ตอนที่ 86 : สกิลกลายพันธุ์ที่น่ากลัว ! กลยุทธ์สต็อกโฮล์ม !
ตอนที่ 86 : สกิลกลายพันธุ์ที่น่ากลัว ! กลยุทธ์สต็อกโฮล์ม !
[ คุณได้เรียนรู้สกิล : สะกดจิต...ซี่....ซี่....ระบบผิดพลาด... ]
[ กำลังปรับเปลี่ยนระบบ ]
[ ปรับเปลี่ยนสำเร็จ ! ]
[ คุณได้เรียนรู้สกิล – กลยุทธ์สต็อกโฮล์ม ]
“กลยุทธ์สต็อกโฮล์ม !” หลินลั่วแสดงสีหน้าแปลกใจออกมา “ทำไมชื่อมันถึงได้ยาวแบบนี้ ?”
มันทำให้เขานึกถึง [ ลำไส้อักเสบ ]
รึว่ายิ่งชื่อสกิลยาว สกิลก็ยิ่งรุนแรง ?
เขาตรวจสอบรายละเอียดสกิล
[ กลยุทธ์สต็อกโฮล์ม (Lv.1) – สกิลกลายพันธุ์ (ติดตัว) แต่ละครั้งที่สร้างความเสียหายให้กับเป้าหมายเดิม มันจะมีพลังที่ทำให้เป้าหมายรู้สึกเห็นอกเห็นใจเรา
เมื่อความรู้สึกนี้สั่งสมไปถึงระดับหนึ่ง เป้าหมายจะยอมสยบให้กับเราจนยอมเป็นสัตว์เลี้ยง, ลูกน้องรึทาส
ปล.สกิลนี้ขึ้นอยู่กับความต่างของค่าสติปัญญาของทั้งสองฝ่าย การต้านทานของเป้าหมาย, สเตตัส, เผ่าพันธุ์, อายุ, ระดับความเสียหายที่สร้างได้, จำนวนครั้งที่โจมตีและวิธีการโจมตีนั้นจะส่งผลต่อระดับความรู้สึกโทษตัวเอง โปรดตรวจสอบด้วยตัวเอง ]
“ว่าแล้วไง นี่มัน...สกิลบ้าอะไรวะ ?” หลินลั่วแปลกใจอย่างมาก
สกิลติดตัว ?
นี่เป็นสกิลติดตัวที่สอง สกิลแรกคือ [ โล่ไวรัส ] ที่ทั้งแปลกและทรงพลัง
การโจมตีแต่ละครั้งจะทำให้อีกฝ่ายโทษตัวเอง
เมื่อสั่งสมไปถึงระดับหนึ่ง เป้าหมายจะเอาแต่โทษตัวเอง สุดท้ายเมื่อเพิ่มไปถึงระดับหนึ่ง เป้าหมายถึงกับจะยอมเป็นสัตว์เลี้ยงของเขาเลยเหรอ ?
บริวาร ? ลูกน้อง ? ทาส ?
ไม่ใช่ว่ามันเหมือนกันรึไง ?
มุมปากของหลินลั่วกระตุก เขานึกถึงคำอธิบายของโรคสต็อกโฮล์มซินโดรมในชีวิตที่แล้ว
มันคือสต็อกโฮล์มซินโดรมที่เกิดขึ้นจากการที่ตัวประกันจะรู้สึกเห็นใจต่อคนร้ายที่จับตัวพวกเขาไป พวกเขาเริ่มจะยินดีที่จะช่วยคนร้าย
เรื่องความรู้สึกที่ซับซ้อน
อารมณ์นี้จะทำให้เหยื่อเห็นใจคนร้าย
ตัวประกันจะเริ่มเข้าข้างคนร้าย
ชีวิตและการตายของพวกเขาอยู่ในมือคนร้าย แต่พวกเขากลับซาบซึ้งที่คนร้ายลักพาตัวพวกเขามา
พวกเขาจะมีโชคชะตาแบบเดียวกับคนร้าย
พวกเขาจะมองว่าอนาคตของคนร้ายคืออนาคตของตัวเอง พวกเขาจะถือว่าความปลอดภัยของคนร้ายคือความปลอดภัยของตัวเอง
ผลก็คือพวกเขากลับมองว่าคนที่มาช่วยนั้นเป็นศัตรูไปแทน
คนแบบนี้ถือว่าป่วยทางจิต !
ทว่าในโลกนี้ สต็อกโฮล์มซินโดรมคือกลยุทธ์สต็อกโฮล์ม !
สกิลกลายพันธุ์แบบติดตัว !
ผลของสกิลนั้นไม่ได้ด้อยกว่าผลของโรคจริง ๆ เขาสามารถทำให้เป้าหมายยอมกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงของเขาได้ !
งั้นเป้าหมาย....ก็ถือว่าป่วยทางจิตน่ะสิ ?
บังคับให้จิตใจบิดเบี้ยว ?
เมื่อคิดแบบนั้น หลินลั่วก็หยุดหายใจ
“ฉันไม่รู้ว่าโอกาสที่สกิลจะส่งผลสำเร็จอยู่ที่เท่าไหร่ ถ้าเพิ่มเลเวลสกิลขึ้น โอกาสที่สกิลจะส่งผลก็คงจะเพิ่มขึ้นไปด้วย !”
“ฉันมีคะแนนสกิลทองอยู่ ไม่รู้ว่าหลังจากที่สกิลขึ้นเป็นเลเวล 8 แล้วจะส่งผลยังไง ?”
“อีกอย่าง...พรุ่งนี้รอบรองชนะเลิศแล้วด้วย !”
“โลกวิเศษคืออะไร ? ฉันคาดหวังกับมันจริง ๆ...”
วันต่อมา
ที่ลานหน้าหอฝึกฝนยังเต็มไปด้วยผู้คน ที่นั่งทั้งหนึ่งแสนที่ถูกจับจองเต็มหมด
ทุกคนต่างก็พากันมองไปใจกลางลานรอคอยการต่อสู้รอบรองชนะเลิศ ในวันนี้จะมีการแข่งรอบ 4 คนสุดท้ายและการชิงอันดับ 3 ไม่รู้ว่าผู้ชมและสื่อจะให้ความสำคัญแค่ไหน
ทว่าแม้แต่สื่อจากเมืองอื่น ๆ ก็ยังมาที่นี่เพื่อถ่ายทอดสดการแข่งขัน
“ผู้ชมทุกท่าน ที่พวกคุณเห็นอยู่ตอนนี้....คือการแข่งขันรอบ 4 คนสุดท้ายในการสอบเข้ามหา’ลัยในปีนี้”
“ผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ 4 อันดับแรกยังมาไม่ถึง ฉันจะอธิบายสั้น ๆ ให้ทุกท่านได้เข้าใจ....”
“การแข่งแบบเดี่ยวในการสอบเข้ามหา’ลัยของเมืองปิ้นไห่ในปีนี้ ผู้เข้าแข่งขันที่เหลืออยู่คือหลินลั่ว, ตงฟางเหอ, เฉิงผิงอัน และมู่หรงเสวี่ยเหิน...”
ที่ริมเวทีประลอง มีพิธีการและตากล้องหลายคนพากันจับภาพไปที่ใจกลางเวที และพากันบรรยายออกมา
ทันทีที่ถึงเวลา 8 โมงเช้า พิธีการก็ได้ปรากฏตัวขึ้นใจกลางเวที
“เพื่อน ๆ ทุกคน การสอบเข้ามหา’ลัยของเมืองปิ้นไห่ในปีนี้ รอบรองชนะเลิศกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว !”
“ต่อไปขอเสียงปรบมือให้กับผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ทั้งสี่คน !”
เสียงปรบมือดังขึ้นมา คนกว่าแสนคนพากันมองไปยังเวทีประลองด้วยความตื่นต้น !
“คนแรกคือ.....เทพธิดาที่งดงาม, กล้าหาญและสูงส่ง เทวทูต...มู่หรงเสวี่ยเหิน !”
ภายใต้เสียงโห่ร้องจากทุกคน มู่หรงเสวี่ยเหินในเกราะทองก็เดินขึ้นมาบนเวทีประลอง
“มู่หรงเสวี่ยเหิน ! เสวี่ยเหิน !”
“เทพธิดาเสวี่ยเหิน ฉันรักเธอ !”
“เสวี่ยเหิน ฉันพร้อมมอบชีวิตให้เธอ !”
“อ๊า...”
ทันทีที่มู่หรงเสวี่ยเหินปรากฏตัว ผู้คนก็พากันโห่ร้องกันออกมาด้วยความตื่นเต้น
พิธีกรยังคงประกาศต่อไป “ต่อไป นักดาบไร้เทียมทาน....ผู้ที่ใครไม่อาจจะเข้าใกล้ได้ในระยะสิบเมตร เฉินผิงอัน !”
“....”
เสียงมังกรคำรามดังขึ้นพร้อมดาบแสงพุ่งออกมา หลังจากที่ดึงความสนใจของทุกคนได้ เฉินผิงอันก็ค่อย ๆ เดินขึ้นมาหยุดอยู่ข้างมู่หรงเสวี่ยเหิน
เขาขี่ดาบบินเข้ามาดูเท่อย่างมาก
“เฉินผิงอัน !”
“โคตรเท่เลย ! หล่อจริง ๆ !”
“ฉันก็อยากเป็นนักดาบที่แข็งแกร่งเหมือนนาย !”
“เฉินผิงอัน ! เขาต้องเป็นแชมป์แน่ !”
พิธีกรยังประกาศต่อ “คนที่สาม อัศวินมังกรที่รู้กันว่าเป็นอาชีพลับระดับ S ที่แกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ มังกรที่ถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่แกร่งที่สุด ตงฟางเหอ !”
ทันทีที่พูดจบ เสียงโห่ร้องของทุกคนก็ดังกระหึ่มขึ้นมา
“ตงฟางเหอ ! ตงฟางเหอ ! แชมป์ แชมป์ !”
“รอบรอง ! ตงฟางเหอต้องเป็นแชมป์แน่ !”
“ฉันเดิมพันข้างตงฟางเหอ ! 8 แสน ! ฉันยอมทุ่มเงินเก็บทั้งหมดเลย !”
“มังกร ! ดูนั่น ! มังกรออกมาแล้ว !”
“โห ! มังกรมันเปลี่ยนไปอีกแล้ว ดูน่ากลัวชะมัด !”
“ไร้สาระ ! เขาเป็นถึงลูกชายคนโตของตระกูลตงฟาง การที่มังกรของเขาจะได้ทรัพยากรเพิ่มน่ะแปลกตรงไหน ?”
“ไม่ยุติธรรมเลย !”
“ยุติธรรม ? อุปกรณ์สวมใส่, ไอเท็ม, สัตว์เลี้ยง และองค์ประกอบอื่น ๆ ล้วนแต่เป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่งทั้งนั้น !”
“ฉันเดิมพันข้างตงฟางเหอ ! ฉันขายบ้านและยืมเงินมาก้อนใหญ่ ฉันจะรวย !”
“ไม่รู้ว่าใครจะผ่านเข้ารอบชิงบ้าง...”
“กรร...”
ภายใต้เสียงเอะอะโวยวายของทุกคน เสียงมังกรคำรามก็ดังขึ้นมาก้องไปทั่ว
ใจกลางเวทีนั้นมีมังกรตัวสูงกว่า 5 ม.ค่อย ๆ ร่อนลงมาใจกลางเวที ด้วยการปรากฏตัวของมังกร มันก็ยิ่งทำให้ผู้คนตื่นเต้นขึ้นไปอีก
มังกรนี่ดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม
มันสูง 5 ม. เกล็ดมังกรทั่วทั้งตัวดูแข็งและสะท้อนแสงอย่างกับเพชร
ที่หลังของมันมีหนามงอกออกมาเหมือนกับดาบ
ที่หัวของมันมีหนามงอกออกมาเยอะราวกับขนของเม่นซึ่งช่วยทั้งการป้องกันและการโจมตี
นัยน์ตาของมันเป็นสีทองแดงสะท้อนถึงความบ้าคลั่ง
กรงเล็บของมันยาวกว่า 20 ซม.พร้อมสะท้อนกับแสงอาทิตย์ ที่กรงเล็บถึงกับมีหนามเล็ก ๆ งอกออกมาทำให้มันดูน่ากลัวยิ่งกว่าเก่า
ปีกของมันพัดเอาลมกระจายออกมาส่งผลต่อทั่วทั้งเวที ปีกมันยาวกว่า 10 ม. ข้อต่อที่ปีกนั้นมีกระดูกหนามงอกออกมา มันคืออาวุธที่เพียงพอที่จะทำลายหินทองได้ !
ตอนนั้นมังกรยมทูตดูแข็งแกร่งกว่าเมื่อวานมาก เหนือกว่ามังกรทั่วไป ตงฟางเหอที่ยืนอยู่บนหลังมังกรสวมเกราะสีทอง ใบหน้าเขาดูเฉยเมย
หอกมังกรทองในมือถูกยกขึ้นยิ่งทำให้เขาดูแข็งแกร่งขึ้นไปอีก
“ ....”
ด้วยการปรากฏตัวของตงฟางเหอ เฉินผิงอันที่อยู่ข้าง ๆ ก็จับด้ามดาบเอาไว้แน่นพร้อมหายใจถี่ขึ้นมา
“เขาดูแกร่งขึ้น ! เกิดบ้าอะไรขึ้นวะ ?”
“ความแข็งแกร่งของอัศวินมังกร...”
สายตาเขาสะท้อนความมุ่งมั่นออกมา
แม้แต่ดาบในมือเขาก็ยังสั่นไหวราวกับตื่นเต้นที่ได้เจอกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
“นี่เพราะเป็นอัศวินมังกรงั้นเหรอ ?”
“น่าเสียดายมังกรนี่จริง ๆ ตอนนี้มันไม่ต่างจากไข่มุกที่โดนฝุ่นเกาะ...”
ในอีกด้าน มู่หรงเสวี่ยเหินก็มองไปที่ตงฟางเหอด้วยสายตาเยือกเย็น
สายตาเธอไม่ได้สะท้อนอารมณ์ใด ๆ ราวกับมองดูผู้ปลุกพลังทั่ว ๆ ไป เมื่อเห็นว่าผู้ชมทุกคนต่างก็ตื่นเต้นกับมังกร พิธีกรก็จงใจปล่อยให้ทุกคนได้ชื่นชมมังกรกันต่อไปสักพัก
มังกรนี่นะ
ตงฟางเหอที่อยู่บนหลังมังกรมองไปที่เฉินผิงอันและมู่หรงเสวี่ยเหิน จากนั้นก็มองไปที่ทางเดินด้านหลัง เขารอใครบางคนอยู่ คนที่หลอกหลอนจิตใจเขา ถึงตายเขาก็ไม่มีทางลืม
หลินลั่ว !
หลังจากนั้นไม่กี่นาทีพิธีกรก็ตะโกนออกมาอีกรอบ “คนสุดท้ายเป็นม้ามืด นักบวชระดับ D ที่กลายเป็นแชมป์ในการแข่งแบบทีม ผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ที่หลุดเข้ามาในการแข่งแบบเดี่ยวได้ .....หลินลั่ว !”
“บัดซบ ! ม้ามืดหลินลั่วออกมาแล้ว !”
“เขาแกร่งจริง ๆ ! เขามาถึงรอบนี้ได้ !”
“เหี้ย ! ฉันเดิมพันข้างหลินลั่ว ! เอาเลย ! ฉันจะเปลี่ยนจักรยานเป็นมอเตอร์ไซค์ !”
“หลินลั่วต้องแพ้แน่ ! รอบรองมีผู้ปลุกพลังอาชีพลับระดับ S ตั้ง 3 คน เขาเจอกำแพงเข้าแล้ว !”
“ฉันก็คิดแบบนั้น ! ที่สู้กันเมื่อวานก่อนน่ะ เขาคงใช้ไพ่ลับทั้งหมดออกมาแล้ว สามคนนี้คงเตรียมตัวรับมือมาแล้ว !”
“หึหึ ฉันว่าหลินลั่วต้องทำได้ ถ้าไม่ใช่เพราะสกิลของเขาที่ทำให้คนท้องเสีย ใครจะไปคิดว่าหลินลั่วจะผ่านมาถึงรอบนี้ได้ ? ดูมังกรนั่นสิ มันยังขี้แตกเลย ฮาฮา...”
“ฉันเองก็คิดแบบนั้น...”
“อะแฮ่ม ฉันอยากเห็น....หลินลั่วกับมู่หรงเสวี่ยเหินสู้กัน !”
“เหี้ย แกมันโรคจิต ! แต่ฉันก็ชอบว่ะ !”
“หึหึ !”
“หือ ? ทำไมหลินลั่วถึงยังไม่ออกมา ?”
“แปลก....เขาหายไปไหน ?”