บทที่ 30 ราคาของความรู้
บทที่ 30 ราคาของความรู้
ไบรอนคว้าภาพแผนผังผสานรูนที่โซลเพิ่งอธิบาย รวมทั้งปากกาที่เขียน และยัดเข้าใส่ในปากอันใหญ่โตของเขา
เขาพยักหน้าให้โซล และพูดว่า "อืม" อีกครั้ง จากนั้นก็ออกจากห้องพักของโซลไป
สำหรับ เคลี่ นั้น ตั้งแต่ที่ โซล เริ่มอธิบายเกี่ยวกับวิธีการวิเคราะห์แผนผังผสานรูน นางก็ได้แต่ยืนอยู่เงียบๆ
นางจ้องมองไปยังโต๊ะและตกอยู่ในภวังค์ แม้ว่าไบรอนจะหยิบกระดาษแผนผังผสานรูนไปจนหมดแล้วก็ตาม
เมื่อเวลาผ่านไป โซลก็เริ่มกังวล
เป็นไปได้ไหมว่า ปรสิตเหล่านั้นมาจากชมรมช่วยเหลือ?
แม้ว่า รุ่นพี่ไบรอนจะบอกว่าปรสิตนั้นไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่เขาก็ไม่ได้บอกว่ามันจะไม่เป็นอันตราย
เมื่อพิจารณาจากท่าทางของพ่อมดฝึกหัดเหล่านั้นที่ถูกปรสิตสิงสู มันมีบางอย่างผิดปกติในสมองของพวกเขาจริงๆ
ทันใดนั้น เคลี่ ก็เคลื่อนไหว
นางเปิดประตูห้องของโซลและรีบวิ่งออกไปราวกับสายลม ก่อนที่โซลจะได้สติ นางก็รีบวิ่งเข้ามาราวกับสายลมอีกเช่นกัน
ปิดประตูปิดลง
"ปังง"
กระเป๋าหล่นลงบนโต๊ะด้วยเสียงที่สนั่น
จากนั้นก็มีหนังสือและอะไรบางอย่างที่เหมือนกับระเบิดมือ
"นี่คือคริสตัลเวทมนตร์ทั้งหมดของข้า ทั้ง 2 อย่างนี้คือสิ่งที่มีค่าที่สุดที่ข้าสามารถให้เจ้าได้"
เคลี่ ประสานมือคำนับให้กับเขา
"ช่วยสอนข้าอีกสักครั้งเถอะ เมื่อกี้ข้าไม่เข้าใจเลย"
โซล ก็ไม่เกรงใจ เขาเปิดกระเป๋าของเคลี่ และเอื้อมมือไปหยิบคริสตัลเวทมนตร์มา 1 กำมือใหญ่
คริสตัลเวทมนตร์จำนวนมากถูกรวบอยู่ในนิ้วมือของโซล
มันดูน่าเสียดาย แต่โซลก็หน้าบางเกินกว่าจะหยิบมันขึ้นมาอีกครั้ง
มันออกจะเกินเลยไปซักนิด
"นี่คืออะไร?" เขาชี้ไปที่หนังสือเล่มเล็กๆบน โต๊ะ
"นี่คือหนังสือเวทมนตร์ คาถาลมหายใจเปลวเพลิง ซึ่งเป็นเวทมนตร์ธาตุไฟระดับ 0"
จริงๆแล้วมันก็คือหนังสือเวทมนตร์งั้นหรือ?
โซลหยิบหนังสือขึ้นมาดูแต่ไม่ได้เปิดมัน
"ข้ามีหนังสือนี่อยู่อีกเล่มหนึ่ง และนี่คือต้นฉบับ โดยมีประสบการณ์ของ เจ้าของเดิมอยู่ด้านหลัง"
เมื่อโซลที่มีท่าทางตื่นเต็น เคลี่ก็อดที่จะภาคภูมิใจไม่ได้ขณะที่นางพูด
"แต่เนื่องจากมันเป็น เวทมนตร์ระดับ 0 ที่ค่อนข้างทรงพลัง เมื่อทำการวาดอักษรรูน เจ้าต้องผสานอักษรรูน 2 อันที่มีคุณสมบัติธาตุไฟเข้าด้วยกัน"
"หนังสือเวทมนตร์เล่มนี้เพียงเล่มเดียวก็คุ้มค่ากับความรู้ที่ข้าสอนเจ้าแล้ว" โซลถอนหายใจออกมา
พ่อมดฝึกหัดระดับ 1 สามารถเรียนรู้ เวทมนตร์ได้ 2 อย่างจากอาจาร์ยฟรี ในส่วนของเวทมนตร์อื่นๆ นั้นเขาต้องใช้คะแนนในการแลกเปลี่ยน
และยังเวทมนตร์มีความพลังมากเท่าไหร่ มันก้ยิ่งใช้คะแนนมากขึ้นเท่านั้น
โซล ไม่คาดคิดว่า เคลี่ จากมีของดีเช่นนี้อยู่ในมือของนาง
แต่ เคลี่ ไม่รู้ว่า โซล กำลังอาศัยประโยชน์จากนาง นางจึงเริ่มแนะนำสิ่งของชิ้นที่ 3
"สิ่งนี้เรียกว่าเหล็กเพลิง เป็นอุปกรณ์เสริม เมื่อใช้ให้บิดเกลียวฝาครอบด้านหลังออกและดึงเชือกที่อยู่ด้านใน จากนั้นโยนออกไปภายใน 5 วินาที หากมันถูกกระแทกอย่างรุนแรงหรือผ่านไป 5 วินาที มันก็จะระเบิด โดยจะมีเหล็กแหลมคมอยู่ภายในที่สามารถเจาะทะลวงผิวชั้นนอกได้อย่างสบาย"
"หือ นี่มัน ระเบิดมือชัดๆ"
ตัวตนของ เคลี่ ในโลกภายนอกคงไม่ใช่ธรรมดา ไม่เช่นั้นคงเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะพกคริสตัลเวทมนตร์จำนวนมากติดตัวมาด้วยเช่นนี้ แถมนางยังมีหนังสือเวทมนตร์และอุปกรณ์เสริมอีกด้วย
"ข้าเพิ่งจะสอนการผสานรูนให้เจ้าเองนะ"
ด้วยน้ำใจของนาง ทำให้โซลรู้สึกผิดเล็กน้อย
"ไม่ สิ่งที่ข้าต้องการให้เจ้าสอนคือ การคำนวน และ วิธีคิด" เคลี่ พูดอย่างจริงจัง "น่าเสียดาย ที่ข้ายังไม่มีความรู้เทียบเท่าเจ้า ดังนั้นข้าจึงให้ได้แค่สิ่งของธรรมดาเหล่านี้"
โซล ส่ายหัว เพียงแค่ของเหล่านี้มันล้ำค่ามากเกินพอแล้ว
.....
เมื่อเคลี กลับไปก็ไม่ใครเดินไปมาตามทางเดินอีก แม้ว่าเขาจะรู้สึกผ่อนคลาย แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะใช้เวลาในการเรียนรู้
เมื่อคิดถึงเสียงหัวเราะอันแปลกประหลาด ที่ออกมาจากปากของพ่อมดฝึกหัดหน้าใหม่ที่เข้าร่วมชมรมช่วยเหลือ โซล ก็ได้แต่เตือนตัวเองว่าอันตรายมีอยู่ทุกหนแห่งบนโลกเวทมนตร์แห่งนี้ มันอาจคุกคามชีวิตของเขา ไม่ใช่เพียงแค่ซิด
ดังนั้นควรระวังให้มาก และตื่นตัวอยู่เสมอไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหน
บางครั้ง โซลก็คิดถึงโลกที่แล้ว แม้ว่าจะรู้สึกกดดันจากการเข้าสังคม และก็ไม่ถึงกับขนาดเป็นอันตรายถึงชีวิต
แม้แต่เวลานอนเขาก้ยังรู้สึกกดดัน เขาใช้เวลารำลึกถึงอดีตเพียงแค่ไม่กี่วินาที ก่อนที่เขาจะมุ่งไปยังชั้นเรียน
อีกไม่กี่วันต่อมา โซลก็ เชี่ยวชาญในการผสานรูนเข้ากับธาตุมืดได้อย่างสมบูรณ์ และได้รับเวทมนตร์ระดับ 0 จากอาจาร์ยแคซ
มันไม่จำเป็นต้องใช้คริสตัลเวทมนตร์หรือคะแนนในการเรียนรู้ เวทมนตร์ระดับ 0 2 อันแรก ซึ่งเทียบเท่ากับการเรียนวิชาบังคับจากเหล่าอาจาร์ย
แต่ถ้าเขาต้องการให้อาจาร์ยมอบเวทมนตร์ให้กับเขา เขาต้องรอจนกว่าอาจาร์ยจะพอใจหรือให้ท่านอารมณ์ดีเท่านั้น
ไม่อย่างนั้นสิ่งที่เขาอาจจะได้รับก็คือความเย็นชา
"ข้ายังไม่ได้เรียนรู้เวทมนตร์พื้นฐานเลย แล้วข้าจะใช้เวทมนตร์ประเภทไหนได้บ้าง?"
การเลือกเวทมนตร์ของโซล ทำไม อาจาร์ยแคซ ต้องประหลาดใจอีกครั้ง
เขายังคงมุ่งมั่นทำงานในห้องเก็บศพ
มันทำให้อาจาร์ยแคซพึงพอใจไม่น้อย เขาเรียนรู้เวทมนตร์โดยไม่เรื่องมากแม้แต่น้อย
นอกเหนือจากศึกษาอักษรรูนแล้ว โซล ยังคงเพิ่มความแข็งแกร่งของพลังจิตของเขาอย่างต่อเนื่อง
อุปกรณ์เสริมที่เขายืมมาฝึกฝนก็คือหุ่นเชิด
ทุกครั้งที่โซลฝึกเพิ่มความแข็งแกร่งของพลังจิต เขาก็ยังคงได้ยินเสียงหุ่นเชิดที่ขอความช่วยเหลืออยู่เสมอ
เสียงร้องของความช่วยเหลือนั้นค่อยๆดังขึ้นทำให้เขารู้สึกเวียนหัว เมื่อเสียง "ฆ่าข้า" อันบ้าคลั่งนั้นดังขึ้น โซล ก็จะตัดการเชื่อมต่อจากหุ่นเชิดในทันที
หลังจากที่สามารถควบคุมพลังจิตของเขาได้แล้วในตอนแรก อิทธิพลที่หุ่นเชิดมีต่อโซลก็ลดน้อยลง
"แน่นอน ข้าสามารถแก้ปัญหานั้นได้ด้วยการแข็งแกร่งขึ้น"
โซลวางหุ่นเชิด ลงบนโต๊ะ จากนั้นก็ศึกษา คาถารักษาศพ ซึ่งเป็นเวทมนตร์ระดับ 0 ต่อไป
"จากความรู้ของโลกก่อน การเสื่อมสภาพของร่างกายเกิดจากการตายของเซลล์ชีวิตและการทำลายของจุลินทรีย์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แล้วสิ่งใดคือหลักการของการใช้ คาถารักษาศพ?"
สมุดเปล่าเล่มใหม่เริ่มบันทึกรายละเอียดการศึกษา คาถารักษาศพ
เมื่ออาศัยความรู้จากโลกก่อน เขาจึงใช้คำว่า โลกที่แล้ว โดยจงใจเขียนคำผิดที่ออกเสียงเหมือนกัน
แม้ว่าเขาจะคิดมาก แต่โซลก็กลัวว่ามันถูกถอดรหัสได้
โลกแห่งเวทมนตร์นี้สามารถฆ่าเขาได้ทันทีหากเขาประมาทมัน
"คาถารักษาศพ เป็นเพียงเวทมนตร์เล็กๆ คล้ายกับการทำให้ร่างกายขาดน้ำและฆ่าเชื้อโรคต่างๆ? มันเป็นหลักการเดียวกับการถนอมอาหาร เพื่อให้เก็บไว้ได้นานๆ"
จากคำอธิบายของอาจาร์ยแคซ โซลรู้สึกว่าเขามีความเข้าใจเกี่ยวกับ คาถานี้มากขึ้น
จากนั้นเขาก็จดบันทึกทั้งหมดลงไป นำชิ้นส่วนศพ 3 ชิ้น ที่ถูกตัดออกมาจากแขก เมื่อวานนี้ออกมาจากตู้ นำมันไปที่โต๊ะ
โซลจ้องมองไปยังชิ้นส่วนศพ ชิ้นแรก ด้วยพลังเวทย์ของเขา เขาจึงเริ่มวาดอักษรรูนขึ้น
มือของเขากวัดแกว่งไปในอากาศ ราวกับกำลังเต้นรำ
มันเป็นท่าทางที่ถูกสอนโดยอาจาร์ยแคซ สำหรับพ่อมดฝึกหัดหน้าใหม่
ท่าทางเหล่านี้เป็นแนวหน้า ซึ่งสามารถลดโอกาสในการวาดอักษรรูนล้มเหลว
เมื่อเขาสามารถร่ายเวทมนตร์ได้อย่างเชี่ยวชาญแล้ว เขาสามารถวาดอักษรรูนได้ด้วยมือข้างเดียว ไม่ต้องทำท่าทางก็ได้
โซลฝึกฝนท่าเหล่านี้อยู่หลายร้อยครั้ง ก่อนที่เขาจะลงมือร่ายเวทมนตร์ครั้งแรก มันทำให้เขาทำท่านี้ไปโดยไม่รู้ตัว
นอกจากนี้ใช้ยังวาดอักษรรูปขึ้นในหัวของเขาซ้ำแล้วซ้ำเหล่า
การผสานรูนนั้นใช้พลังเวทย์มากเกินไป หลังจากปรับเปลี่ยนอยู่หลายครั้ง การผสานรูน 1 ครั้งก็ไม่ได้ใช้พลังเวทย์ทั้งหมดของโซลอีกต่อไป ดังนั้นโซลจึงต้องวาดมันด้วยปากกาเพื่อเพิ่มความคุ้นเคย
แม้ว่าเขาจะเตรียมตัวมามากมาย แต่การร่ายเวทมนตร์ครั้งแรกของโซลก็ยังล้มเหลว
พลังเวทย์ในร่างกายของเขาผันผวนเล็กน้อย โซล สงบสติก่อนที่เขาจะครุ่นคิด
"เมื่อผสานรูนหลายอันเข้าด้วยกัน มันทำให้จิตใจของเขาฟุ้งซ่าย ก่อให้เกิดความล้มเหลว หรือว่าเป็นเพราะความสามารถของข้ายังไม่มากพอ"
หลังจากล้มเหลวครั้งแรก เขาก็ไม่ท้อ เขาหยิบลูกแก้วคริสตัลขึ้นมาและเริ่มทำสมาธิ เพื่อฟื้นฟูพลังเวทย์ของเขา
เป็นเวลาบ่ายโมง
บ่าย 2
บ่าย 3
เมื่อแสงเทียนเหนือสายพานลำเลียงสว่างขึ้น ในที่สุด โซลก็ สามารถทำได้สำเร็จ
เวทมนตร์ระดับ 0 คาถารักษาศพ ในที่สุดข้าก็ใช้มันได้แล้ว!!