล้ว ในใจของเขาก็ปั่นป่วนและเข้าใจทันที ประโยคที่ประธานจางพูดช่างละเอียดและลึกซึ้งมาก นี่คือนิสัยของมนุษย์ที่น่าเศร้าและน่าตลก สังคมในตอนนี้ทุกคนได้เรียนรู้ที่จะรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางและไม่โอ้อวดความสามารถ แต่กลับลืมไปว่านกที่ตื่นเช้าย่อมมีหนอนกิน นกที่ช้ากว่าตัวอื่นก็จะไม่มีอะไรกิน เขาก็อดไม่ได้ที่ถอนหายใจออกมาไม่ได้ แล้วพูดประโยคเดียวกับประธานจาง นี่เป็นธรรมชาติของมนุษย์แหละ ! น่าเศร้าและน่าตลก !

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด