บทที่ 77 หาวรยุทธฝึกฝนเพิ่มเติม
กรร!
ในตอนที่เกร็ดเก้าสีจมสู่วังวนแก่นแท้ เสียงคำรามของมังกรก็ดังก้องในตันเถียนทันที!
หลัวเฉิงได้ยินบทเคล็ดวิชาของมังกรอีกครั้ง ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาควบคุมมังกรสวรรค์ขั้นแรก!
“เคล็ดวิชาควบคุมมังกรสวรรค์มาจากเกล็ดเก้าสีจริงๆ!”
หลัวเฉิงพึมพำกับตนเองก่อนทอดถอนใจด้วยความโล่งอก
โชคดีที่เขาสามารถควบคุมเกล็ดเก้าสีได้ ไม่เช่นนั้น จะอธิบายเรื่องนี้กับลั่วเหยาว่าอย่างไร
ไม่ช้า เขาก็หยิบหญ้าพันดาราออกจากกล่องหยก ภายในจิตใจของหลัวเฉิงก็เริ่มนึกคิดอีกครั้ง ทันใดนั้น เกร็ดเก้าสีก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือซ้ายทันที
พัฟ!
แสงลึกลับเก้าสีส่องสว่างไสว มันก่อตัวขึ้นเป็นวังวน แล้วค่อยๆ ห่อหุ้มหญ้าพันดารา
ภายในวังวนขณะนี้ หญ้าพันดาราเริ่มค่อยๆ สลายตัว และของเสียที่อยู่ภายในหญ้าพันดาราก็เริ่มถูกหลอมละลายอย่างต่อเนื่อง จนขณะนี้เหลือเพียงความบริสุทธิ์เท่านั้น!
“โอ้?”
ทันใดนั้น หลัวเฉิงก็ได้ล่วงรู้ว่าเขาสามารถควบคุมการหลอมได้ด้วยตนเองจริงๆ โดยเขาสามารถควบคุมความเร็วในการหลอมหรือช้าได้ตามต้องการ
“นี่อาจจะเป็นเพราะว่า ข้าได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์แล้ว จึงทำให้ข้าสามารถควบคุมเกล็ดเก้าสีนี้ได้มากยิ่งขึ้น หากภายหน้าระดับพลังยุทธ์ของข้าสูงขึ้นมันจะเป็นอย่างไรกันนะ”
ทันทีที่คิดเรื่องนี้ ดวงตาของหลัวเฉิงเป็นประกายด้วยความคาดหวัง
เกล็ดเก้าสีนั้นลึกลับและไม่อาจคาดเดาพลังมันได้ ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้ามันจะทำให้เขาประหลาดใจมากขนาดไหน
หลังผ่านไปสักพัก ของเสียในหญ้าพันดาราก็เริ่มเบาบางลงเรื่อยๆ และแก่นแท้ของโอสถอันบริสุทธิ์ก็ค่อยๆ ควบแน่นจนกลายเป็นเม็ดโอสถวิญญาณ
“เท่านี้ก็น่าจะพอแล้ว……”
เมื่อความบริสุทธิ์ของโอสถถูกขัดเกลาได้ถึงเก้าสิบเจ็ดส่วนในร้อยส่วน หลัวเฉิงก็หยุดมือลงทันที
ครั้นพิจารณาจากท่าทางของเถ้าแก่ซูที่เห็นความบริสุทธิ์ของโอสถเมื่อครั้งก่อน เขากล่าวว่าเป็นเรื่องน่าทึ่งมากในการหลอมโอสถให้บริสุทธิ์จนไร้ที่ติ
หลัวเฉิงไม่ต้องการแสดงฝีมือที่แท้จริงไม่เช่นนั้นปัญหาจะตามมาไม่รู้จบ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจหลอมโอสถให้เกือบบริสุทธิ์ก็เพียงพอแล้ว
ขณะที่วังวนแสงเก้าสีกระจายตัวออกไป เม็ดโอสถก็เรืองแสงคล้ายดวงดาราบนฝ่ามือของหลัวเฉิง
“ไว้ข้าค่อยนำไปให้พวกนางในวันพรุ่งนี้” หลัวเฉิงเก็บโอสถวิญญาณที่เพิ่งหลอมเสร็จเอาไว้
เขาให้สัญญาไว้กับลั่วเหยานั่นคืออีกสามวัน หากนำไปส่งในวันนี้ทันทีมันจะเร็วเกินไปแล้วเป็นที่น่าสงสัยเอาได้
หลัวเฉิงไม่ได้รู้สึกอ่อนเพลียมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะฝึกฝนวรยุทธเสียก่อน จึงมุ่งหน้าไปยังศาลาวรยุทธของตระกูลหลัว
ตอนนี้ระดับพลังยุทธ์ของเขาอยู่ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสองแล้ว ทว่า เขากลับมีเพียงเพลงหมัดสยบภูผาเป็นเพียงวรยุทธเดียวเท่านั้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันไม่พอสำหรับเขา
“ยินดีต้อนรับคุณชายหลัวเฉิง”
ทันทีที่หญิงรับใช้ผู้งดงามซึ่งเป็นผู้ดูแลศาลาวรยุทธของตระกูลเห็นหลัวเฉิง นางก็เอ่ยทักทายด้วยท่าทางนอบน้อม
หลัวเฉิงพยักหน้า “ข้าต้องการหาวรยุทธใหม่ฝึกฝน”
เมื่อมองยังแผ่นหลังของหลัวเฉิง ดวงตาของหญิงรับใช้ก็แสดงออกถึงความประหลาดใจ จากนั้นนางจึงพึมพำกับตนเองว่า “เขาไม่เคยฝึกฝนเพลงหมัดสยบภูผามาก่อนจริงๆ งั้นหรือ”
แม้นคนอื่นจะมิล่วงรู้ แต่นางนั้นรู้ดีกว่าผู้ใด เป็นเวลาไม่ถึงสองเดือนเท่านั้น ที่หลัวเฉิงมายังศาลาวรยุทธ เพื่อยืมคัมภีร์เพลงหมัดสยบภูผา!
หลัวเฉิงไม่ได้รู้ว่าหญิงรับใช้กำลังคิดสิ่งใดอยู่ ดังนั้นเขาจึงตรงขึ้นไปยังชั้นสองของศาลาวรยุทธทันใด
บนชั้นสองของศาลาวรยุทธนั้น มีคัมภีร์เรียงรายอยู่หนึ่งแถว โดยมีคัมภีร์วรยุทธมากกว่าสิบเล่มเห็นจะได้
หลัวเฉิงลองตรวจสอบดูก็พบว่ามันเป็นคัมภีร์วรยุทธระดับสี่ดาวด้วย ซึ่งมันดีกว่าชั้นหนึ่งมาก เพียงแต่ว่าวรยุทธระดับสี่ดาว มีเพียงสี่เล่มเท่านั้น
เพลงทวนสยบเมฆา! ทะลายสวรรค์สี่กระบวน! ฝ่ามือคลื่นเจ็ดดาว! เพลงกริชสะบั้นวายุ!
หลัวเฉิงอ่านวรยุทธระดับสี่ดาวทั้งสี่เล่ม จากนั้นเริ่มใคร่ครวญว่าควรฝึกวรยุทธใดดี
เนื่องจากวรยุทธทั้งสี่นี้ แต่ละวรยุทธมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง
เพลงทวนสยบเมฆา ออกกระบวนท่าได้ง่าย เน้นการโจมตีที่รุนแรงและดุดัน!
ทะลายสวรรค์สี่กระบวน การเคลื่อนไหวนั้นเป็นอิสระ แต่ละกระบวนท่ากระบี่นั้นทรงพลังยิ่ง!
ฝ่ามือคลื่นเจ็ดดาว ท่วงท่าอ่อนช้อยและพริ้วไหว แต่พลังฝ่ามือนั้นรุนแรงดุดัน!
เพลงกริชสะบั้นวายุ รวดเร็วพริ้วไหวดั่งสายลม เน้นการโจมตีด้วยกริชที่รวดเร็ว
ซึ่งวรยุทธที่หลัวเฉิงพึงใจที่สุด คือ ทะลายสวรรค์สี่กระบวน และ เพลงกริชสะบั้นวายุ
หลัวเฉิงมีความมั่นใจในการหยั่งรู้เคล็ดวิชาของตน ดังนั้นไม่ว่าเคล็ดวิชาใดเขาก็สามารถฝึกฝนจนบรรลุขั้นสูงสุดได้อยู่แล้ว
หลังจากขบคิดใคร่ครวญอย่างเงียบๆ สักพัก ในที่สุด หลัวเฉิงก็เลือกวรยุทธทลายสวรรค์สี่กระบวน
เนื่องจาก เมื่อตอนที่เขาได้พบกับอวิ๋นเหมิงลี่ครั้งแรก เพลงกระบี่ของนางทำให้เขารู้สึกประทับใจยิ่งนัก
ท่องกระบี่ไปในเวหา แล้วปราบปีศาจบนสวรรค์และพิภพ มันช่างเป็นอิสระที่ไร้ข้อจำกัด
“ที่ข้าเลือกเพลงกระบี่คงเป็นเพราะเจ้า!”
หลัวเฉิงเก็บคัมภีร์เคล็ดวิชาทลายสวรรค์สี่กระบวนเอาไว้ แล้วนำคัมภีร์เคล็ดวิชาที่เหลือไปเก็บยังชั้นคัมภีร์
ที่ด้านข้างของชั้นคัมภีร์นั้น มีบันไดเล็กๆ ให้ขึ้นไปยังชั้นสาม แต่สิ่งที่เก็บไว้บนนั้น เป็นเพียงเคล็ดวิชาฝึกปราณของตระกูลหลัว
ซึ่งตอนนี้ หลัวเฉิงมีเคล็ดวิชาควบคุมมังกรสวรรค์แล้ว เขาจึงไม่ต้องการฝึกฝนเคล็ดวิชาอื่น