กำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 31 ได้เวลาของข้าแล้ว!
กำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 31 ได้เวลาของข้าแล้ว!
“จากคำพูดของผู้อาวุโส ท่านมีวาสนาการบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ อีกหรือ”
หยางชิวเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“โลกใบนี้กว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด”
หลี่อวิ๋นหัวเราะเบา ๆ กล่าวว่า “ผ่านกาลเวลามานับไม่ถ้วน วาสนาที่ซ่อนอยู่ ย่อมมีมากมายนับไม่ถ้วน แม้ในโลกนี้จะไม่มี แต่ในโลกอื่น ๆ เล่า”
“วางใจเถิด”
“ตราบใดที่เจ้าจ่ายไหว ไยจะไม่มีวาสนาที่เหมาะสมกับเจ้าเล่า”
หยางชิวลูบมืออย่างกระวนกระวาย เขากัดฟัน ในมือปรากฏยุทธภัณฑ์ระดับจอมศักดิ์สิทธิ์ที่แตกหักขึ้นมาหนึ่งชิ้น กำลังจะส่งมอบให้หลี่อวิ๋น แต่เหมือนนึกอะไรขึ้นได้
ยุทธภัณฑ์ระดับจอมศักดิ์สิทธิ์ที่แตกหัก ก็หายไปในทันที
เขาเงยหน้าขึ้น มองหลี่อวิ๋นอย่างระมัดระวัง เอ่ยถามว่า “วาสนาที่ผู้อาวุโสกล่าวถึง มิได้ขายให้คนอื่นแล้วใช่หรือไม่”
“ทำไมหรือ”
หลี่อวิ๋นยิ้ม เอ่ยว่า “เจ้าต้องการเข้าไปในอาณาเขตลับเพียงลำพังหรือ”
หยางชิวผู้นี้ ช่างระวังตัวเสียจริง โดนงูกัดหนึ่งครา ระวังเชือกบนพื้นไปสิบปี บทเรียนที่เหรินชิงถูมอบให้ คงทำให้เขาจดจำไปชั่วชีวิต
“ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนไม่อาจรอดพ้นสายตาของผู้อาวุโส”
หยางชิวหัวเราะแห้ง ๆ
เรื่องราวที่ผาธารมรกต ยังคงติดอยู่ในใจเขา จนถึงทุกวันนี้ หากเขาสามารถยึดครองสถานที่แห่งนั้นได้เพียงลำพัง เพียงแค่สมุนไพรวิญญาณภายใน ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาบำเพ็ญเพียรจนถึงระดับราชันศักดิ์สิทธิ์!
ผลประโยชน์เช่นนี้ ไม่มีใครอยากแบ่งปัน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง การเผชิญหน้ากับศัตรู จนต้องกลับมือเปล่า
“ย่อมได้”
หลี่อวิ๋นพยักหน้า กล่าวว่า “แต่ว่า... เจ้าต้องจ่ายเพิ่ม!”
วาสนาที่ผาธารมรกต ในตอนแรกหลี่อวิ๋นไม่รู้ว่าภายในมีอะไร แต่หลังจากขายไปแล้ว เขาจึงตรวจสอบดู พลันรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง
ภายในไม่เพียงแต่มีวาสนาการบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ยังมีสมุนไพรวิญญาณมากมาย และที่สำคัญกว่านั้น ยังมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่หนึ่งชิ้น!
เขากลับได้รับเพียงยุทธภัณฑ์ระดับจอมศักดิ์สิทธิ์สี่ถึงห้าชิ้น
ช่างขาดทุนยิ่งนัก!
จนถึงตอนนี้
หลี่อวิ๋นจึงรู้ว่า ระบบช่างใจดีกับเขาเสียจริง
หลี่อวิ๋นจึงตัดสินใจว่า ครั้งหน้าจะไม่มีวันขายถูกเช่นนี้อีก ต้องกอบโกยแต้มกลไกสวรรค์ให้มากขึ้น หรือไม่ก็ขายให้กับคนหลายคนพร้อมกัน
“เพิ่ม... เพิ่มเงินหรือ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหยางชิวหายไปในทันที
เมื่อครู่เขายังดีใจที่เก็บยุทธภัณฑ์ที่แตกหักได้มากมาย แต่เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่อวิ๋น เขาก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที
“เพิ่มเท่าใดหรือขอรับ”
หยางชิวถามอย่างกังวล
“อย่างน้อยก็ต้องเจ็ดแปดเท่า”
หลี่อวิ๋นกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
“เจ็ด... เจ็ดแปดเท่าหรือ”
เสียงของหยางชิวสูงขึ้นหลายระดับ
ก่อนหน้านี้ เขาใช้สมบัติทั้งหมดที่สะสมมา แลกเปลี่ยนกับข้อมูลเพียงชิ้นเดียว ตอนนี้เพิ่มขึ้นเจ็ดแปดเท่า ไม่เท่ากับว่าต้องใช้สมบัติมากกว่าเดิมเจ็ดแปดเท่า
“เจ้าลืมผลประโยชน์ที่ได้รับจากผาธารมรกตไปแล้วหรือ”
หลี่อวิ๋นถามกลับ
“เรื่องนี้...”
หยางชิวพูดไม่ออก
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
หากเขาเก็บสมบัติทั้งหมดที่ผาธารมรกตเอาไว้ ทรัพย์สมบัติของเขาจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเจ็ดแปดเท่า
“ผู้อาวุโส ยุทธภัณฑ์เช่นนี้ มีค่าเท่าใด”
หยางชิวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ยื่นยุทธภัณฑ์ระดับจอมศักดิ์สิทธิ์ที่แตกหักอีกชิ้นให้หลี่อวิ๋น
ยุทธภัณฑ์ชิ้นนี้ เป็นกระบี่ยาวที่หักครึ่ง แสงสว่างริบหรี่ ไม่อาจรู้ได้ว่าหลังจากผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานเช่นนี้ ยังคงมีพลังหลงเหลืออยู่หรือไม่
“ระบบ สิ่งนี้มีค่าเท่าใด”
หลี่อวิ๋นถามในใจ
[ติ๊ง ยุทธภัณฑ์ระดับจอมศักดิ์สิทธิ์ที่แตกหัก สามารถแลกเปลี่ยนเป็นแต้มกลไกสวรรค์ได้แปดร้อยแต้ม]
หลี่อวิ๋น: "..."
ยุทธภัณฑ์ระดับจอมศักดิ์สิทธิ์ที่สมบูรณ์ มีมูลค่าเจ็ดแปดพันแต้ม แต่เมื่อแตกหัก กลับเหลือเพียงเจ็ดแปดร้อยแต้ม ความแตกต่างนับสิบเท่า ช่างน่าเหลือเชื่อ
เห็นได้ชัดว่า
การรับซื้อของเก่าจะถูกกดราคาอย่างหนัก
“สิ่งนี้ไม่มีค่า หากเจ้าคิดจะใช้สิ่งนี้แลกเปลี่ยนกับข้อมูลในหอคอยกลไกสวรรค์ อย่างน้อยต้องมีหลายร้อยชิ้น ตอนนี้เจ้ามีมากขนาดนั้นหรือ”
หลี่อวิ๋นเรียกสติกลับมา มองหยางชิว เอ่ยถาม
“เอ่อ...”
หยางชิวหัวเราะแห้ง ๆ เก็บยุทธภัณฑ์กลับคืน
แม้ว่าเขาจะเก็บยุทธภัณฑ์ที่แตกหักได้มากมาย แต่ก็ไม่ถึงขั้นหลายร้อยชิ้น เพราะว่าบุคคลระดับจอมศักดิ์สิทธิ์นั้น มีค่ามาก ไม่อาจตายได้ง่าย ๆ
เรื่องราวที่เทือกเขาร้อยสาย ไม่อาจปิดบังได้
“เช่นนั้น... ข้าจะกลับมาใหม่ในอีกไม่กี่วัน”
หยางชิวเอ่ยอย่างเสียดาย เขามองหอคอยกลไกสวรรค์อีกครั้ง ก่อนจะหันไปมองหลี่อวิ๋น กล่าวว่า “ผู้อาวุโส ท่านต้องเก็บวาสนาสักแห่งเอาไว้ให้ข้า ข้าจะรีบกลับมา”
“วางใจเถิด”
หลี่อวิ๋นยิ้ม
“เช่นนั้น... ข้าขอฝากความหวังไว้กับท่านแล้ว!”
หยางชิวประสานมือคารวะ
กล่าวจบ
หยางชิวก็แปรเปลี่ยนเป็นแสงวาบหนึ่ง พุ่งทะยานขึ้นฟ้า หายไปในพริบตา
เขาตัดสินใจว่า เมื่อกลับไปถึงสำนักมารเก้าขุมนรก จะไปหาศิษย์พี่น้องสักสองสามคน หยิบยืมยุทธภัณฑ์หรือสมบัติวิญญาณมาสักหน่อย
รอจนเขาบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว...
อืม...
เมื่อบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์ คงไม่จำเป็นต้องคืน
คนในสายมาร ใครจะยืมแล้วคืนของกัน?
คาดว่าคนเหล่านั้น คงไม่กล้าทวงหนี้จากปราชญ์ระดับศักดิ์สิทธิ์
...
หลี่อวิ๋นมองส่งหยางชิวจากไป
ก่อนจะหันกลับไปมองกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล
“ท่านคือเจ้าเมืองต้าฮวงใช่หรือไม่”
หลี่อวิ๋นยิ้มน้อย ๆ เอ่ยถาม
“หืม???”
ไม่ไกลนัก
เจ้าเมืองต้าฮวงยืนอยู่ด้านหน้าสุด เมื่อได้ยินเสียง ก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง ร่างกายที่อ้วนท้วมสั่นสะเทือนเล็กน้อย เขารีบก้าวไปข้างหน้า เอ่ยอย่างรวดเร็วว่า
“ข้าน้อยเองขอรับ!”
รอคอยมานาน ในที่สุดก็ถึงเวลาของเขา
เจ้าเมืองต้าฮวงรู้สึกซาบซึ้งใจ ก่อนหน้านี้มีหยางชิวแห่งสำนักมารเก้าขุมนรก และเหรินชิงถูประมุขต้าหลัว เขาไม่รู้เลยว่าตนเองนั้นเคราะห์ร้ายเพียงใด ถึงได้มาพบเจอกับยอดฝีมือเช่นนี้
น่ากลัวยิ่งนัก
หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ยอดฝีมือระดับจอมศักดิ์สิทธิ์มาเยือนเมืองต้าฮวงบ่อย ๆ เขาคงต้องตายเพราะความหวาดกลัวกินสมอง
ครั้งนี้
ไม่ว่าอย่างไร เขาต้องหาทางเกาะชายเสื้อท่านเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์
มิเช่นนั้น
ในอนาคต คงนอนไม่หลับ ราวกับนอนทับตะปู