ตอนที่แล้วบทที่ 40 ความผิดพลาดครั้งใหญ่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 42 ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น

บทที่ 41 ใช้ดาบราชันย์


"อะไร?" หลงเฉินถามขณะที่เขาหันหน้าไปหาพวกนาง

“นายท่านหลง ตามที่พวกเราได้บอกท่านไปแล้ว ว่าพวกเราเป็นหนี้ พวกเราตระหนักว่าไม่แข็งแกร่งพอที่จะเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรในป่าแห่งนี้ และที่แย่ที่สุด มันอาจมีแต่นำปัญหามาหาตัวเองเท่านั้น” เสวี่ยนกล่าวขณะที่นางจับมือของเหม่ย

“ใช่แล้ว และเนื่องจากนายท่านผู้ยิ่งใหญ่มาจากตระกูลหลง พวกเราขอร้องให้ท่านจ้างพวกเราเป็นหนึ่งในคนรับใช้ตระกูลหลงของท่านได้หรือไม่? แม้ว่าท่านเพิ่งจะช่วยชีวิตของพวกเราเอาไว้ก็ตาม และพวกเราไม่ควรร้องขอความช่วยเหลือใดๆจากท่าน ท่านจะช่วยยอมรับคำขอที่เห็นแก่ตัวของพวกเราข้อหนึ่งได้หรือไม่? พวกเราจะทำงานอย่างขยันขันแข็งและจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง นายท่านหลง” เสวี่ยนและเหม่ยถามพร้อมกันขณะก้มหัวขอร้อง

'อืม พวกนางคงได้ยินมาว่าทั้งสามตระกูลใหญ่ จ่ายเงินจ้างคนรับใช้ของพวกเขาอย่างงดงาม บางทีพวกนางต้องการใช้ความสัมพันธ์ของข้าเพื่อที่พวกนางจะได้ทำงานให้กับตระกูลหลงได้ ข้าเดาว่ามันไม่น่ามีอันตรายอะไรแอบแฝง' หลงเฉินคิดขณะที่เขามองดูหญิงสาวทั้งสองอย่างเงียบๆ

“เอาล่ะ ข้ายอมรับคำขอของพวกเจ้า รถม้าของข้ากำลังจอดอยู่นอกป่า ในบรรดารถม้าสามคันที่พวกเจ้าเห็นนั้น จะมีคันที่อยู่ห่างจากทางเข้ามากที่สุด พวกเจ้าไปรออยู่ที่นั่นจนกว่าข้าจะออกมา” หลงเฉินบอกพวกนางก่อนที่เขาจะมุ่งหน้าต่อ

แต่ก่อนที่เขาจะได้ก้าวเดินออกไป เขาก็พูดอีกครั้ง “แต่ข้าขอเตือนพวกเจ้าก่อน หากพวกเจ้าเปิดเผยเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ในป่าแห่งนี้ หรือเผยแพร่ข่าวลือใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ พวกเจ้าควรรับรู้เอาไว้ว่าข้าจะไม่ปล่อยพวกเจ้าสองคนไปแน่นอน แม้ว่าพวกเจ้าจะเป็นผู้หญิงก็ตาม จุดจบของพวกเจ้าก็จะเหมือนกับคนพวกนั้นที่นอนกองอยู่บนพื้น”

วินาทีที่พวกนางทั้งสองได้ยินเสียงของหลงเฉิน ความดีใจของพวกนางก็หยุดลง และช่วยไม่ได้ที่พวกนางจะตัวสั่นด้วยความกลัว เมื่อนึกถึงฉากที่หลงเฉินสังหารคนพวกนี้อย่างไร้ความปราณี

หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็เริ่มเดินไปที่ทางออก

ในขณะเดียวกัน หลงเฉินยังคงเดินหน้าต่อไป ลึกขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งในที่สุดเขาก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง จากนั้นเขาก็ใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขา แล้วเขาก็พบว่ามีสัตว์อสูรระดับจิตวิญญาณขั้นที่ 10 กำลังมุ่งหน้ามาหาเขา มันทำให้เขาตกใจมาก ยิ่งไปกว่านั้น เขาอยู่ห่างจากมันเพียงแค่ 100 เมตรเท่านั้น และไม่มีใครอยู่บริเวณนั้น นอกจากสัตว์อสูรตัวนั้น

“ปีกปีศาจสวรรค์!” หลงเฉินใช้ปีกของเขาและบินขึ้นไปนั่งอยู่บนกิ่งไม้สูงของต้นไม้ใกล้เคียง

ภายในไม่กี่วินาที สัตว์อสูรตัวนั้นก็มาถึงจุดที่เขายืนเมื่อครู่ และเริ่มกวาดสายตามองไปรอบๆ

'พยัคฆ์ทมิฬเจ็ดสี! งานนี้ท่าจะยาก! นี่คือสัตว์อสูรระดับสูงสุดที่มีพลังโจมตีและพลังป้องกันสูงสุด อีกทั้งความเร็วของมันยังเหนือกว่าของข้าด้วยซ้ำ ข้าควรที่จะสู้กับมันหรือไม่? ถ้าข้าสู้ ข้าจะต้องหาโอกาสที่เหมาะสมที่สุด" หลงเฉินคิดในใจ

'ข้าได้ต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับจิตวิญญาณขั้นที่ 10 ในค่ายกลของหอสมบัติ ดังนั้น ข้าเลยรู้ว่าดาบทลายภูผาจะไม่สามารถต่อกรกับสัตว์อสูรในระดับนี้ได้ ข้าคิดว่าในที่สุดมันก็ถึงเวลาที่จะต้องใช้สิ่งนั้นแล้ว ข้าหวังว่ามันจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง'

ในที่สุด หลงเฉินก็ตัดสินใจเลิกใช้ดาบที่เขาใช้มาจนถึงตอนนี้

“มาดูกันว่าชื่อของเจ้าจะสมกับชื่อของเจ้าหรือไม่ ดาบราชันย์” หลงเฉินพึมพำกับตัวเอง ขณะที่เขาหยิบดาบราชันย์ออกมาจากแหวนมิติของเขา จนถึงตอนนี้เขายังไม่เคยใช้ดาบเล่มนี้สักครั้ง เพราะเขายังไม่พบคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งพอที่เขาจะต้องใช้ดาบเล่มนี้

ทันทีที่ดาบราชันย์ปรากฏ กลิ่นอายของดาบที่แข็งแกร่งก็แพร่กระจายไปในชั้นบรรยากาศอย่างรวดเร็ว มันเหมือนกับว่าราชาแห่งดาบได้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นแล้ว แม้แต่พยัคฆ์ทมิฬเจ็ดสีก็ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายนี้ และกระตุ้นให้มันมองขึ้นไปบนฟ้า

ทันทีที่มันมองขึ้นไป มันก็เห็นมนุษย์ที่มีดาบในมือกำลังพุ่งเข้ามาหามันด้วยความเร็วที่รวดเร็ว และระยะห่างของทั้งสองคือ? เขาอยู่เหนือมันเลย

ชั้นเกราะป้องกันปรากฏขึ้นรอบๆ ขณะที่พยัคฆ์ทมิฬเจ็ดสีพยายามป้องกันการโจมตี อย่างไรก็ตาม ดาบของหลงเฉินสามารถทำลายเกราะป้องกันของมันได้อย่างง่ายดาย ตามมาด้วยรอยบ่ายาวที่คอของมัน

"โฮกกกก!" พยัคฆ์ทมิฬเจ็ดสีคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่คอของมัน

ในทางกลับกัน หลงเฉินได้ทิ้งระยะห่างระหว่างเขากับมัน

“ดาบศักดิ์สิทธิ์เจ็ดกระบวนท่า – กระบวนท่าที่สี่ ความอ้างว้าง!”

โดยไม่ให้โอกาสสัตว์อสูรได้ตอบโต้ หลงเฉินโจมตีพยัคฆ์ทมิฬเจ็ดสีด้วยทักษะต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา

ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีนับตั้งแต่การโจมตีครั้งแรก หัวของพยัคฆ์ทมิฬเจ็ดสีก็ถูกสะบั้น และตกลงบนพื้น แล้วนอนแน่นิ่งอยู่เบื้องหน้าหลงเฉิน

'เมื่อเทียบกับการทดสอบด่านที่ 5 ของค่ายกลในหอสมบัติ การต่อสู้ครั้งนี้สะดวกสบายกว่ามาก' หลงเฉินคิดในใจ

“เพียงแค่ไม่กี่วันในป่าแห่งนี้ มันทำให้ข้าเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่อสู้ได้มากขึ้น และทำให้ทุกทักษะของข้าก้าวหน้าขึ้น อีกทั้งยังทำให้ข้าเชี่ยวชาญกระบวนท่าที่ 4 ของดาบศักดิ์สิทธิ์เจ็ดกระบวนท่า หลังจากผ่านการต่อสู้มากมาย” หลงเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความพึงพอใจ

“แม้ว่านี่จะเป็นทักษะโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดที่ข้ารู้จัก - มันยังมีบทบาทสำคัญในการพยัคฆ์ทมิฬเจ็ดสีนี้ด้วย - แต่ความดีความชอบส่วนใหญ่ตกเป็นของดาบราชันย์เล่มนี้ ความแข็งแกร่งของมันเกินกว่าที่ข้าคาดเดาไว้ก่อนหน้านี้มาก”

จากนั้นหลงเฉินก็ถอนหายใจ ขณะที่เขากวาดสายตามองปลายดาบจนถึงด้ามจับ

“ในการทดสอบก่อนหน้านี้ที่หอสมบัติ ข้าเกือบจะไม่สามารถเอาชนะสัตว์อสูรระดับจิตวิญญาณขั้นที่ 10 ด้วยดาบของข้าได้ แต่ดาบราชันย์นี้ก็เพียงพอที่จะฆ่ามันได้ อาวุธระดับจิตวิญญาณขั้นสูงสุดทรงพลังอย่างแท้จริง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีผู้คนจำนวนมากปรารถนาที่จะได้ครอบครองมัน” หลงเฉินพึมพำขณะที่เขาหยิบหัวของสัตว์อสูรขึ้นมาและเก็บเข้าไปในแหวนมิติ

หลังจากนั้น หลงเฉินก็ออกเดินทางต่อ จนกระทั่งอีกคืนหนึ่งผ่านไป

'ให้ตายเถอะ ป่าแห่งนี้ใหญ่ขนาดไหนกัน? ข้าเดินมาสองวันกว่าแล้วก็ยังไม่เจอพวกมันเลย ข้าว่าข้าเดินเร็วแล้ว แต่ก็ยังไล่ตามพวกมันไม่ทัน นั่นหมายความว่าพวกมันเดินป่าอย่างรวดเร็วเช่นกัน แต่เพราะอะไร? พวกมันมาที่นี่เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์จริงๆอย่างนั้นรึ หรือมาเพื่อเหตุผลบางอย่างถึงทำให้พวกมันต้องรีบร้อนขนาดนั้น?’ หลงเฉินครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน ขณะที่เขาใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาเพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบ

เมื่อสัมผัสได้ว่าไม่มีใครอยู่ในระยะสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาในรัศมี 200 เมตร เขาเลยใช้ทักษะปีกปีศาจสวรรค์บินขึ้นไปข้างบนเพื่อตั้งเปลญวนของเขา

'ข้ารู้สึกว่าข้าสามารถทะลวงผ่านจุดสูงสุดของระดับก่อจิตวิญญาณขั้นที่ 5 ได้ในคืนนี้' หลงเฉินคิดและหลังจากนั้นเขาก็เริ่มฝึกฝนบ่มเพาะพลังโดยใช้เทคนิคบ่มเพาะพลังไร้นาม

หลงเฉินไม่เคยหยุดฝึกฝนบ่มเพาะพลัง และฝึกฝนอยู่ทุกคืนหลังจากเข้ามาในป่าทมิฬทางตอนเหนือ หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเขาก็ประสบความสำเร็จ เขามาถึงจุดสูงสุดของระดับก่อจิตวิญญาณขั้นที่ 5 แล้ว

“อ้า... ข้ารู้สึกได้ว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมแล้ว อีกเพียงแค่ก้าวเดียวข้าก็จะทะลวงผ่านระดับก่อจิตวิญญาณขั้นที่ 6” หลงเฉินพูดพร้อมกับยิ้ม

หลงเฉินเริ่มฝึกฝนบ่มเพาะพลังต่อไปอีกสักพักก่อนที่จะตัดสินใจหยุด จากนั้นเขาก็นำไข่สัตว์อสูรออกมาจากแหวนมิติ  เขาได้รับไข่ใบนี้มาจากด้านล่างของหน้าผาสวรรค์ แล้วหลังจากนั้นเขาก็เริ่มป้อนพลังปราณของเขาให้กับมัน

หลงเฉินทำเช่นนี้อย่างน้อยวันละครั้ง ด้วยเหตุผลที่เขารู้ว่าการทำเช่นนี้จะช่วยให้ไข่มันฟัก หลังจากที่เขาป้อนพลังปราณให้กับมันเสร็จแล้ว เขาก็จะเก็บไข่กลับเข้าไปในวงแหวนมิติ และตัดสินใจว่ามันถึงเวลานอนของเขาแล้ว

วันรุ่งขึ้น หลงเฉินตัดสินใจที่จะตื่นเช้าและออกเดินทางต่อแต่เช้าตรู่ หลังจากผ่านไปครึ่งวัน ในที่สุดเขาก็พบเบาะแสของหลงชูผ่านสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด