ตอนที่แล้วMDB ตอนที่ 458 หลี่ซินฉี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMDB ตอนที่ 460 สื่อสารอย่างลับ ๆ

MDB ตอนที่ 459 ศาลาประเมินอสูร


แม้จะมองจากระยะไกล พวกเขาก็สามารถเห็นผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันรอบ ๆ ศาลาประเมินอสูร

ด้วยความประหลาดใจ หลี่ซินฉีรีบตรงปรี่เข้าไปทันที โดยทิ้งหลินจินไว้ข้างหลังเธอ ซึ่งเขากำลังสำรวจอาคารโดยรอบและคิดกับตัวเองว่า

'สถาบันเกลียวสวรรค์ไม่ธรรมดาสมคำร่ำลือจริง ๆ แม้แต่สถาปัตยกรรมก็มีความซับซ้อน และวัสดุที่ใช้สร้างอาคารก็มีคุณภาพสูง มันต้องยืนหยัดอยู่ที่นี่มาหลายร้อยปีแล้ว แต่ก็ยังแข็งแกร่งเหมือนที่สร้างขึ้นไม่กี่วันที่ผ่านมา’

นอกจากนี้ หลินจินยังสังเกตเห็นรูปปั้นสัตว์วิเศษสองสามตัวที่ดูเหมือนจะแกะสลักจากไม้บนชายคาของอาคาร ขณะที่พวกมันปรากฏตัวบนพื้นผิวเพื่อจุดประสงค์ด้านสุนทรียภาพเท่านั้น หลินจินสามารถสัมผัสถึงร่องรอยของคาถาและออร่าที่พวกมันปล่อยออกมาได้อย่างง่ายดาย

หากสมมติฐานของเขาถูกต้อง ต้องใช้คาถาคำสั่งที่เกี่ยวข้องเพียงคาถาเดียวเพื่อทำให้ไม้แกะสลักเหล่านี้มีชีวิตขึ้นมา แน่นอนว่าสมมุตฐานของเขาจะได้รับการยืนยันก็ต่อเมื่อพวกมันถูกเปิดใช้งาน

รูปปั้นเหล่านี้อาจจะเปิดใช้งานเฉพาะเมื่อสถาบันฯถูกโจมตีเท่านั้น

หลินจินได้เห็นสิ่งเหล่านี้มากมายระหว่างทางมาที่นี่ เขายังได้พบรูปปั้นหินจำนวนหนึ่งที่ถูกร่ายคาถาที่คล้ายกันด้วยเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ หลินจินจึงรู้สึกยำเกรงต่อสถาบันเกลียวสวรรค์

ทันใดนั้น หลี่ซินฉีก็วิ่งเข้ามาและตะโกนว่า

“ผู้ประเมินหลิน! ตันหลินได้ต่อสู้กับใครบางคนอยู่! รีบมาเร็วเข้า!”

‘ทะเลาะกันเหรอ?’

หลินจินงุนงง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ยังรีบเร่งไปข้างหน้า มีผู้คนมากมายมารวมตัวกันรอบ ๆ ศาลาประเมินอสูรจนกลายเป็นกำแพงที่แทบจะทะลุผ่านไม่ได้สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าไปในอาคาร

แต่สิ่งเหล่านี้หาได้มีผลต่อหลินจินไม่

เมื่อเห็นวงแหวนสามวงบนแขนเสื้อของเขา เหล่านักเรียนก็ถอยออกไปอย่างรวดเร็ว โดยคิดว่าเขาเป็นหนึ่งในอาจารย์ของพวกเขา ด้วยเหตุนี้ หลินจินจึงสามารถเดินนำหลี่ซินฉีเข้าไปข้างในได้

ภายในห้องโถงของศาลาประเมินสัตว์ร้าย หลินจินก็พบตันหลินทันที

เธอกำลังนั่งตัวตรงที่โต๊ะ กำลังเขียนอย่างขะมักเขม้นบนหน้ากระดาษ อีกด้านหนึ่งของห้องโถงมีโต๊ะอีกตัวหนึ่ง ซึ่งมีผู้หญิงอีกคนทำแบบเดียวกัน

ตรงกลางห้องโถงนี้ ขนนกหลากสีสันถูกลูกบอลแสงลอยขึ้นไปในอากาศ

หลินจินถอนหายใจด้วยความโล่งอก นี่ไม่ใช่การต่อสู้แบบที่เขาคิดไว้ เขาก็หลงคิดว่าตันหลินกำลังปะทะศิลปะการต่อสู้กับใครสักคนอยู่ซะอีก

อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ยินคำอธิบายของหลี่ซินฉีแล้ว หลินจินก็ตระหนักว่าฉากตรงหน้านั้นเทียบเท่ากับการต่อสู้ประเภทหนึ่งจริง ๆ

ตามธรรมเนียม พวกเขาอยู่ท่ามกลางการแข่งขันประเมินสัตว์วิเศษ เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างตันหลินกับหญิงสาว พวกเธอจึงตัดสินใจแข่งขันในด้านทักษะการประเมินและความรู้

ศาลาประเมินอสูรของสถาบันเกลียวสวรรค์ กล่าวกันว่ามีตัวอย่างของสิ่งมีชีวิตหายากทั้งหมดในโลกนี้ แน่นอนว่า บางชนิดก็เป็นเพียงชิ้นเกล็ด อาจจะเป็นชิ้นหนังดิบ หรือขนนกหลายชิ้นก็ได้

ในความพยายามที่จะยกระดับประสบการณ์การเรียนรู้ของนักเรียน ทางสถาบันเกลียวสวรรค์จึงอนุญาตให้พวกเขาเข้าถึงชิ้นส่วนเหล่านี้ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด พวกเขามีอิสระเต็มที่ในการประเมินตัวอย่างเหล่านี้ และจัดทำรายงานการประเมินของตนเอง

นี่เป็นสิทธิพิเศษที่เปิดให้นักเรียนทุกคนในสถาบันฯ แต่บางครั้งก็ทำหน้าที่เป็นโจทย์ให้นักเรียนได้แข่งขันกันเองอีกด้วย พวกเขาจะสุ่มเลือกตัวอย่างของสัตว์วิเศษหายาก และแต่ละคนก็จะเขียนรายงานการประเมินผลของตนเองขึ้นมา จากนั้น อาจารย์ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลศาลาประเมินอสูร เขาก็จะประเมินรายงานการประเมินผลเพื่อดูว่าการประเมินของใครแม่นยำกว่ากัน

เมื่อเวลาผ่านไป ทางสถาบันฯก็ยอมให้มีการแข่งขันระหว่างนักเรียนเช่นนี้บ่อยขึ้น บางครั้งพวกเขาถึงกับสนับสนุนให้พวกเขาเข้าร่วมการแข่งขันกระชับมิตรด้วยซ้ำ

“หญิงสาวคนนั้นชื่อเจียงเฟิงเฟิง และเธอมีนิสัยแย่มาก ในอดีต ตันหลินเคยปะทะกับเธอในโอกาสต่าง ๆ ดังนั้นความแค้นของพวกเธอจึงฝังรากลึก เธอพยายามสร้างปัญหาให้กับตันหลินทุกครั้งที่ทำได้ และไม่ว่าตันหลินจะทำอะไร เธอก็อยากจะทำตามเช่นกัน เพื่อที่ตัวเองจะได้ดูเหนือกว่า แถมเธอยังคิดวิธีการใหม่ ๆ เพื่อเอาชนะตันหลินอีกด้วย”

หลี่ซินฉีกระซิบกับหลินจิน

หลินจินเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว

ไม่ว่าจะที่ไหนในโลก จะต้องมีคนที่ไม่ถูกชะตากัน ตราบใดที่เรายังต้องอยู่ร่วมกับผู้คนในสังตม มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่คนเราจะมีศัตรู

หลินจินไม่สนใจการแข่งขันจริง ๆ จัง ๆ เขาสนใจชิ้นส่วนสัตว์หายากที่ถูกเก็บไว้ในศาลาประเมินอสูรมากกว่า

เขาถามหลี่ซินฉีเกี่ยวกับเรื่องนี้ และแม้ว่าเธอจะรู้เพียงบางส่วน แต่มันก็มีประโยชน์สำหรับหลินจินมากพอ

นับตั้งแต่ก่อตั้งศาลาประเมินอสูรแห่งนี้เมื่อห้าร้อยปีก่อน ตัวอย่างของสัตว์หายากต่าง ๆ ได้ถูกเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าอาคารหลังนี้มีตัวอย่างอยู่กี่ตัวอย่าง

สิ่งที่หลี่ซินฉีบอกเขาคือความรู้ทั่วไปที่แบ่งปันกันระหว่างนักเรียนของสถาบันฯนี้

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้กลับมีความหมายมากมายสำหรับหลินจิน

เพราะมันไม่ต่างจากขุมทรัพย์สำหรับหลินจิน

ศาลาประเมินอสูรแห่งนี้ไม่ต่างจากถ้ำแห่งสมบัติ แค่คิดถึงการเก็บชิ้นส่วนมากมาย มันก็ทำให้นิ้วของหลินจินสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น

นับตั้งแต่ได้รับพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษมา การรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์วิเศษก็กลายมาเป็นกิจวัตรประจำวัน เมื่อใดก็ตามที่มีโอกาส หลินจินจะเก็บข้อมูลของสิ่งมีชีวิตใหม่ ๆ ไว้ในพิพิธภัณฑ์

อย่างไรก็ตาม ด้วยตัวของเขาเพียงผู้เดียว การบรรลุผลสำเร็จเป็นเรื่องยากมาก จนถึงขณะนี้ จำนวนสัตว์วิเศษที่เขาบันทึกไว้มีเพียงหลักพันเท่านั้น

ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ธรรมดา สัตว์หายากคิดเป็นเพียงเปอร์เซ็นต์เล็กน้อยของสิ่งที่เขาเป็นเจ้าของทั้งหมด

สิ่งนี้ไม่ตรงกับชื่อของพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษเลย เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ศาลาประเมินอสูรดูเหมือนเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์วิเศษซะมากกว่า

หลังจากเรียนรู้ความเป็นมาของสถานที่แห่งนี้แล้ว ความตั้งใจแรกของหลินจิน คือการพยายามรวบรวมข้อมูลทั้งหมดของชิ้นส่วนของที่นี่ลงในพิพิธภัณฑ์

ด้วยเหตุนี้ ไม่เพียงแต่เขาสามารถขยายข้อมูลของพิพิธภัณฑ์ได้เท่านั้น แต่เขายังสามารถได้รับรางวัลจากพิพิธภัณฑ์อีกด้วย

ในอดีต เขาได้รับเทคนิคการกำราบสัตว์วิเศษ รูปแบบพลังงานอสูร และเทคนิคร่างแปลงปีศาจ ซึ่งพวกมันต่างก็มีประโยชน์ต่อเขาอย่างมาก

ดังนั้นเรื่องนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับหลินจิน

ในขณะที่หลี่ซินฉียังคงพูดคุยเกี่ยวกับศาลาประเมินอสูร ความคิดและความเป็นไปได้ต่าง ๆ ก็ยังคงวิ่งเข้ามาในหัวของหลินจิน

วิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุดคือจับพวกมันมาบันทึกทั้งหมด แต่อาณาจักรเกลียวสวรรค์จะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน เขาก็คงต้องใช้กำลัง ซึ่งหลินจินก็ไม่ได้รังเกียจการใช้ความรุนแรง แต่ถ้าแม้แต่ความรุนแรงก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ นั่นอาจเป็นการกระทำที่โง่เขลา

ท้ายที่สุดแล้ว เขายังไม่มีขุมพลังอันยิ่งใหญ่และอยู่ยงคงกระพัน

สิ่งที่เหลืออยู่คือการได้รับแผนที่สามารถใช้ได้สำหรับเขาในการเข้าถึงตัวอย่างที่นี่อย่างถูกกฎหมาย และใครสามารถทำเช่นนั้นได้?

หลินจินถามหลี่ซินฉีทันที

“เจ้ากล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าศาลาประเมินอสูรมีอาจารย์รับผิดชอบ พวกเขามีหน้าที่อะไรงั้นเหรอ?”

“ข้าเองก็ไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน พวกเขาอาจจะได้รับมอบหมายให้จัดเตรียมตัวอย่าง และจัดทำรายงานการประเมินผลล่ะมั้ง”

หลี่ซินฉีตอบ

คำตอบของเธอค่อนข้างคล้ายกับการคาดเดาของหลินจิน

ในขณะเดียวกัน ตันหลินไม่ได้สังเกตเห็นการปรากฏตัวของหลินจินเลย เพราะเธอมุ่งความสนใจไปที่การเขียนรายงานการประเมินของเธออย่างเต็มที่

เธอและเจียงเฟิงเฟิงเป็นเหมือนน้ำแข็งและไฟ นับตั้งแต่มาที่สถาบันเกลียวสวรรค์ หญิงสาวทั้งสองต่างก็ขัดแย้งกัน เจียงเฟิงเฟิงจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาชนะตันหลิน ซึ่งฝ่ายหลังปฏิเสธที่จะยอมถอยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

การแข่งขันประเมินสัตว์วิเศษในวันนี้ พวกเธอต้องเขียนรายงานจากขนนกเพียงเส้นเดียว ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ท้าทายมาก

ทางตันหลินเองก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน นอกจากต้องเขียนบรรยายลักษณะเบื้องหลังของเจ้าของขนนกเส้นนี้แล้ว เธอต้องเขียนรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสัตว์วิเศษให้มากที่สุด เพื่อที่จะเอาชนะอีกฝ่ายด้วย

ถึงคุณสมบัติของเธอในฐานะผู้ประเมินระดับสองจะไม่ใช่ของปลอม แต่ความรู้ของเธอยังไม่ลึกซึ้งขนาดนั้น

ถึงกระนั้น เจียงเฟิงเฟิงก็ควรจะประสบปัญหาเดียวกันเช่นเดียวกับเธอ อย่างน้อยที่สุด ตันหลินก็มั่นใจว่าทักษะการประเมินของเธอนั้นเหนือกว่าของเจียงเฟิงเฟิง

สิ่งที่ตันหลินไม่ได้สังเกตเห็นก็คือวิธีที่เจียงเฟิงเฟิงพยักหน้าอย่างลับ ๆ ขณะที่เธอจ้องมองไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งที่ฝูงชนด้านนอก ที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนนี้คือชายหนุ่มรูปหล่อในชุดขาว ซึ่งกำลังส่งสัญญาณมืออย่างสุขุมรอบคอบ

ไม่มีใครสังเกตเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นยกเว้นหลินจิน...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด