ตอนที่แล้วตอนที่ 85 : สมบัติของตู้เฉิง ! หนังสือสกิล  !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 87 : 1 ใน 7 จักรพรรรดิ เกาะพายุ ! การคาดการณ์ของตระกูลเหลียน  !

ตอนที่ 86 : สกิลกลายพันธุ์ที่น่ากลัว ! กลยุทธ์สต็อกโฮล์ม !


ตอนที่ 86 : สกิลกลายพันธุ์ที่น่ากลัว ! กลยุทธ์สต็อกโฮล์ม !

[ คุณได้เรียนรู้สกิล : สะกดจิต...ซี่....ซี่....ระบบผิดพลาด... ]

[ กำลังปรับเปลี่ยนระบบ ]

[ ปรับเปลี่ยนสำเร็จ ! ]

[ คุณได้เรียนรู้สกิล – กลยุทธ์สต็อกโฮล์ม ]

“กลยุทธ์สต็อกโฮล์ม !” หลินลั่วแสดงสีหน้าแปลกใจออกมา “ทำไมชื่อมันถึงได้ยาวแบบนี้ ?”

มันทำให้เขานึกถึง [ ลำไส้อักเสบ ]

รึว่ายิ่งชื่อสกิลยาว สกิลก็ยิ่งรุนแรง ?

เขาตรวจสอบรายละเอียดสกิล

[ กลยุทธ์สต็อกโฮล์ม (Lv.1) – สกิลกลายพันธุ์ (ติดตัว) แต่ละครั้งที่สร้างความเสียหายให้กับเป้าหมายเดิม มันจะมีพลังที่ทำให้เป้าหมายรู้สึกเห็นอกเห็นใจเรา

เมื่อความรู้สึกนี้สั่งสมไปถึงระดับหนึ่ง เป้าหมายจะยอมสยบให้กับเราจนยอมเป็นสัตว์เลี้ยง, ลูกน้องรึทาส

ปล.สกิลนี้ขึ้นอยู่กับความต่างของค่าสติปัญญาของทั้งสองฝ่าย การต้านทานของเป้าหมาย, สเตตัส, เผ่าพันธุ์, อายุ, ระดับความเสียหายที่สร้างได้, จำนวนครั้งที่โจมตีและวิธีการโจมตีนั้นจะส่งผลต่อระดับความรู้สึกโทษตัวเอง โปรดตรวจสอบด้วยตัวเอง ]

“ว่าแล้วไง นี่มัน...สกิลบ้าอะไรวะ ?” หลินลั่วแปลกใจอย่างมาก

สกิลติดตัว ?

นี่เป็นสกิลติดตัวที่สอง สกิลแรกคือ [ โล่ไวรัส ] ที่ทั้งแปลกและทรงพลัง

การโจมตีแต่ละครั้งจะทำให้อีกฝ่ายโทษตัวเอง

เมื่อสั่งสมไปถึงระดับหนึ่ง เป้าหมายจะเอาแต่โทษตัวเอง สุดท้ายเมื่อเพิ่มไปถึงระดับหนึ่ง เป้าหมายถึงกับจะยอมเป็นสัตว์เลี้ยงของเขาเลยเหรอ ?

บริวาร ? ลูกน้อง ? ทาส ?

ไม่ใช่ว่ามันเหมือนกันรึไง ?

มุมปากของหลินลั่วกระตุก เขานึกถึงคำอธิบายของโรคสต็อกโฮล์มซินโดรมในชีวิตที่แล้ว

มันคือสต็อกโฮล์มซินโดรมที่เกิดขึ้นจากการที่ตัวประกันจะรู้สึกเห็นใจต่อคนร้ายที่จับตัวพวกเขาไป พวกเขาเริ่มจะยินดีที่จะช่วยคนร้าย

เรื่องความรู้สึกที่ซับซ้อน

อารมณ์นี้จะทำให้เหยื่อเห็นใจคนร้าย

ตัวประกันจะเริ่มเข้าข้างคนร้าย

ชีวิตและการตายของพวกเขาอยู่ในมือคนร้าย แต่พวกเขากลับซาบซึ้งที่คนร้ายลักพาตัวพวกเขามา

พวกเขาจะมีโชคชะตาแบบเดียวกับคนร้าย

พวกเขาจะมองว่าอนาคตของคนร้ายคืออนาคตของตัวเอง พวกเขาจะถือว่าความปลอดภัยของคนร้ายคือความปลอดภัยของตัวเอง

ผลก็คือพวกเขากลับมองว่าคนที่มาช่วยนั้นเป็นศัตรูไปแทน

คนแบบนี้ถือว่าป่วยทางจิต !

ทว่าในโลกนี้ สต็อกโฮล์มซินโดรมคือกลยุทธ์สต็อกโฮล์ม !

สกิลกลายพันธุ์แบบติดตัว !

ผลของสกิลนั้นไม่ได้ด้อยกว่าผลของโรคจริง ๆ เขาสามารถทำให้เป้าหมายยอมกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงของเขาได้ !

งั้นเป้าหมาย....ก็ถือว่าป่วยทางจิตน่ะสิ ?

บังคับให้จิตใจบิดเบี้ยว ?

เมื่อคิดแบบนั้น หลินลั่วก็หยุดหายใจ

“ฉันไม่รู้ว่าโอกาสที่สกิลจะส่งผลสำเร็จอยู่ที่เท่าไหร่ ถ้าเพิ่มเลเวลสกิลขึ้น โอกาสที่สกิลจะส่งผลก็คงจะเพิ่มขึ้นไปด้วย !”

“ฉันมีคะแนนสกิลทองอยู่ ไม่รู้ว่าหลังจากที่สกิลขึ้นเป็นเลเวล 8 แล้วจะส่งผลยังไง ?”

“อีกอย่าง...พรุ่งนี้รอบรองชนะเลิศแล้วด้วย !”

“โลกวิเศษคืออะไร ? ฉันคาดหวังกับมันจริง ๆ...”

วันต่อมา

ที่ลานหน้าหอฝึกฝนยังเต็มไปด้วยผู้คน ที่นั่งทั้งหนึ่งแสนที่ถูกจับจองเต็มหมด

ทุกคนต่างก็พากันมองไปใจกลางลานรอคอยการต่อสู้รอบรองชนะเลิศ ในวันนี้จะมีการแข่งรอบ 4 คนสุดท้ายและการชิงอันดับ 3 ไม่รู้ว่าผู้ชมและสื่อจะให้ความสำคัญแค่ไหน

ทว่าแม้แต่สื่อจากเมืองอื่น ๆ ก็ยังมาที่นี่เพื่อถ่ายทอดสดการแข่งขัน

“ผู้ชมทุกท่าน ที่พวกคุณเห็นอยู่ตอนนี้....คือการแข่งขันรอบ 4 คนสุดท้ายในการสอบเข้ามหา’ลัยในปีนี้”

“ผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ 4 อันดับแรกยังมาไม่ถึง ฉันจะอธิบายสั้น ๆ ให้ทุกท่านได้เข้าใจ....”

“การแข่งแบบเดี่ยวในการสอบเข้ามหา’ลัยของเมืองปิ้นไห่ในปีนี้ ผู้เข้าแข่งขันที่เหลืออยู่คือหลินลั่ว, ตงฟางเหอ, เฉิงผิงอัน และมู่หรงเสวี่ยเหิน...”

ที่ริมเวทีประลอง มีพิธีการและตากล้องหลายคนพากันจับภาพไปที่ใจกลางเวที และพากันบรรยายออกมา

ทันทีที่ถึงเวลา 8 โมงเช้า พิธีการก็ได้ปรากฏตัวขึ้นใจกลางเวที

“เพื่อน ๆ ทุกคน การสอบเข้ามหา’ลัยของเมืองปิ้นไห่ในปีนี้ รอบรองชนะเลิศกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว !”

“ต่อไปขอเสียงปรบมือให้กับผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ทั้งสี่คน !”

เสียงปรบมือดังขึ้นมา คนกว่าแสนคนพากันมองไปยังเวทีประลองด้วยความตื่นต้น !

“คนแรกคือ.....เทพธิดาที่งดงาม, กล้าหาญและสูงส่ง เทวทูต...มู่หรงเสวี่ยเหิน !”

ภายใต้เสียงโห่ร้องจากทุกคน มู่หรงเสวี่ยเหินในเกราะทองก็เดินขึ้นมาบนเวทีประลอง

“มู่หรงเสวี่ยเหิน ! เสวี่ยเหิน !”

“เทพธิดาเสวี่ยเหิน ฉันรักเธอ !”

“เสวี่ยเหิน ฉันพร้อมมอบชีวิตให้เธอ !”

“อ๊า...”

ทันทีที่มู่หรงเสวี่ยเหินปรากฏตัว ผู้คนก็พากันโห่ร้องกันออกมาด้วยความตื่นเต้น

พิธีกรยังคงประกาศต่อไป “ต่อไป นักดาบไร้เทียมทาน....ผู้ที่ใครไม่อาจจะเข้าใกล้ได้ในระยะสิบเมตร  เฉินผิงอัน !”

“....”

เสียงมังกรคำรามดังขึ้นพร้อมดาบแสงพุ่งออกมา หลังจากที่ดึงความสนใจของทุกคนได้ เฉินผิงอันก็ค่อย ๆ เดินขึ้นมาหยุดอยู่ข้างมู่หรงเสวี่ยเหิน

เขาขี่ดาบบินเข้ามาดูเท่อย่างมาก

“เฉินผิงอัน !”

“โคตรเท่เลย ! หล่อจริง ๆ !”

“ฉันก็อยากเป็นนักดาบที่แข็งแกร่งเหมือนนาย !”

“เฉินผิงอัน ! เขาต้องเป็นแชมป์แน่ !”

พิธีกรยังประกาศต่อ “คนที่สาม อัศวินมังกรที่รู้กันว่าเป็นอาชีพลับระดับ S ที่แกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ มังกรที่ถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่แกร่งที่สุด ตงฟางเหอ !”

ทันทีที่พูดจบ เสียงโห่ร้องของทุกคนก็ดังกระหึ่มขึ้นมา

“ตงฟางเหอ ! ตงฟางเหอ ! แชมป์ แชมป์ !”

“รอบรอง ! ตงฟางเหอต้องเป็นแชมป์แน่ !”

“ฉันเดิมพันข้างตงฟางเหอ ! 8 แสน ! ฉันยอมทุ่มเงินเก็บทั้งหมดเลย !”

“มังกร ! ดูนั่น ! มังกรออกมาแล้ว !”

“โห ! มังกรมันเปลี่ยนไปอีกแล้ว ดูน่ากลัวชะมัด !”

“ไร้สาระ ! เขาเป็นถึงลูกชายคนโตของตระกูลตงฟาง การที่มังกรของเขาจะได้ทรัพยากรเพิ่มน่ะแปลกตรงไหน ?”

“ไม่ยุติธรรมเลย !”

“ยุติธรรม ? อุปกรณ์สวมใส่, ไอเท็ม, สัตว์เลี้ยง และองค์ประกอบอื่น ๆ ล้วนแต่เป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่งทั้งนั้น !”

“ฉันเดิมพันข้างตงฟางเหอ ! ฉันขายบ้านและยืมเงินมาก้อนใหญ่ ฉันจะรวย !”

“ไม่รู้ว่าใครจะผ่านเข้ารอบชิงบ้าง...”

“กรร...”

ภายใต้เสียงเอะอะโวยวายของทุกคน เสียงมังกรคำรามก็ดังขึ้นมาก้องไปทั่ว

ใจกลางเวทีนั้นมีมังกรตัวสูงกว่า 5 ม.ค่อย ๆ ร่อนลงมาใจกลางเวที ด้วยการปรากฏตัวของมังกร มันก็ยิ่งทำให้ผู้คนตื่นเต้นขึ้นไปอีก

มังกรนี่ดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม

มันสูง 5 ม. เกล็ดมังกรทั่วทั้งตัวดูแข็งและสะท้อนแสงอย่างกับเพชร

ที่หลังของมันมีหนามงอกออกมาเหมือนกับดาบ

ที่หัวของมันมีหนามงอกออกมาเยอะราวกับขนของเม่นซึ่งช่วยทั้งการป้องกันและการโจมตี

นัยน์ตาของมันเป็นสีทองแดงสะท้อนถึงความบ้าคลั่ง

กรงเล็บของมันยาวกว่า 20 ซม.พร้อมสะท้อนกับแสงอาทิตย์  ที่กรงเล็บถึงกับมีหนามเล็ก ๆ งอกออกมาทำให้มันดูน่ากลัวยิ่งกว่าเก่า

ปีกของมันพัดเอาลมกระจายออกมาส่งผลต่อทั่วทั้งเวที ปีกมันยาวกว่า 10 ม. ข้อต่อที่ปีกนั้นมีกระดูกหนามงอกออกมา มันคืออาวุธที่เพียงพอที่จะทำลายหินทองได้ !

ตอนนั้นมังกรยมทูตดูแข็งแกร่งกว่าเมื่อวานมาก เหนือกว่ามังกรทั่วไป  ตงฟางเหอที่ยืนอยู่บนหลังมังกรสวมเกราะสีทอง ใบหน้าเขาดูเฉยเมย

หอกมังกรทองในมือถูกยกขึ้นยิ่งทำให้เขาดูแข็งแกร่งขึ้นไปอีก

“  ....”

ด้วยการปรากฏตัวของตงฟางเหอ เฉินผิงอันที่อยู่ข้าง ๆ ก็จับด้ามดาบเอาไว้แน่นพร้อมหายใจถี่ขึ้นมา

“เขาดูแกร่งขึ้น ! เกิดบ้าอะไรขึ้นวะ ?”

“ความแข็งแกร่งของอัศวินมังกร...”

สายตาเขาสะท้อนความมุ่งมั่นออกมา

แม้แต่ดาบในมือเขาก็ยังสั่นไหวราวกับตื่นเต้นที่ได้เจอกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง

“นี่เพราะเป็นอัศวินมังกรงั้นเหรอ ?”

“น่าเสียดายมังกรนี่จริง ๆ ตอนนี้มันไม่ต่างจากไข่มุกที่โดนฝุ่นเกาะ...”

ในอีกด้าน มู่หรงเสวี่ยเหินก็มองไปที่ตงฟางเหอด้วยสายตาเยือกเย็น

สายตาเธอไม่ได้สะท้อนอารมณ์ใด ๆ ราวกับมองดูผู้ปลุกพลังทั่ว ๆ ไป เมื่อเห็นว่าผู้ชมทุกคนต่างก็ตื่นเต้นกับมังกร พิธีกรก็จงใจปล่อยให้ทุกคนได้ชื่นชมมังกรกันต่อไปสักพัก

มังกรนี่นะ

ตงฟางเหอที่อยู่บนหลังมังกรมองไปที่เฉินผิงอันและมู่หรงเสวี่ยเหิน จากนั้นก็มองไปที่ทางเดินด้านหลัง เขารอใครบางคนอยู่ คนที่หลอกหลอนจิตใจเขา ถึงตายเขาก็ไม่มีทางลืม

หลินลั่ว !

หลังจากนั้นไม่กี่นาทีพิธีกรก็ตะโกนออกมาอีกรอบ “คนสุดท้ายเป็นม้ามืด นักบวชระดับ D ที่กลายเป็นแชมป์ในการแข่งแบบทีม ผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ที่หลุดเข้ามาในการแข่งแบบเดี่ยวได้ .....หลินลั่ว !”

“บัดซบ ! ม้ามืดหลินลั่วออกมาแล้ว !”

“เขาแกร่งจริง ๆ ! เขามาถึงรอบนี้ได้ !”

“เหี้ย ! ฉันเดิมพันข้างหลินลั่ว ! เอาเลย ! ฉันจะเปลี่ยนจักรยานเป็นมอเตอร์ไซค์ !”

“หลินลั่วต้องแพ้แน่ ! รอบรองมีผู้ปลุกพลังอาชีพลับระดับ S ตั้ง 3 คน เขาเจอกำแพงเข้าแล้ว !”

“ฉันก็คิดแบบนั้น ! ที่สู้กันเมื่อวานก่อนน่ะ เขาคงใช้ไพ่ลับทั้งหมดออกมาแล้ว สามคนนี้คงเตรียมตัวรับมือมาแล้ว !”

“หึหึ ฉันว่าหลินลั่วต้องทำได้ ถ้าไม่ใช่เพราะสกิลของเขาที่ทำให้คนท้องเสีย ใครจะไปคิดว่าหลินลั่วจะผ่านมาถึงรอบนี้ได้ ? ดูมังกรนั่นสิ มันยังขี้แตกเลย ฮาฮา...”

“ฉันเองก็คิดแบบนั้น...”

“อะแฮ่ม ฉันอยากเห็น....หลินลั่วกับมู่หรงเสวี่ยเหินสู้กัน !”

“เหี้ย แกมันโรคจิต ! แต่ฉันก็ชอบว่ะ !”

“หึหึ !”

“หือ ? ทำไมหลินลั่วถึงยังไม่ออกมา ?”

“แปลก....เขาหายไปไหน ?”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด