ตอนที่แล้วบทที่ 639 ภูเขาแสนลูก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 641 เลือดที่ปลายลิ้น

บทที่ 640 ค่ำคืนอันเงียบสงบ(ฟรี)


บทที่ 640 ค่ำคืนอันเงียบสงบ(ฟรี)

เทือกเขาหมื่นพันลี้หาใช่ดินแดนรกร้างว่างเปล่าอย่างที่ใครเขาว่ากัน หากแต่เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนน้อยใหญ่ เกาะเกี่ยว โอบล้อมกันเป็นแนวยาวสุดลูกหูลูกตา ภูเขานี้มิได้มีเพียงสัตว์ป่า หากแต่ยังมีผู้คนอาศัยอยู่มากมาย

ซูโม่ได้รู้เรื่องราวเหล่านี้จากบันทึกพงศาวดาร บันทึกเล่าว่า เคยมีปรมาจารย์จากสำนักเหมาซานเดินทางมาที่เทือกเขาหมื่นพันลี้แห่งนี้ และพบว่า ผู้คนในที่แห่งนี้ยังคงดำรงชีวิตแบบชนเผ่า สืบเชื้อสายมาจาก ชีโหยว พวกเขานับถือภูตผี และนิยมใช้คุณไสย

แม้ว่าในดินแดนแถบกลาง วิชาคุณไสยจะถูกสำนักเซียนตราหน้าว่าเป็นวิชาต่ำช้า ไม่อาจบรรลุสู่หนทางแห่งเต๋า ยากที่จะฝึกฝนบำเพ็ญเพียรจนบรรลุขั้นเซียน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า วิชาอาคมขั้นพื้นนั้นล้วนแปลกประหลาด มหัศจรรย์ ยากจะหาสิ่งใดเทียบ

ขณะที่กำลังอ่านบันทึกอย่างใจจดใจจ่อ ม้าขาวของเขาก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ซูโม่จึงวางหนังสือลง กวาดสายตาไปมองรอบๆ ก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่า บริเวณเชิงเขาด้านหน้า ปรากฏกระท่อมไม้ไผ่มุงหลังคาอย่างง่ายๆ ตั้งอยู่ ควันสีขาวลอยกรุ่นออกมาจากกระท่อม บริเวณด้านหน้ามีหญิงวัยกลางร่างท้วมคนหนึ่ง กำลังยืนเช็ดโต๊ะเช็ดเก้าอี้ สายตาของนางจ้องมองมาที่ซูโม่ โดยเฉพาะม้าขาวที่เขาขี่มา

"ท่านอาจารย์น้อย"

นางเอ่ยปากถามเสียงแผ่ว น้ำเสียงนั้นแปลกหู

ซูโม่เดินเข้าไปใกล้ กระโดดลงจากหลังม้า ประสานมือคำนับ "สวัสดีขอรับ"

"โอ้โห หน้าตาหล่อเหลาไม่เบาเลยนะ" หญิงวัยกลางร้องออกมาด้วยน้ำเสียงชื่นชม ก่อนจะมองไปยังท้องฟ้าที่ใกล้จะมืดค่ำแล้วเอ่ยถาม " ท่านอาจารย์น้อยนี่ จะเข้าไปในเขางั้นหรือ"

"ขอรับ" ซูโม่ถาม "คุณป้า พอจะรู้เรื่องราวในเขานี้บ้างไหม"

"ไม่ค่อยรู้หรอก"

หญิงวัยกลางส่ายหน้า "ป้ากับสามีก็แค่มาเปิดร้านอาหารเล็กๆตรงนี้ คอยให้คนเดินทางผ่านไปผ่านมากินอยู่พักค้าง ไม่เคยเข้าไปในเขาหรอก"

"แต่นะ แถวนี้จะมีพ่อค้าเดินทางผ่านมาบ่อยๆ ถ้าท่านอาจารย์เพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก ก็พักที่นี่สักคืน รอไปกับพวกพ่อค้าก็ได้ พวกนั้นรู้ทางดี ปลอดภัยกว่าเยอะ"

ในเขาแห่งนี้มีของล้ำค่ามากมาย ไม่ต้องพูดถึงหนังสัตว์ แค่พวกสมุนไพรแปลกๆที่พวกชนเผ่าเอามาขาย ก็เพียงพอที่จะทำให้พ่อค้าพากันหลั่งไหลเข้ามา แน่นอน พวกพ่อค้ามักจะใช้เส้นทางเดิมๆ ที่สะดวกและปลอดภัย ต่างจากซูโม่ที่เดินทางเรื่อยเปื่อย จนได้มาพบกับทหารผ่านศึกในเมืองชายแดนแห่งนั้น

ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ก็ปรากฏร่างชายร่างท้วม หน้าตาซื่อๆ เดินออกมาจากกระท่อม

"ยืนโง่อยู่ทำไม" หญิงวัยกลางหันไปดุเสียงแข็ง "ไม่เห็นหรือไงว่ามีแขกมา"

"ครับๆ" ชายร่างท้วมรับคำ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในกระท่อมอีกครั้ง

"เชิญท่านอาจารย์นั่งพักก่อนเถอะ เเดี๋ยวป้าไปเตรียมน้ำชาและห้องพักให้นะ ในเขาน่ะสัตว์ร้ายเยอะ ท่านเดินทางคนเดียวแบบนี้ อันตรายนัก พรุ่งนี้มีพ่อค้าจะเดินทางผ่านมา พักที่นี่ก่อนดีกว่า"

ซูมอดยิ้มออกมา ไม่ได้ปฏิเสธ จึงเดินไปนั่งที่โต๊ะ ทว่า ก้นยังไม่ทันจะแตะเก้าอี้ดี ก็มีเสียงฝีเท้าม้าดังมาแต่ไกล

เขาและหญิงวัยกลางหันไปมองพร้อมกัน ก็เห็นกลุ่มคนขี่ม้าปรากฏขึ้นบนเส้นทาง

ม้าทั้งหมด 7 ตัวบนหลังม้า 5 ตัวแรก เป็นชายฉกรรจ์ อีกตัวเป็นหญิงวัยกลาง และอีกตัวเป็นหญิงสาววัย 17-18 ปี ซ้อนท้ายกันมา

ม้าของหญิงสาวทั้งสองหยุดลงหน้ากระท่อม เด็กสาวทั้งสองกระโดดลงมา

"คุณหนู!" ชายฉกรรจ์คนหนึ่งขมวดคิ้ว "รีบขึ้นม้าเถอะ ข้างหน้าคือเทือกเขาหมื่นพันลี้ ถ้าเข้าไปในนั้นได้ พวกเราก็ปลอดภัยแล้ว!"

"ไม่ไปแล้ว!"

หญิงสาวชุดขาวร้องไห้น้ำตาไหลพราก "พวกท่านให้ข้าขี่ม้ามาหลายวัน ไม่หยุดไม่พัก ขาของข้าถลอกหมดแล้ว! ตอนนี้ทั้งเหนื่อยทั้งหิว ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น!"

ส่วนหญิงสาวชุดเขียวก็นั่งลงบนเก้าอี้ ไม่ยอมลุกไปไหน

"แต่ว่า..." ชายฉกรรจ์ยังจะพูด

หญิงวัยกลางก็กระโดดลงจากหลังม้า ส่ายหน้าพลางถอนหายใจ "นายทหารเฉิน พักตรงนี้ก่อนเถอะ"

"พวกเราวิ่งหนีมาหลายวันแล้ว ตอนนี้ก็ออกจากเขตดินแดนภาคกลางแล้ว อีกอย่างช่วงนี้ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกนั้นคงตามมาไม่ทันหรอก"

"ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้ใกล้จะมืดแล้ว กลางคืนในหุบเขานี้ อันตรายมาก"

"ก็ได้" ชายฉกรรจ์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พยักหน้า "งั้นพักที่นี่หนึ่งคืน พรุ่งนี้เช้าค่อยออกเดินทางต่อ!"

เด็กสาวทั้งสองรีบพยักหน้าเห็นด้วย

ส่วนชายฉกรรจ์ก็โบกมือ ลูกน้องอีกสี่คนที่อยู่ด้านหลังก็กระโดดลงจากหลังม้าเช่นกัน

หญิงสาวชุดขาวยังคงใจร้อน ร้องถามขึ้น "ป้าคะ ขอน้ำดื่มหน่อยได้ไหมคะ? ถ้ามีซาลาเปาด้วยก็จะดีมากเลย พวกเราจะจ่ายเงินให้!"

"มีๆๆ!" หญิงร่างท้วมรีบวิ่งเข้ามา "ที่นี่เปิดเป็นโรงเตี๊ยม มีอาหารและที่พักพร้อม"

ได้ยินดังนั้น ทุกคนต่างมองหน้ากัน เห็นแววตาดีใจของกันและกัน

ในตอนนั้นเอง ชายร่างท้วมก็เดินออกมา มือถือซึ้งนึ่งซาลาเปาวางลงบนโต๊ะตรงหน้าซูโม่ "ท่านอาจารย์น้อย เชิญรับประทาน"

ทุกคนหันไปมองโต๊ะของซูโม่พร้อมกัน เสียงกลืนน้ำลายดังอย่างชัดเจน

ซูโม่ยิ้มให้ชายร่างท้วม หยิบตะเกียบขึ้นเตรียมจะกิน แต่เพิ่งจะคีบซาลาเปาขึ้นมา จมูกเขาก็ได้กลิ่นบางอย่าง "ซาลาเปานี่ ไส้อะไร?"

"ไส้หมู" ชายร่างท้วมเกาหัว ยิ้มอย่างซื่อๆ "นายพรานจากหมู่บ้านในเขานำมาขาย ท่านวางใจได้ ล้างสะอาดแล้ว"

"ไส้หมู?"

ซูโม่พึมพำเบาๆ วางซาลาเปาลง ทำความเคารพชายร่างท้วม "ผมเป็นนักพรต ไม่กินเนื้อสัตว์ รบกวนขอเป็นอาหารเจได้หรือไม่?"

ชายร่างท้วมยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยความลำบากใจ

ส่วนหญิงร่างท้วมเดินเข้ามา "ยืนเซ่ออยู่ทำไม? รีบไปเปลี่ยนสิ ในครัวไม่ใช่ว่ายังมีหมั่นโถวอยู่อีกเหรอ!"

"ขออภัย" ซูโม่พยักหน้าเล็กน้อย

"เขาไม่กิน พวกเรากิน!" หญิงสาวชุดขาวอดรนทนไม่ไหว พูดขึ้นมาในที่สุด

"นี่..." หญิงร่างท้วมลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยกซึ้งซาลาเปาไปให้

ซูโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ชายฉกรรจ์เหล่านั้นต่างจ้องมองเขาด้วยสายตาหวาดระแวง เขาจึงส่ายหน้า ไม่ได้พูดอะไรออกมา

เห็นซาลาเปามาอยู่ตรงหน้า เด็กสาวถึงกับไม่หยิบตะเกียบ กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบ ชายฉกรรจ์ที่อยู่ด้านหลังก็คว้าซาลาเปาไปก่อน

เขาแบ่งซาลาเปาออกเป็นสองส่วน ยื่นครึ่งหนึ่งให้หญิงร่างท้วม "กิน!"

หญิงร่างท้วมไม่ได้ลังเล ดูเหมือนจะเจอเหตุการณ์แบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน รับซาลาเปาครึ่งลูกมากินต่อหน้าต่อตา

ชายฉกรรจ์เหล่านั้นมองหน้ากัน แววตาหวาดระแวงค่อยๆ ลดลง

หลังจากกินข้าวเสร็จ ก็ถึงคราวลำบากใจเรื่องการจัดห้องพัก

โรงเตี๊ยมไม้ไผ่นี้ไม่ได้ใหญ่โต มีห้องพักเพียงสามห้อง

ชายฉกรรจ์มองไปที่ซูโม่ "ท่านอาจารย์น้อย รบกวนท่าน..."

ระหว่างที่พูด เขาแอบเปิดเสื้อคลุมออกเล็กน้อย เผยให้เห็นด้ามปืนสีดำ

นี่เป็นการข่มขู่ชัดๆ !

แต่หญิงร่างท้วมรีบเดินเข้ามา จ้องมองชายฉกรรจ์อย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันไปคำนับซูโม่ "ขออภัย พวกเราเสียมารยาทเอง!"

"ท่านอาจารย์น้อยมาถึงก่อน เชิญท่านเลือกห้องพักก่อนเลย"

ซูโม่มองหญิงร่างท้วมด้วยสายตาประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะล้วงเข้าไปในแขนเสื้อหยิบยันต์ออกมาแผ่นหนึ่ง "ผมดูแล้ว ท่านอาจจะประสบเคราะห์ร้ายมีเลือดตกยางออก ยันต์นี้สามารถคุ้มครองท่านได้ พกติดตัวไว้ อาจช่วยให้รอดพ้นจากเคราะห์กรรมครั้งนี้"

พูดจบก็ไม่รอให้หญิงร่างท้วมได้ตอบโต้ ผลักประตูห้องด้านซ้ายสุดเข้าไป

ยันต์แผ่นนั้นไม่ได้มีอานุภาพมากมาย เพียงแค่สามารถปัดเป่าภัยอันตรายเล็กๆ น้อยๆ ได้ครั้งหนึ่งเท่านั้น

ที่จริงแล้ว ซูโม่รู้สึกว่าหญิงร่างท้วมผู้นี้มีท่าทีอ่อนโยนและมีบุญกุศลติดตัวอยู่บ้าง จึงหยิบยื่นความช่วยเหลือให้เล็กน้อย

ไม่นานค่ำคืนก็มาเยือน

ทันใดนั้น บรรยากาศภายในโรงเตี๊ยมก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมจางๆ ของไม้จันทน์

ซูโม่ที่นั่งสมาธิอยู่ลืมตาขึ้นทันที มองไปยังประตูห้อง

ดูท่าจะเริ่มลงมือแล้วสินะ!

หญิงร่างท้วมกับเด็กสาวสองคนนอนห้องเดียว ส่วนชายฉกรรจ์อีกห้าคนนอนรวมกันอีกห้อง

แต่ทั้งแปดคนไม่ทันได้รู้ตัว เมื่อได้กลิ่นไม้จันทน์ก็ผล็อยหลับไป

เห็นได้ชัดว่าในซาลาเปาถูกผสมอะไรบางอย่าง แต่สิ่งนั้นไม่มีพิษ เพียงแต่ช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น

ส่วนกลิ่นไม้จันทน์นี้ต่างหากที่เป็นตัวสำคัญ มันสามารถทำปฏิกิริยากับยาในซาลาเปา ทำให้คนพวกนี้หลับเป็นตาย!

"หมูอ้วนมาอีกแล้ว"

ร่างของหญิงร่างท้วมปรากฏขึ้นในความมืด เจ้ามองประตูทั้งสามบานที่ปิดสนิทพลางหัวเราะเย็นชา "ไปจัดการพวกนั้นก่อน ส่วนนักพรตหนุ่มดูท่าจะไม่มีแรงแม้แต่จะผูกไก่ ไม่น่าจะเป็นภัย ค่อยจัดการทีหลัง"

ชายร่างท้วมพยักหน้า ใบหน้าที่ดูซื่อๆ ในตอนกลางวันแปรเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยม

ในมือของเขาถือมีดแล่หมู เดินตรงไปที่ห้องกลาง ผลักประตูเข้าไปเบาๆ

ภายในห้อง เด็กสาวสองคนกับหญิงวัยกลางคนกำลังนอนหลับสนิท ดวงตาของชายร่างท้วมเผยความหื่นกระหายออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

เพี๊ยะ!

ทว่าหญิงร่างท้วมกลับตบเข้าที่หลังศีรษะของเขาอย่างแรง พร้อมกับต่อว่า "ทำงานได้แล้ว!"

แววตาของชายร่างท้วมฉายแววเคียดแค้น

แต่เขาก็ยังคงเดินเข้าไปอย่างว่าง่าย ยกมีดแล่หมูขึ้นสูง ฟันลงไปที่ลำคอของหญิงวัยกลางคน

ฉับ!

เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

แสงสีทองสว่างวาบขึ้น สะท้อนมีดเล่มนั้นกระเด็นออกไป

ยันต์สีทองลอยขึ้น เปล่งประกายระยิบระยับอยู่กลางอากาศ ขณะเดียวกัน กลิ่นไม้จันทน์ที่ลอยอยู่ในอากาศก็ถูกพลังของยันต์สลายไป

ส่วนหญิงวัยกลางคนกับเด็กสาวทั้งสองก็ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น

"แย่แล้ว!" หญิงร่างท้วมคำรามเสียงต่ำ กำลังจะก้มลงไปหยิบมีดแล่หมูเพื่อฆ่าปิดปาก แต่ประตูห้องก็ถูกถีบเปิดออก

ชายฉกรรจ์ห้าคนถือปืนเดินเข้ามา พอดีกับที่เห็นหญิงร่างท้วมถือมีดอยู่ในมือ

ปัง! ปัง!

เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว ร่างของคนทั้งสองล้มลงจมกองเลือดในชั่วพริบตา

"นายหญิง คุณหนูทั้งสอง ท่านปลอดภัยดีหรือไม่" หัวหน้าองครักษ์รุดหน้าเข้ามา ใบหน้าฉายแววกังวล

"......ปลอดภัยดี!"

หญิงร่างท้วมยังคงตื่นตระหนก เผยสีหน้าหวาดผวา มือทาบลงบนอกอย่างแรง สายตากวาดมองไปโดยรอบ จนไปสะดุดเข้ากับผงยันต์ที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้น

"ท่านนักพรตน้อย...............ใช่แล้ว ท่านนักพรตน้อยผู้นั้น!"

ณ กระท่อมหลังคาใบไผ่อีกหลังหนึ่ง ซึ่งเดิมทีเป็นห้องครัว

ซูโม่ขมวดคิ้วแน่น ยืนอยู่ภายในห้อง

ศพ!

รอบตัวเขาล้วนเต็มไปด้วยซากศพ นับคร่าวๆ ไม่ต่ำกว่าสิบศพ!

และศพเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีสภาพไม่สมบูรณ์ บนเขียงยังมีเนื้อบดละเอียดกองอยู่ ข้างๆ กันมีแป้งสาลีวางอยู่

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ไส้ในซาลาเปาเหล่านั้นแท้จริงแล้วก็คือ.....

ดูท่าว่าจะมีพ่อค้าผ่านมาที่นี่จริงๆ เพียงแต่พ่อค้าเหล่านั้นได้กลายเป็นไส้ซาลาเปาไปเสียแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังสังเกตเห็นว่า บนพื้นมีรอยเลือดถูกวาดเป็นรูปจารึกลึกลับ

จารึกนี้เป็นวิชาต้องห้าม ชัดเจนว่ามีไว้เพื่อกักขังวิญญาณและปราณชั่วร้าย

เรียบง่าย แต่ได้ผลดี

ซูโม่สะบัดมือเบาๆ จารึกนั้นก็พลันสลายหายไป วิญญาณกว่าสิบดวงปรากฏขึ้น ณ ตำแหน่งนั้นทันที

ทว่าวิญญาณเหล่านี้ล้วนถูกทรมาน ผนวกกับความแค้นที่สุมอก ทำให้พวกเขากลายเป็นวิญญาณร้าย พุ่งเข้าโจมตีซูโม่ในทันที

ช่างน่าเวทนาจริงๆ

ซูโม่ยกมือขวาขึ้น ตราประทับแห่งเมืองยมโลกแปรเปลี่ยนเป็นวังวน ดูดกลืนวิญญาณร้ายที่พุ่งเข้ามาทั้งหมด

เมื่อ จารึกสลายไป กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ

ขณะที่ซูโม่กำลังจะจากไป และคิดจะเผากระท่อมหลังนี้ทิ้ง เขาก็หันกลับไปมองกระท่อมหลังที่เขาพักอยู่

"คืนนี้ช่างครึกครื้นเสียจริง"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด