ตอนที่แล้วบทที่ 77 หาวรยุทธฝึกฝนเพิ่มเติม 
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 79 ศพในตรอก 

บทที่ 78 ลอบสังหารด้วยศรหนึ่งดอก 


ครั้นลงไปถึงชั้นล่าง หลัวเฉิงจึงหยิบคัมภีร์วรยุทธออกมาแล้วลงทะเบียน

“คุณชายเฉิงต้องการฝึกเพลงกระบี่งั้นหรือเจ้าคะ?” หญิงรับใช้ผู้งดงามเอ่ยถามด้วยความสงสัย

หลัวเฉิงพยักหน้า

หญิงรับใช้ผู้งดงามแย้มยิ้มพลางกล่าวว่า “นักกระบี่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดมาโดยตลอด แต่พวกเขาต้องมีความเข้าใจในเคล็ดวิชาสูงมาก เนื่องจากคุณชายเฉิงมีความเข้าใจในเคล็ดวิชาที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นจึงเหมาะสมกับท่านมากที่จะฝึกเพลงกระบี่เจ้าค่ะ”

“แม้นเป็นเช่นนั้น แต่เคล็ดวิชาทลายสวรรค์สี่กระบวนต้องใช้แก่นแท้ในการปลดปล่อยปราณกระบี่ ซึ่งจะดีที่สุดหากฝึกฝนหลังจากทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์แล้วเจ้าค่ะ”

หลัวเฉิงยิ้มและกล่าวว่า “ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะของเจ้า แต่ข้าได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์แล้ว”

“อะไรนะ คุณชายเฉิงได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์แล้วหรือเจ้าคะ!”

หญิงรับใช้ผู้เลอโฉมพลันผงะตกตะลึงไปครู่ นางนิ่งอึ้งอยู่อย่างนั้นกระทั่งหลัวเฉิงจากไปแล้ว

นางจำได้ชัดเจนว่า หลัวเฉิงเพิ่งปลุกวิญญาณยุทธ์ของเขาได้เพียงสองเดือนเท่านั้น!

จากระดับสี่ของขั้นหลอมกายา ไปจนถึงขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ เขากลับใช้เวลาเพียงแค่สองเดือนเท่านั้น!

คนที่ปลุกวิญญาณยุทธ์ขยะขึ้นมา สามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้จริงงั้นหรือ?

หากนางไม่ได้รู้จักหลัวเฉิงในฐานะบุคคลสำคัญคนหนึ่งของตระกูล นางคงคิดว่าหลัวเฉิงกำลังคุยโวโอ้อวดอยู่เป็นแน่!

หลัวเฉิงออกจากศาลาวรยุทธ และกำลังจะกลับไปฝึกฝนเคล็ดวิชาทลายสวรรค์สี่กระบวน แต่เมื่อเขาเดินผ่านโถงหลักของตระกูลหลัว ยามลาดตระเวนของตระกูลหลัวหลายคนก็เดินผ่านไปด้วยท่าทางร้อนรน โดยสองคนที่เดินผ่านไปในกลุ่มนั้น อาภรณ์เขาเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือด

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

หลัวเฉิงหยุดหนึ่งในนั้นแล้วเอ่ยถามด้วยความฉงนสงสัย

“คุณชายเฉิง! เรากำลังจะไปพบท่านอยู่พอดี!”

เมื่อเห็นหลัวเฉิง ยามลาดตระเวนหลายคนก็หยุดทันที ยามลาดตระเวนวัยกลางคนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “ตระกูลหลิน! วันนี้ตระกูลหลินได้ส่งคนไปยังเมืองหนานเฉิงฟางเพื่อบอกว่าเขาจะมอบเมืองให้กับตระกูลหลัว”

“งั้นหรือ ดูเหมือนพวกเขาจะตั้งอกตั้งใจมอบเมืองให้เราแต่โดยดี”

หลัวเฉิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“มิใช่เช่นนั้นขอรับ!”

ยอมราดตระเวนวัยกลางคนกล่าวด้วยสีหน้าเป็นทุกข์ “ตระกูลหลินเคยให้สัญญากับเราว่าจะมอบเมืองหนานเฉิงฟางให้ แต่กระนั้น กลับไม่มีคนในตระกูลหลินคนใดย้ายออกจากเมืองนานเฉิงฟางแม้แต่น้อย อีกทั้งพวกเขากลับเพิ่มกองกำลังป้องกันมากขึ้น! เมื่อตอนเราไปถึงที่นั่น พวกเขาก็ให้คนทำร้ายพวกเราอีกต่างหาก! เห็นได้ชัดว่าตระกูลหลินเล่นลิ้นกับพวกเรา!”

“นั่นสินะ มันจะง่ายเช่นนั้นได้อย่างไร”

หลัวเฉิงสูดจมูกอย่างเย็นชา แล้วหัวเราะด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้คงไม่ราบรื่นนัก แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ ตระกูลหลินไฉนจึงทำตัวไร้ยางอายไม่กลัวคำครหาจากผู้คนเช่นนี้ และดูเหมือนจะไม่ยอมมอบเมืองหนานเฉิงฟางให้ตระกูลหลัวแต่โดยดีด้วยซ้ำ

“แล้วท่านปู่คิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้” หลัวเฉิงถาม

ยามวัยกลางคนเปลี่ยนสีหน้าเป็นอาฆาตแค้น “ผู้นำตระกูลและเหล่าผู้อาวุโสยังปรึกษาหารือเรื่องนี้กันอยู่ แต่มีแนวโน้มมากว่าจะต้องทำการนองเลือดกับตระกูลหลินขอรับ!”

“ทั้งสองตระกูลจะเริ่มทำสงครามกันงั้นหรือ?”

หลัวเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาขบคิดอยู่ครู่แล้วเอ่ยขึ้นว่า “บอกท่านปู่ว่าข้าจะออกไปข้างนอกสักพัก”

“คุณชายเฉิง ท่านจะไปที่ใดหรือขอรับ” ยามวัยกลางคนถามด้วยสีหน้าสงสัย

“ศาลาหลิงอวิ๋น!”

หลัวเฉิงทิ้งวาจาไว้เพียงสามคำ แล้วเดินออกจากจวนตระกูลหลัวอย่างรวดเร็ว มุ่งตรงไปยังศาลาหลิงอวิ๋นทันที

ตระกูลหลัวและตระกูลหลินมีความแข็งแกร่งทัดเทียมกัน หากเกิดสงครามระหว่างตระกูลขึ้น ย่อมต้องมีผู้คนล้มตายจำนวนมากอย่างแน่นอน เว้นเสียแต่ว่าจะมีมือที่สามเข้าแทรกแซงเรื่องนี้!

สิ่งแรกที่หลัวเฉิงนึกถึงคือศาลาหลิงอวิ๋น!

พื้นหลังของศาลาหลิงอวิ๋นนั้นเต็มไปด้วยความลึกลับ หากว่าศาลาหลิงอวิ๋นยื่นมือเข้าช่วย ตระกูลหลินก็จำต้องยอมมอบเมืองหนานเฉิงฟางให้เป็นแน่

หลัวเฉิงเชื่ออย่างสุดใจ ว่าลั่วเหยาจะไม่ปฏิเสธที่จะช่วยเขา หากนางได้เห็นโอสถพันดาราที่เขานำไปในครั้งนี้

ยามนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน พระอาทิตย์ลอยเด่นอยู่กลางนภา แสงอันแรงกล้าทำให้ผู้คนไม่ออกมาเดินอยู่นอกเรือน

บนหลังคาเรือนหลังหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก มีสองร่างยืนซุ่มซ่อนอยู่ในเงามืด แววตาของพวกมันจ้องยังหลัวเฉิงที่กำลังเดินผ่านไปอยู่เบื้องล่าง

สองร่างนั้นหาใช่ผู้ใดอื่น นอกจากนายน้อยของตระกูลหลิน หลินเหยียนและหลินซาน!

ซึ่งพวกเขาได้ซ่อนตัวในเงามืดอยู่ภายนอกตระกูลหลัว และรอให้หลัวเฉิงปรากฏตัวเพื่อจะลอบสังหาร

“นั่นเจ้าดูสิ ในที่สุดมันก็ออกมาแล้ว!”

หลินเหยียนมองยังหลัวเฉิงแล้วเหยียดยิ้มอำมหิต

หลินซานมิได้กล่าวสิ่งใดออกมา เพียงเอื้อมมือคว้าคันธนูเหล็กอยู่ด้านหลังพร้อมกับลูกเกาทัณฑ์ เขาเริ่มโคจรพลังยุทธ์ไปทั่วร่าง แล้วโก่งคันธนูง้างศร

“ไปตายซะ!”

ขณะที่หลัวเฉิงโดนเปลี่ยวอยู่ในตรอกซึ่งไร้ผู้คนสัญจร หลินซานก็ใช้โอกาสนี้ลั่นธนูออกไปทันที

ครึง!

สิ้นเสียงคันธนูลั่น ลูกทัณฑ์ทันก็กลายเป็นเส้นแสงสีดำสายหนึ่ง พุ่งทะลวงผ่านอากาศเข้าที่ด้านหลังตรงหัวใจของหลัวเฉิงทันที พลังของลูกศรที่อัดแน่นไปด้วยปราณแท้ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ ความรุนแรงนั้นย่อมมหาศาลเป็นธรรมดา

ทันทีที่มันสัมผัสแผ่นหลังของหลัวเฉิง เขาก็ถูกซัดกระเด็นไปกระแทกเข้ากับกำแพงขนาดใหญ่ จนมันพังทลายแตกกระจายในพริบตา!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด