ตอนที่ 25 การซื้อขายเค้กเหลือง
เมืองลูลา ประเทศซีเรีย
รถตู้ปิดผนึกสามคัน ทิ้งรอยล้อลึกเป็นทางยาว แล่นผ่านเควินที่กำลังถือกล่องอุปกรณ์แพทย์ ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัย
เขาเงยหน้าขึ้น ขมวดคิ้วอย่างสงสัย แม้รูปลักษณ์ภายนอกของรถบรรทุกที่แล่นผ่านไปจะดูเก่าทรุดโทรม แต่เสียงเครื่องยนต์นั้นชัดเจนว่าเป็นรถใหม่เอี่ยม
คนในเมืองเล็กๆ อย่างลูลานี้ จะมีปัญญาซื้อรถใหม่ได้ยังไงกัน?
เมื่อเลี้ยวผ่านหัวมุมถนน เควินก็เห็นผู้คนกำลังพักผ่อน พูดคุยถึงเรื่องบางอย่างที่ร่วงหล่นจากท้องฟ้าเมื่อครู่ พวกเขามองเห็นได้อย่างชัดเจนในตอนกลางวัน หลายคนคิดว่าเป็นขีปนาวุธ
“ไม่นานหลังจากที่สิ่งนั้นตกลงมา ฉันก็เห็นเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพมะกันบินไปทางนั้น ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่”
ทันใดนั้น พวกเขาก็สังเกตเห็นเควิน จึงเอ่ยทักทาย
“สวัสดี เควิน!”
เควินเป็นคนพิเศษสำหรับที่นี่ เพราะเขาเป็นชาวอเมริกัน และเป็นหมอเพียงคนเดียวในละแวกนี้
หลังจากยิ้มทักทายกับผู้คน เควินก็มาถึงหน้าประตูคลินิกเล็กๆ ของเขา
คลินิกตั้งอยู่ที่ชั้นล่างของอาคารสามชั้น ส่วนชั้นบนสองชั้นพังทลายลงมา เป็นผลพวงจากการโจมตีด้วยปืนใหญ่ที่สร้างขึ้นเองในช่วงสงครามเมื่อหลายปีก่อน
ผลักประตูเข้าไป ภายในคับแคบและเต็มไปด้วยข้าวของต่างๆ
เชลซี หญิงสาวผมแดง อาสาสมัครจากอังกฤษ กำลังนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ ทำหน้าที่เป็นทั้งเสมียนและพยาบาล
“เควิน คนไข้เป็นยังไงบ้าง” เชลซีถาม
เควินทำสีหน้าจนใจ “ฉันทำได้แค่พยายามไม่ให้เขาแย่ลงไปกว่านี้ แม้ว่าอาการโดยรวมจะคงที่แล้ว แต่ก็ยังขาดแคลนยารักษา”
“แฮร์รี่ล่ะ”
“เขากำลังตรวจคนไข้อยู่ข้างใน”
ผลักประตูห้องตรวจ เห็นชายร่างผอมกำลังฟังเสียงหัวใจคนไข้อยู่
แฮร์รี่ ผู้ช่วยของเควิน เป็นลูกครึ่งอเมริกัน-ซีเรีย เดิมทีอาศัยอยู่ที่ฮาเล็บ เมืองที่ใหญ่ที่สุดทางตอนเหนือของซีเรีย ต่อมาต้องอพยพลงใต้เพราะภัยสงคราม และมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่คลินิกเปิดทำการ
หลังจากตรวจคนไข้และให้เขากลับไปพักผ่อน แฮร์รี่ก็ถามขึ้น “ข้างนอกเกิดอะไรขึ้น ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย”
เควินวางกล่องอุปกรณ์แพทย์ลง ส่ายหน้า “มีบางอย่างตกลงมาจากท้องฟ้า ตอนแรกทุกคนคิดว่าโดนโจมตีด้วยขีปนาวุธ พากันแตกตื่นไปหมด แต่หลังจากนั้นก็เห็นเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพมะกันบินผ่านไป ฉันเลยเดาว่าน่าจะเป็นซากดาวเทียม”
“บังเอิญขนาดนั้นเลยเหรอ” แฮร์รี่ขมวดคิ้ว
“มีอะไรหรือเปล่า” เควินถามอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่เควิน ฉันได้ยินมาว่านายเคยเป็นนาวิกโยธินสหรัฐฯ?” แฮร์รี่ถามด้วยความอยากรู้ “แล้วทำไมถึงมาเปิดคลินิกที่นี่ล่ะ”
ใบหน้าที่ผ่านโลกมามากของเควินดูเกร็งเล็กน้อย เขานั่งลงบนเก้าอี้ เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มเยาะตัวเอง “ชดใช้บาป”
แฮร์รี่ยักไหล่ แต่ด้วยความสัมพันธ์ของพวกเขา เขาก็อดถามไม่ได้ “ขอโทษนะ แต่เล่าให้ฟังได้ไหม”
“มันก็แค่เรื่องเล่าแบบเดิมๆ นั่นแหละ” เควินหยิบซองบุหรี่ออกมา แต่พอเห็นว่ามันว่างเปล่า ก็โยนมันลงบนโต๊ะ สูดหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาฉายแววครุ่นคิด “ฉันเคยเข้าร่วมกองทัพด้วยความกระตือรือร้น และได้เป็นแพทย์ทหารในหน่วยนาวิกโยธิน”
“ฉันเคยมั่นใจอย่างมาก ว่าจะต่อสู้เพื่อความยุติธรรม นำอิสรภาพ ระบบที่ดี และค่านิยมสากล มามอบให้กับผู้คนทั่วโลก”
“ฉันคิดจริงๆ นะว่ากำลังทำให้โลกนี้ดีขึ้น ไม่ใช่เลวร้ายลง”
“จนกระทั่งฉันได้รับคำสั่งให้มาเหยียบผืนแผ่นดินแห่งนี้ ฉันถึงได้รู้ว่า เราไม่ได้นำอิสรภาพและประชาธิปไตย ไม่ได้นำความรู้แจ้งและความมั่งคั่งมาให้ สิ่งที่เรานำมา...”
“มีเพียงไฟสงคราม มีเพียงความสิ้นหวัง ความหวาดกลัว และความเกลียดชัง”
ภายในห้องตรวจเงียบสงัด
แฮร์รี่จ้องมองเขาอย่างเหม่อลอย
เควินยิ้มอีกครั้ง รอยยิ้มที่แสนขมขื่น
“ศรัทธาของฉันพังทลาย ฉันเลือกที่จะกลับประเทศ แต่กลับต้องประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ คร่าชีวิตลูกของฉันไป ภรรยาของฉันก็ทิ้งฉันไปเพราะความเจ็บปวดของฉัน”
“แฮร์รี่ นายรู้ไหม นั่นคือบทลงโทษของบาป”
เควินสูดหายใจเข้าลึกๆ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางอ่อนล้า “เพราะอย่างนั้น ฉันถึงมาที่นี่ หวังว่าจะชดใช้บาปด้วยชีวิตที่เหลืออยู่”
แฮร์รี่อยากจะปลอบใจ แต่กลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
เชลซีผลักประตูเข้ามา มองทั้งคู่ “ออกมาทานข้าวกันเถอะ”
เธอรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ จึงถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”
เควินส่ายหน้า “ไม่มีอะไรหรอก”
จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน พร้อมกับเอ่ยชวน “ไปกันเถอะ แฮร์รี่ ไปทานข้าวกัน”
…
รถตู้คันใหม่เอี่ยมที่ถูกทำให้เลอะเทอะ แล่นไปตามถนนลูกรังที่ขรุขระ
ภายในห้องเก็บสัมภาระที่ปิดผนึกอย่างแน่นหนา มีถังเหล็กหลายใบวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ แต่ละใบมีสัญลักษณ์กัมมันตภาพรังสีสีเหลืองดำติดอยู่
บางสิ่งที่มีเกล็ดสีดำปกคลุมทั้งตัวซ่อนอยู่ในมุมมืด กำลังดูดซับรังสีที่เล็ดลอดออกมาอย่างตะกละตะกลาม
รถตู้แล่นมาถึงมุมเปลี่ยวแห่งหนึ่งของเมืองที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง
ชายฉกรรจ์กว่าสิบนาย สวมฮู้ด ปิดบังใบหน้า ถือปืนไรเฟิล AK ยืนรออยู่ก่อนแล้ว
รถตู้ทั้งสามคันจอดสนิท ชายฉกรรจ์ที่ถือปืนกว่าสิบนาย ก้าวลงมาจากรถสองคันแรก
สายลมพัดพาเอาฝุ่นละอองลอยคลุ้ง
ชายทั้งสองฝ่ายต่างไว้เครา พวกเขาเดินเข้าหากัน หัวหน้าฝ่ายผู้รอรับสินค้าเอ่ยถาม “ของมาครบไหม”
“แน่นอน แล้วเงินล่ะ” อีกฝ่ายถามเสียงเข้ม
หัวหน้าฝ่ายผู้รอรับสินค้าพยักเพยิดไปทางลูกน้อง ชายคนหนึ่งรีบเปิดกล่องใบเล็กออกมา ภายในมีเอกสารสีเหลืองอยู่หลายฉบับ
“ตามที่ตกลงกันไว้ นี่คือพันธบัตรผู้ถือมูลค่าห้าสิบล้านดอล ฉันขอดูของก่อน” หลังจากปล่อยให้อีกฝ่ายตรวจสอบ หัวหน้าฝ่ายผู้รอรับสินค้าก็ปิดกล่องลง กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ในภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง เวลาทำการค้าขายกันแบบลับๆ มักจะมีคนมาด้วยกันเยอะแยะ พกพาอาวุธครบมือ ราวกับกลัวคนอื่นไม่รู้ว่ากำลังทำเรื่องผิดกฎหมาย
แต่ในความเป็นจริง การทำธุรกรรมลับมักจะทำกันอย่างเงียบเชียบที่สุด
กลุ่มคนที่ลักลอบขนส่งแร่ยูเรเนียม แฝงตัวเข้ามาในเมืองลูลา ในนามของการขนส่งวัสดุสำหรับการเมือง ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงจงใจทำให้รถดูสกปรก เพื่อไม่ให้เป็นที่สนใจ
ในทะเลทรายที่อยู่ไม่ไกลออกไป หน่วยรบพิเศษของกองทัพเมริกันหลายนาย กำลังนอนคว่ำอยู่บนพื้น พรางตัวด้วยผ้าพราง สังเกตการณ์ทั้งสองฝ่ายที่กำลังทำการซื้อขาย ผ่านกล้องส่องทางไกลที่เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน
“พวกโง่เง่า แร่ยูเรเนียมแค่นี้ กล้าขายตั้งห้าสิบล้าน พวกเราได้รางวัลใหญ่แล้ว ถ่ายทอดสดเหตุการณ์ทั้งหมดไปให้เบื้องบน ลงมือให้เรียบร้อย!” หัวหน้าทีมรบพิเศษกระซิบ
“รับทราบ!”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะขึ้นรถคันสุดท้ายเพื่อตรวจสอบสินค้า หัวหน้าทีมจึงรีบสั่งการ
“เริ่มปฏิบัติการ! เฮลิคอปเตอร์โจมตีก่อน ทีมภาคพื้นดินตามสมทบ! ไม่ต้องกลัวว่าแร่ยูเรเนียมจะระเบิด รังสีของมันต่ำ ถึงจะอันตรายถ้าสูดดมเข้าไป แต่เรามีหน้ากากป้องกันแก๊สพิษและรังสี”