เจ้าหน้าที่หมายเลข 69 [ฟรี]
ตอนที่ 69
ความประหลาดใจของนิค ฟิวรี่ และ ภารกิจใหม่!
[**ชี้แจ้ง : หลังจากนี้จะแทนชารอน คาร์เตอร์ เป็น ชารอน ไปเลยนะครับ**]
ถึงแม้ว่าลีออนจะไม่เคยขาดผู้หญิงรอบตัวของเขา แต่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนเหมือนกับคนอื่นเขา
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องไปบ้านของพ่อแม่แฟนเลย . . .
ดังนั้นประสบการณ์การมาบ้านพ่อแม่ของชารอนและเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของเธอจึงเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่สำหรับเขา
ครอบครัวและญาติของชาอรนก็ใจดีกับเขามากเช่นกัน
ทำให้บางครั้งเขามีความรู้สึกไม่ค่อยชินกับบรรยากาศแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้น ‘ลุงของชารอน’ และ ‘ป้าของชารอน’ ก็เข้ามาคุยกับเขาเพื่อให้ผ่อนคลาย
ซึ่งลีออนก็ตอบกลับพวกเขาด้วยรอยยิ้มทีละคน
เพราะถึงอย่างไรแล้วนี่ก็เป็นวันเกิดของเพ็กกี้ คาร์เตอร์ ในฐานะคนนอกเขาไม่ควรแสดงท่าทางเหย่อหยิ่งหรือไม่ให้เกียรติออกมา
ดังนั้นหลังจากตามชารอนไปทักทายคนนู้นคนนี้จนทั่วลีออนก็ใช้ชารอนให้เป็นประโยชน์โดยการส่งเธอไปอยู่พูดคุยกับแม่ของเธอ ส่วนเขาก็เดินไปหยิบไวน์มาแก้วหนึ่งและเดินออกมาจากวิลล่ามาที่สนามหญ้าด้านนอกเพื่อผ่อนคลาย
สภาพอากาศในอังกฤษมักดูมืดครึ้มอยู่เสมอ
ซึ่งวันนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น
ถึงแม้ว่าช่วงเวลายามเย็นจะยังไม่มาถึงแต่ท้องฟ้าในตอนนี้ก็เริ่มถูกปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆสีดำ อากาศเริ่มเต็มไปด้วยความชื่นและดูเหมือนว่าฝนจะตกลงมาในเร็ว ๆ นี้
เมื่อเห็นสนามหญ้าที่ไร้ผู้คนและท้องฟ้าที่อึ้มครึ้ม ลีออนก็ถอนหายใจเล็กน้อยและบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ว่า "คนอะไรจะดวงซวยขนาดนี้ . . . "
ในขณะที่กำลังจะหันหลังกลับเพื่อกลับไปที่วิลล่า ทันใดนั้นหูของลีออนก็ขยับเล็กน้อยพร้อมกับเสียงเฝ้าเท้าที่ดูมั่นคงที่ดังมาจากทางด้านหลังของเขา
มีคนมา!
ก่อนที่ลีออนจะได้หันหลังกลับไปมองเขาก็ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายดังขึ้นมาว่า "ฉันไม่เห็นรู้เลยว่านายกับชารอนเป็นแฟนกัน . . . "
เมื่อได้ยินเสียงนี้ลีออนก็ตกใจเล็กน้อยพร้อมกับมุมปากที่เริ่มปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาและค่อย ๆ หันหลังกลับมาอย่างช้า ๆ พูดกับชายที่สวมชุดสูทสีดำและเสื้อโค้ทที่ทำหน้าบูดบึ้งตลอดทั้งปีว่า "ฮ่าฮ่าฮ่า . . . ทุกคนยอมมีความลับของตัวเอง . . . "
"คุณคิดเหมือนกับผมไหมครับ? หัวหน้า!"
ตาเดียว เสื้อโค้ทสีดำ หัวล้านสะท้อนแสงระยิบระยับ และผิวสีดำที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ใช่แล้ว! ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาก็คือบอสใหญ่ของลีออน นิค ฟิวรี่
เมื่อได้ยินคำพูดของลีออนที่มีความหมายแฝง ฟิวรี่ก็จีบไวน์ในแก้วเล็กน้อยพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น ก่อนที่จะพยักหน้าและพูดว่า "อืม ... คำพูดของนายมันก็ถูก"
ลีออนกางมือด้วยรอยยิ้ม "นอกจากผมก็ไม่มีอะไรจะต้องปิดบังอยู่แล้ว"
"แน่นอนว่าฉันรู้ดี เพราะนายมีอะไรบางอย่างที่คล้ายกับโคลสันมาก . . . " ฟิวรี่เดินถือแก้วไวน์ไปนั่งที่ม้านั่งข้าง ๆ
"นั่งสิ"
เมื่อเห็นว่าฟิวรี่ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างพูดกับเขา ลีออนก็เดินมานั่งลงข้าง ๆ ของฟิวรี่
"ว่าแต่หัวหน้ามาเข้ามาที่งานเลี้ยงตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมเมื่อกี้ผมถึงไม่เห็นคุณเลย . . . "
"ฉันเพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน เพราะมันยากมากที่จะปฏิเสธคำเชิญจากสหายเก่า"
พวกเขาทั้งสองคนนั่งคุยกันเรื่อยเปื่อย และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องงาน
อันที่จริงแล้วถึงแม้ว่าฟิวรี่จะคอยจับตาดูลีออนมาหลายปีก่อนที่เขาจะเข้าร่วมชีลด์ และหลังจากที่เข้าร่วมชีลด์ก็ยังคอยจับตาดูอยู่ตลอด
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รู้จักอะไรเกี่ยวกับชายหนุ่มวัยยี่สิบต้น ๆ คนนี้เลย
ตอนแรกเขาได้หมอบหมายให้นาตาชาเป็นคู่หูของลีออน เพราะเขาต้องการให้นาตาชาจับตาดูลีออน และให้ลีออนจับตาดูนาตาชาเช่นกัน
แน่นอนว่าการทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่ไว้ใจลีออนหรือสงสัยในตัวของลีออน
เพราะด้วยการรับรองจากโคลสันฟิวรี่เชื่อว่าลีออนไม่ใช่คนโง่ที่จะทรยศชีลด์และแปรพักตร์ไปอยู่ฝ่ายอื่น
เพียงแต่ว่าเขาเริ่มสนใจในความสามารถของลีออน
ด้วยการรายงานภารกิจของแบล็ควิโดว์ที่ได้ทำร่วมกับลีออนทำให้เขารู้ว่าลีออนเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีศักยภาพเหมาะสำหรับการฝึกฝน และเขาได้ยังได้รับการรายงานจากโคลสันอีกว่าลีออนได้แนะนำ ‘คนที่มีพลังพิเศษ’ ให้เข้าร่วมกับชีลด์
เรื่องคนที่มีพลังพิเศษนี้มันค่อนข้างทำให้เขาประหลาดใจมากเลยทีเดียว
แม้แต่เขาที่มีความลับมากมายยังอดรู้สึกโลภไม่ได้ที่จะพาชายคนนี้ที่มีความสามารถผิวหนังคงกระพันให้เข้าร่วมชีลด์ทันที
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกสนใจไม่แพ้ไปกว่าคนที่มีพลังวิเศษคนนี้ก็คือทักษะการยิงธนูอันน่าทึ่งของลีออน!
นักแม่นธนูคนสุดท้ายที่ทำให้เขาประหลาดใจมากที่สุดก็คือตอนที่ได้พบกับ คลินท์ บาร์ตัน ครั้งแรกเมื่อสิบปีที่แล้ว . . .
ลีออนดูเหมือนจะได้เรียนรู้ทักษะการยิงธนูอันสมบูรณ์แบบมาจากบาร์ตันในชั่วข้ามคืน และด้วยเหตุนี้เองลีออนจึงกลายเป็นนักแม่นธนูที่ไม่น้อยหน้าไปกว่าฮอว์กอาย
ซึ่งสิ่งที่ฟิวรี่ไม่รู้ก็คือลีออนมีทักษะการยิงธนูแบบนี้อยู่แล้ว แต่พยายามปิดซ่อนมันเอาไว้ หรือเป็นเพราะความสามารถในการเรียนรู้ระดับปีศาจของลีออนที่สามารถเรียนรู้ทักษะการยิงธนูของฮอว์กอายได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ
เรื่องนี้เขายังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัด
อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่าลีออนจะต้องมีความลับบางอย่างที่ปิดบังมันจากทุกคนรวมถึงโคลสันด้วยเช่นกัน!
อย่างไรก็ตามการที่เขามาที่นี่ไม่ใช่มาล้วงความลับของลีออน แต่เป็นเพราะเขามีงานบางอย่างให้ลีออนทำ . . .
ในขณะที่นั่งกันอย่างเงียบ ๆ ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงโดยไม่รู้ตัว
ตอนนี้ลีออนเริ่มสงสัยขึ้นมาเล็กน้อยแล้วว่าฟิวรี่หลับไปแล้วหรือเปล่าถึงได้เงียบขนาดนี้? จนกระทั่งในที่สุดเขาก็ได้ยินเสียงของฟิวรี่ดังขึ้นมาอีกครั้งว่า "ฉันมาที่นี่วันนี้นอกจากมาหาเพ็กกี้แล้ว ฉันยังมีภารกิจบางอย่างให้นายทำ"
"ครับ?!" ลีออนตอนขึ้นมาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
ฟิวรี่หยิบกระดาษออกมาจากเสื้อโค้ทสีดำส่งให้กับลีออน "จำภารกิจที่ฉันให้นายไปคัดลอกไฟล์ที่ปารีสได้ไหม?"
ลีออนเหลือบมองไปที่หัวกระดาษที่เขียนเอาไว้ว่า ‘XR75’ เป็นตัวภาษาอังกฤษตัวหนาขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนและตอบขึ้นมาว่า "จำได้ครับ"
"ลองอ่านดู นี่คือภารกิจของนายในครั้งนี้"
หลังจากได้รับอนุญาตลีออนก็เปิดเอกสารอ่านอย่างรวดเร็ว
เนื้อหาของเอกสารตรงหน้านี้เริ่มทำให้คิ้วของลีออนขมวดขึ้นเรื่อย ๆ
เนื้อหาภายในเอกสารคือโครงการวิจัยที่ถูกเรียกว่า ‘XR75’ เป็นโครงการของบริษัทร็อกซอน เอนเนอร์จี ที่คัดเลือกทหารผ่านศึกที่พิการมาทำการทดลองให้กลายเป็นมนุษย์ไซบอร์ก
ในเอกสารมีการกล่าวถึงกระบวนการวิจัยซึ่งดำเนินการไปอย่างราบรื่นมาก และน่าจะมีผลิตภัณฑ์ทดลองชิ้นแรกปรากฏออกมาให้เห็นในไม่ช้า . . .
"จากการสอบสวน เราเชื่อว่าบริษัทร็อกซอนกำลังใช้โครงการทดลองมนุษย์ไซบอร์กนี้เพื่อสร้างทหารรับจ้างไซบอร์กจำนวนมากขึ้นมาเพื่อส่งเข้าร่วมกับสงครามของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก"
ในขณะที่พูดดวงตาที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวของฟิวรี่ก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าที่มืดครึ้มพร้อมกับน้ำเสียงที่เริ่มเปลี่ยนเป็นเย็นชา "ทหารไซบอร์กจำนวนมากพวกนี้จะถูกจับโยนเข้าสู่สนามรบในตะวันออกกลาง ซึ่งความเสียหายที่จะเกิดขึ้นนายสามารถจินตนาการมันได้ด้วยตาตัวเอง"
ลีออนขมวดคิ้วเล็กน้อย และถามขึ้นมาว่า "ในเมื่อเรารู้แผนการของพวกเขาล่วงหน้า เราก็สามารถหยุดพวกเขาและป้องกันไม่ให้เขาทำวิจัยต่อไปได้ไม่ใช่หรอครับ?"
"น่าเสียดายถึงแม้ว่าเราจะรู้แผนการของพวกเขา แต่เราก็ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหยุดแผนการของพวกเขาโดยหวังพึ่งรัฐบาล"
"เพราะไม่ว่าจะเป็นการวิจัยและธุรกิจทั้งหมดของบริษัทล้วน ‘ถูกกฎหมาย’ และชีลด์ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งกับพวกเขาได้ . . . "
เมื่อพูดคำว่า ‘ถูกกฎหมาย’ ฟิวรี่ก็อดยิ้มขึ้นมาอย่างประชดประชันไม่ได้ . . .
โปรดติดตามตอนต่อไป …