MDB ตอนที่ 458 หลี่ซินฉี
หลินจินไม่ใช่คนประเภทที่ชอบจับผิดคนอื่น นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นสำนักงานใหญ่สมาคมประเมินสัตว์วิเศษของอาณาจักรเกลียวสวรรค์ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่ผู้ประเมินประจำสมาคมจะต้องทำงานตลอดเวลา ดังนั้นการรออีกสักหน่อยก็คงไม่เสียหาย
“ข้า เจียงเทียนเหอ ผู้ประเมินระดับสามของอาณาจักรเกลียวสวรรค์ ข้าเป็นอดีตเพื่อนร่วมชั้น และเป็นเพื่อนที่ดีของผู้ประเมินตันซุน”
ผู้ประเมินวัยกลางคนแนะนำตัวเองอย่างร่าเริง
หลินจินรีบทักทายเขา
“ข้าได้รับและอ่านจดหมายของพี่ตันแล้ว เขายกย่องเจ้ามาก ในที่สุด ข้าก็ได้พบเจ้าตัวเป็น ๆ แล้ว ข้าต้องยอมรับว่าเจ้ามีคุณสมบัติราวกับดวงดาราจริง ๆ”
หลังจากเข้าไปในห้องแล้ว เจียงเทียนเหอก็เดินไปรินชาให้ด้วยตัวเอง
เห็นได้ชัดว่าเขายุ่งกับงานมากจนแทบไม่ได้ดื่มน้ำเลย
น่าแปลกที่พฤติกรรมที่ตรงไปตรงมาของเขาทำให้หลินจินประทับใจแทน
“ผู้ประเมินหลิน เชิญนั่งลงก่อน เอาล่ะ ข้าจะพูดเข้าประเด็นเลยล่ะกัน พี่ตันเป็นเพื่อนที่ดีของข้า และเนื่องจากเขาใช้ชื่อสำนักงานใหญ่ของอาณาจักรมังกรหยกเพื่อแนะนำเจ้าเพื่อรับการทดสอบเลื่อนระดับเป็นระดับสี่ ข้าจึงจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยให้เจ้าบรรลุเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม เจ้าต้องเข้าใจก่อนว่าการสอบระดับสี่นั้นท้าทายมาก และไม่ง่ายเลย ข้าเกรงว่าหากเจ้ามาเข้าทดสอบในวันนี้ เวลามันจะไม่ทันการ ดังนั้น เจ้าช่วยกลับมาในพรุ่งนี้เช้าแทนจะดีกว่า
ซึ่งพรุ่งนี้ ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักกับผู้ประเมินระดับสี่ที่จะดูแลการทดสอบ พวกเขาจะประเมินเจ้าอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับพวกเขา”
เจียงเทียนเหอไม่ได้พยายามปกปิดข้อมูลใด ๆ จากหลินจิน และหลินจินก็สามารถบอกได้ว่าเขาพยายามช่วยเหลืออย่างจริงใจ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกขอบคุณเจียงเทียนเหอ
“ผู้ประเมินเจียง นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ามาที่นี่ ข้าสงสัยว่ามีอะไรที่ข้าควรเตรียมตัวเป็นพิเศษหรือไม่?”
หลินจินถาม
เจียงเทียนเหอครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนที่จะตอบว่า
“เจ้าไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ ตามสิ่งที่ข้ารู้มา การทดสอบของผู้ประเมินระดับสี่นั้นเข้มงวดมาก จะมีคณะกรรมการประเมินจำนวนสิบคน และเจ้าจะต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการทั้งสิบคนจึงจะผ่านได้ ถ้ามีผู้ใดคัดค้านแม้แต่คนเดียว เจ้าก็จะล้มเหลว แต่นั่นก็เข้าใจได้เนื่องจากการเลื่อนระดับสี่ไม่ใช่สิ่งที่ไม่ควรมองข้าม”
หลินจินพยักหน้า
นั่นเป็นเรื่องจริง ผู้ประเมินระดับสี่นั้นเป็นบุคคลที่น่าทึ่งมาก และว่ากันว่าสำนักงานใหญ่ของอาณาจักรเกลียวสวรรค์มีผู้ประเมินระดับสี่ไม่เกินยี่สิบคนด้วยซ้ำ
“จริงสิ เจ้ามีที่พักแล้วหรือยัง ผู้ประเมินหลิน? หากเจ้าไม่มี ข้าสามารถจัดเตรียมให้เจ้าได้”
เจียงเทียนเหอซักถามอย่างมีน้ำใจ
ทางด้านหลินจิน เขาจำได้ว่าเขาไม่ได้เดินทางคนเดียวเนื่องจากยังมีกู่เมียงจงอยู่ด้วย ดังนั้นเขาจึงกล่าวว่า
"ข้ามีเพื่อนร่วมเดินทางมาด้วย ดังนั้น เราน่าจะหาที่พักเองได้”
เจียงเทียนเหอพยักหน้า
"ฟังดูเข้าท่า เอาตามนั้นล่ะกัน"
เมื่อพูดจบเขาก็ลุกขึ้น
“ผู้ประเมินหลิน ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวไปทำธุระของข้าต่อ ข้าหวังว่าผู้ประเมินหลินจะยกโทษให้กับความหยาบคายของข้าได้”
หลินจินส่ายหัวทันที
“ไม่เลย ข้าต่างหากที่ต้องขอให้ผู้ประเมินเจียงยกโทษ เนื่องจากข้ามารบกวนท่าน”
ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่างได้และรีบพูดว่า
“โอ้ ข้าหวังว่าท่านจะไม่รังเกียจที่จะตอบคำถามของข้าอีกสักข้อ ข้ารู้มาว่าลูกสาวของผู้ประเมินตันซุนอยู่ที่สถาบันเกลียวสวรรค์ และเขาได้มอบจดหมายมาให้ข้าส่งต่อให้เธอ ข้าสงสัยว่าจะส่งจดหมายให้เธอได้อย่างไร?”
เจียงเทียนเหอตอบด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าสามารถมุ่งหน้าไปตามหาเธอได้เลย ทางสถาบันไม่ได้ห้ามให้บุคคลภายนอกเข้ามาเยือนข้างใน”
เมื่อพูดจบ เขาก็บอกลาหลินจินและออกไป
ชายคนนั้นดูยุ่งมาก
เนื่องจากการทดสอบระดับสี่ได้รับการยืนยันแล้ว หลินจินก็สามารถพักผ่อนได้อย่างสบายใจ และยังมีเวลาเหลืออีกมาก ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังสถาบันเกลียวสวรรค์
เมื่อออกไปข้างนอกแล้ว หลินจินก็ถามผู้ประเมินเพื่อซักถาม เขาอยากจะรู้ว่าสำนักงานใหญ่มีเส้นทางที่เชื่อมไปยังสถาบันเกลียวสวรรค์โดยตรง โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางจากภายนอกหรือไม่?
เมื่อรู้ว่ามีเส้นทางลัดเข้าไปในสถาบันเกลียวสวรรค์ หลินจินจึงตัดสินใจเลือกใช้เส้นทางนี้ ดังนั้น เขาจึงเริ่มถามทางไปพลางในขณะที่เขาเดินไปตามเส้นทาง
ในระหว่างนั้น เขาเดินผ่านสวนขนาดใหญ่และอาคารบางส่วน ก่อนที่เขาจะรู้ตัว เขาได้เข้าสู่สถาบันเกลียวสวรรค์เรียบร้อยแล้ว
ที่นั่น เขาเห็นผู้ประเมินระดับหนึ่งและระดับสองจำนวนมาก พวกเขากำลังศึกษาตำราอยู่ บรรยากาศที่ขยันขันแข็งเข้ากระทบเขาแทบจะในทันที หลินจินยังคงสำรวจสถาบันฯต่อไป นักเรียนที่เขาเดินผ่านทั้งหมดล้วนสังเกตเห็นวงแหวนสามวงบนแขนเสื้อของหลินจิน ในตอนแรกบางคนก็ตกตะลึง แต่ทุกคนคำนับเขาในเวลาต่อมา
เนื่องจากนักเรียนของสถาบันเกลียวสวรรค์ล้วนเป็นผู้ประเมินระดับหนึ่งและสอง ใครก็ตามที่อยู่ในระดับสามจึงสมควรที่จะได้รับความเคารพ เนื่องจากหลินจินอาจจะเป็นอาจารย์ก็ได้ พวกเขาจึงจำเป็นต้องทักทายเขาด้วยความเคารพ
เมื่อใดก็ตามที่หลินจินได้รับคำทักทาย เขาก็จะตอบกลับคำทักทายอย่างสุภาพ
แต่ไม่นานเขาก็ตระหนักถึงปัญหา
สถาบันเกลียวสวรรค์มีขนาดใหญ่มาก และเต็มไปด้วยห้องโถงและทางเดินนับไม่ถ้วน มีสิ่งต่าง ๆ มากมายละลานตา และทุกที่ก็ดูคล้ายกัน ดังนั้นไม่นานเขาก็ตระหนักว่าเขาหลงทางเสียแล้ว
ถึงกระนั้นหลินจินก็รักษาความสงบของเขาไว้ เขาเห็นนักเรียนสองสามคนเดินผ่านมา ดังนั้นหลินจินจึงเรียกพวกเขาเพื่อสอบถามที่อยู่ของตันหลิน
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ความรู้ของหลินจินเกี่ยวกับสถาบันเกลียวสวรรค์มีจำกัดมากจนเขาไม่แน่ใจว่าแผนกต่าง ๆ อยู่ที่ไหน ดังนั้นการตรงไปที่การไล่ถามจึงง่ายกว่ามาก
อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ทุกคนที่รู้ว่าตันหลินคือใคร หลังจากถามอีกสองสามคน หลินจินก็เดินจากไปโดยไม่มีคำตอบที่เขากำลังมองหา
จนกระทั่งเขาหยุดนักเรียนหญิงคนหนึ่งเพื่อถามเธอเกี่ยวกับตันหลิน เธอผงะไปชั่วขณะเมื่อได้ยินเขาพูดถึงชื่อนั้น จากนั้นเธอก็พูดอย่างสงสัย
“ท่านชาย ท่านกำลังมองหาตันหลินอย่างงั้นเหรอเจ้าคะ? เธออยู่ที่ศาลาประเมินอสูรเจ้าค่ะ”
ผู้หญิงคนนี้รู้ว่าตันหลินคือใคร ดังนั้นหลินจินจึงขอบคุณเธอด้วยความยินดีทันที
“แล้ว… เจ้ารู้ไหมว่าศาลาประเมินอสูรนี้อยู่ที่ไหน?”
ถึงจะรู้ชื่อที่หมาย แต่เขาก็ไม่รู้ว่าสถานที่นั้นอยู่ที่ไหน หลินจินก็ถามอย่างเขินอายอีกครั้ง
นักเรียนหญิงศึกษารูปลักษณ์ของหลินจิน ก่อนที่จะถามเขากลับว่า
“ท่านไม่ใช่อาจารย์ของสถาบันหรือเจ้าคะ?”
ถ้าเขาเป็นอาจารย์ เขาคงไม่มีทางลืมว่าศาลาประเมินอสูรอยู่ที่ไหน
หลินจินพยักหน้า
“ข้าเป็นเพื่อนที่ดีของตันหลิน ข้ามาจากบ้านเกิดของเธอ และข้ามาที่นี่เพื่อส่งจดหมายจากบ้านให้เธอ”
นักเรียนหญิงพึมพำกับตัวเอง
“เพื่อนจากบ้านเกิด ผู้ประเมินระดับสาม และยังหนุ่มมาก… โอ้ ข้ารู้แล้ว! ท่านต้องเป็นผู้ประเมินหลินใช่ไหมเจ้าคะ!?”
มีประกายในดวงตาของเธอเมื่อเธอถามคำถามสุดท้ายนั้น
หลินจินตกตะลึงอย่างแท้จริง
ต่อมาเขารู้ว่าเธอชื่อหลี่ซินฉี และเธอเป็นเพื่อนร่วมหอพักของตันหลิน ในระหว่างที่พวกเธออยู่ร่วมกัน ตันหลินเคยพูดถึงหลินจินให้เธอฟัง
“ตันหลินให้ความเคารพผู้ประเมินหลินมาก ตอนแรกข้าก็ไม่เชื่อหรอกว่าจะมีผู้ประเมินระดับสามอายุน้อยเช่นนี้อยู่ด้วย แต่ข้ารู้แล้วว่าเธอไม่ได้โกหก ท่านดูหนุ่มมากจริง ๆ”
หลังจากกวาดตามองใบหน้าของหลินจินแล้ว หลี่ซินฉีก็รำพึงในใจว่า
‘ผู้ประเมินหลินน่าจะอายุพอ ๆ กับข้า’
ถ้าเธอรู้ว่าหลินจินมีอายุเท่ากันกับเธอ เธอคงจะเสียใจมาก
“เนื่องจากผู้ประเมินหลินไม่รู้ว่าศาลาประเมินอสูรอยู่ที่ไหน ข้าจะพาท่านไปที่นั่นได้ด้วยตัวเอง”
หลี่ซินฉีกระตือรือร้นมากขึ้นหลังจากเรียนรู้ตัวตนของหลินจิน แน่นอนว่าหลินจินต้องขอบคุณเธอสำหรับข้อเสนอของเธอ
ตอนนั้นเองที่หลินจินสังเกตเห็นว่าหลี่ซินฉีก็เป็นผู้ประเมินระดับสองเช่นเดียวกับตันหลิน
หลินจินรู้สึกประหลาดใจกับการค้นพบนี้
ระหว่างทางที่นี่ ในขณะที่ยังมีนักเรียนวัยกลางคนสองสามคนในสถาบันเกลียวสวรรค์ แต่ส่วนใหญ่ยังเด็กและอายุใกล้เคียงกับเขา
สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร?
ผู้ประเมินระดับสองส่วนใหญ่ในอาณาจักรมังกรหยกมีอายุสามสิบถึงห้าสิบ เมื่อพิจารณาจากอายุเฉลี่ยของผู้ประเมินที่นี่ เห็นได้ชัดว่าชนชั้นสูงของทวีปยูไนเต็ดทั้งหมดกระจุกตัวอยู่ในอาณาจักรเกลียวสวรรค์ แล้วพวกเขาจะไม่เป็นองค์กรที่เจริญรุ่งเรืองได้อย่างไร
ขณะที่พวกเขากำลังเดินทาง หลินจินถามหลี่ซินฉีเกี่ยวกับภูมิหลังของเธอ และแน่นอนว่าเธอไม่ได้มาจากอาณาจักรเกลียวสวรรค์เช่นกัน แต่เธอมาจากประเทศกลางในทวีปยูไนเต็ด จินถัง
นอกจากนี้ หลี่ซินฉีไม่ใช่คนทั่วไป แต่เป็นลูกหลานของราชวงศ์
เห็นได้ชัดว่ามีเพียงขุนนางและราชวงศ์เท่านั้นที่สามารถเข้าเรียนที่สถาบันเกลียวสวรรค์ได้
“ข้าได้ยินมาจากตันหลินว่าท่านสามารถประเมินสัตว์เลี้ยงได้ร้อยตัวในหนึ่งวัน มันจริงหรือไม่?”
“ตันหลินยังกล่าวถึงว่าท่านช่างเหลือเชื่อจริง ๆ ใช่ เธอยังแสดงสำเนารายงานการประเมินของท่านให้ข้าดูด้วย และมันน่าทึ่งมาก”
"และก็…"
หลี่ซินฉีพูดไม่หยุดในระหว่างที่พวกเขาเดินไปที่ศาลาประเมินอสูร
ในที่สุด เมื่อพวกเขามาถึงศาลาประเมินอสูร หลินจินรำพึงในใจว่าในที่สุดเขาก็ได้พักหูซะที ตอนแรกเขาคิดว่าเธอเป็นคนเงียบ ๆ และขยันเรียน แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่า เธอจะเป็นคนช่างพูดช่างคุยจนน้ำไหลไฟดับอย่างนี้