บทที่ 26 การเรียนรู้จะทำให้ข้ามีคุณค่า
บทที่ 26 การเรียนรู้จะทำให้ข้ามีคุณค่า
วันต่อมา โซลเริ่มเรียนรู้อย่างหนักหน่วง
หอพัก เขาอ่านหนังสือ
ชั้นเรียน เขาตั้งใจเรียน
ห้องเก็บศพ เขาทำงานและอ่านหนังสือ
เขาไม่เคยใช้ชีวิตอย่างเต็มที่เช่นนี้มาก่อน
เวลาใครมาถาม เขาก็บอกว่าเตรียมตัวสำหรับการสอบในอีก 3 เดือนข้างหน้า
แม้แต่เคลีก็ยังนิ่งเงียบไม่กล้าที่จะรบกวนเขา
แต่ความพยายามของ โซล กับกลายเป็นการดิ้นรนอย่างสิ้นหวังในสายตาของใครบางคน
ข่าวที่ว่าอาจาร์ยแคซ ให้โซลเพิ่มพลังเวทมนตร์ของเขาให้ถึง 10 จูลก่อนการทดสอบครั้งแรกกระจายออกไป ทุกคนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ บางคนคิดว่าเขาน่าจะทำได้ บางคนก็รู้สึกว่าเขาไม่มีความหวังเลย
ทุกคนที่เคยทำสมาธิรับรู้อยู่แล้วว่าการทำสมาธิเป็นเวลา 1 เดือนนั้นสามารถเพิ่มพลังเวทมนตร์ได้มากเพียงใด
แม้ว่าจะรู้ว่า โซล พยายามมากแค่ไหน แต่จากข้อมูลของ ดยุค เขาไม่มีความหวังเลย
โซลแอบทำการทดสอบ ในภายหลัง และพบว่าพลังเวทมนตร์ของเขาในปัจจุบันนั้นอยู่ที่ 3 จูล ขณะที่เกณฑ์ผ่านอยู่ที่ 10 จูล
กล่าวอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ อาจาร์ยแคซต้องการให้เขาเพิ่มพลังเวทมนตร์ของเขาไปถึงระดับ พ่อมดฝึกหัดหน้าใหม่ระดับ 1 ภายในระยะเวลา 3 เดือน
นี่เป็นบทลงโทษของเขาสำหรับการที่หลบเลี่ยงการทดสอบ
แม้ว่าแคซจะมอบหมายงานให้โซล แต่เขาไม่เคยบอกว่าโซลไม่จำเป็นต้องทำตามข้อกำหนดการเพิ่มพลังเวทมนตร์ของเขา
โซลไม่ต้องการเดินพันว่า อาจาร์ยแคซได้ลดข้อกำหนดของเขาลง เพราะเขามอบหมายงานให้โซล
โดยเฉพาะในตอนนี้ที่ คงชายังคงจับตามองเขาอยู่ และซิดที่เขาไม่รู้ว่าจะกลับมาแก้แค้นเมื่อไหร่เมื่อเขากลับมา
ตอนนี้ โซลนอนเพียงแค่วันละ 2 ชั่วโมง เขาเริ่มรู้สึกว่าเขาพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ของเขาเริ่มลดลงเมื่อเวลาผ่านไป
โชคดีด้วยพลังจิตที่ทรงพลังของเขาทำให้เขาฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่หลังจากนอนหลับไปได้เพียง 4 ชั่วโมง
ในที่สุดเขาก็มีเรี่ยวแรงที่จะเรียนรู้อีกครั้ง
ในวันนี้ เป็นวิชาสัตว์วิเศษ
โซล อ่านหนังสือเกี่ยวกับสัตว์วิเศษทั้งหมดตั้งแต่อยู่ในห้องพักแล้ว แถมเขายังสามารถจดจำข้อมูลบางอย่างที่เขาคิดว่ามีประโยชน์ได้อีกด้วย
เขาเปิดพลิกอ่านหนังสือด้วยความเร็วที่เหนือกว่าในชั้นเรียน
"หือ"
กระดาษพลิกไปหน้าถัดไป
"ภูติผี?"
โซลสะดุ้ง เขาเริ่มอ่านอย่างระมัดระวัง
ในนิยาย หนังสือ และละครทีวี จากโลกก่อน ห้องเก็บศพมักเป็นจุดที่ภูติผีนิยมสิงสู
แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้พบเจออันตรายใดๆ ในห้องเก็บศพ แต่มันก็มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้น
เช่น ตอนที่เขาหั่นแขนศพออกมา จู่ๆ ศพก็พูดว่าเจ็บ
ถ้าร่างของศพไม่ถูกหั่นครึ่งมาก่อน โซล คงจะตามหมอมาช่วยเขาแล้ว
ในตอนนั้น โซล โซลทำให้เพียงเอาผ้าคลุมมาปิดศพเอาไว้
นอกจากนี้ โซลได้ยังอ่านหนังสือ "การเปลี่ยนแปลงร่างกายของพ่อมด" และ "คู่มือกลั่นศพ" ทำให้เขามีสัมผัสที่ไวต่อคำว่า ภูติผีมาก
"ช่วงสุดท้ายของชีวิตโดยทั่วไปแล้วจะแบ่งความตายออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ความตายของกายเนื้อ และ ความตายของจิตวิญญาณ..."
"มีหลายสถานการณ์ที่ความตายของจิตวิญญาณ ถูกควบคุมอย่างสมบูรณ์โดยดวงจิตของเจ้าของร่าง กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่าภูติผี และในส่วนความตายของกายเนื้อ จะเรียกสิ่งนี้ว่าสัตว์ประหลาด.."
"....เมื่อภาชนะหายไปหรือได้รับความเสียหาย ภูติผีเหล่านี้ก็จะหา ภาชนะชั่วคราว สิ่งที่พบได้บ่อย ได้แก่ ตุ๊กตา เสื้อผ้า และซากศพ ฯลฯ"
ตุ๊กตา?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ โซลก็นึกไปถึงหุ่นเชิดที่เคยใช้ทดลองพลังจิต
มีผีอยู่ในร่างเหล่านั้นงั้นหรือ?
สงสัยอยู่ว่าเขายอมมาศึกษาได้หรือไม่
แล้วถังขยะเปลี่ยนสีในห้องทดลอง ของอาจาร์ยแคซ นั้นเป็นผีหรือสัตว์ประหลาดกันแน่
ความกลัวส่วนใหญ่ของเขามาจากความไม่รู้
หลังจากที่โซลได้ศึกษาอยู่หลายวัน เขาก็นึกย้อนกลับไปในคืนนั้นภายในห้องทดลอง ความกลัวของเขากลายเป็นความสงสัย
โซล อ่านบทภูติผีอย่างรวดเร็ว พบว่าเนื้อหาหลายส่วนอธิบายเกี่ยวกับ ประเภทและลักษณะของภูติผี
มันมีศัพท์เฉพาะเยอะมาก
เนื้อหาของมันลึกซึ้งเกินกว่าที่พ่อมดฝึกหัดระดับ 1 จะเข้าใจได้
เคลี ที่อยู่ข้างๆ บังเอิญเห็นความคืบหน้าของโซล
"เจ้าอ่านบทภูติผีจบแล้วงั้นหรือ" นางถามขึ้น ดวงตาของนางเลื่อนไปมาระหว่างโซลและหนังสือ
"ข้าแค่ลองดู" โซลรีบตอบ
เขามองไปยังพ่อมดฝึกหัดระดับ 2 ที่อยู่หน้าห้องเรียน ซึ่งกำลังแนะนำบทเรียนและขอให้พวกเขาศึกษาด้วยตนเอง
เมื่อกวาดตาออกไป ชั้นเรียนดูว่างเปล่ามากขึ้นเรื่อยๆ พ่อมดฝึกหัดหน้าใหม่ไม่รู้ว่าควรทำอะไร
เขายืนขึ้นอย่างเงียบๆ และเก็บข้าวของก่อนจะบอกเคลีว่า "ข้ากลับก่อนนะ"
เคลี ต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ โซล ก็รีบออกไปแล้ว
นางทำหน้ามุ่ยและมองลงไปยังหนังสือ "การเขียนอักษรรูปพื้นฐาน" ที่อยู่ตรงหน้านาง โดยคิดว่านางควรเรียนรู้การเขียนรูนพื้นฐานทั้งหมดซะก่อน
คนที่มีพรสวรรค์ด้านพลังจิตที่ยอดเยี่ยมมักจะเรียนรู้ได้ไว
แม้ว่านางจะรู้ว่า โซล กำลังดิ้นรนเพื่อเพิ่มพลังเวทมนตร์ของเขา แต่มันก็ทำให้เคลีอดที่จะอิจฉาเขาไม่ได้
....
"รุ่นพี่มาร์ค" โซลรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลอง โดยถือหนังสืออยู่ในอ้อมอก
แน่นอนว่า พ่อมดฝึกหัดระดับ 2 ส่วนใหญ่นั้นจะไม่ค่อยเข้าเรียนในชั้นเรียนทั่วไป พวกเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในการสอนเด็กใหม่ส่วนตัวหรือไม่ก็เรียนรู้ด้วยตัวเอง
รุ่นพี่มาร์คถือว่าห้องทดลองนั้นเป็นห้องสำหรับอ่านหนังสือของเขา
โซล ไม่รู้ว่าเขาเคยประสบกับค่ำคืนอันน่าสะพรึงกลัวเหมือนโซลหรือไม่?
"ทำไมเจ้าถึงไม่ไปเรียน?" มาร์ครู้ได้ทันทีว่านั้นเป็นเสียงของใคร เขาจึงลุกขึ้นมาถามด้วยรอยยิ้ม
ต้องรู้ก่อนว่า โซล เป็นพ่อมดฝึกหัดที่ไม่ได้ถูกพากลับมาหลังจากที่อาจาร์ยแคซพาตัวไป เขาคงทำให้อาจาร์ยแคซพึงพอใจไม่มาก็น้อย
ส่วนพ่อมดฝึกหัดหน้าใหม่อย่าง ดยุค และ แองเจล่า นั้นจะมาที่ห้องทดลองในช่วงเพื่อเรียนรู้ด้วยตัวเอง
แม้ว่ามาร์คจะเก็บค่าใช้จ่ายจากทั้ง 2 คนนั้น แต่มาร์คก็ยังจำชื่อพวกเขาไม่ได้
ในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะได้รู้กันว่าพ่อมดฝึกหัดระดับ 1 คนนั้นจะได้เรียนต่อไป ในอีก 1 ปีต่อจากนี้
เขาไม่จำเป็นที่ต้องสานสัมพันธ์กับคนไร้ค่า
สำหรับพ่อมดที่แท้จริง พ่อมดฝึกหัดนั้นถือเป็นทรัพย์สิน
สำหรับพ่อมดฝึกหัดระดับสูง พ่อมดฝึกหัดระดับต่ำไม่ต่างจากข้ารับใช้
มันไม่เกี่ยวอะไรกับชั้นเรียน แต่เป็นเรื่องของการเอาชีวิตรอด
"รุ่นพี่มาร์ค ข้าพบปัญหาบางอย่างตอนที่ข้าผสานอักษรรูนด้วยตัวเอง ข้าจึงอยากขอคำแนะนำจากท่าน"
มาร์คมองดูตารางเรียนของเขาอย่างไม่รู้ตัวและกำหนดวันที่ลงไป
"เจ้า... เรียนการเขียนอักษรรูนพื้นฐานหมดแล้วงั้นหรือ?"
โซลพยักหน้า
มาร์คแตะคางของเขา "เจ้าค่อนข้างเรียนรู้ได้เร็ว หากเจ้าสามารถแก้ปัญหาด้านพลังเวทมนตร์ของเจ้าได้ มันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่เจ้าจะก้าวไปสู่พ่อมดฝึกหัดระดับ 2"
"ข้าสามารถอธิบายเสียงการผสานรูนให้เจ้าได้ฟรี เฉพาะครั้งนี้เท่านั้น ถ้าเจ้าอย่างถามเรื่องอื่นเจ้าต้องจ่ายมาตามปกติ"
คำอธิบายเกี่ยวกับการผสานรูนนั้นทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นในห้องทดลองเมื่อครั้งนั้นถูกชดเชยอย่างสมบูรณ์
ไม่ว่ามาร์คจะแสดงท่าทีเช่นไร เขาก็ล้มเหลวในการเป็นผู้ดูแลห้องทดลอง
การชดเชยนี้เป็นความลับของมาร์ค เขาชดเชยให้แก่โซลที่ตัวเขาละทิ้งหน้าที่ ไม่ใช่เพราะเขาทำให้โซลตกอยู่ในอันตราย
"ขอบคุณขอรับ รุ่นพี่"
โซลเปิดไปยังหน้าสุดท้ายของหนังสือ "การเขียนรูนพื้นฐาน" ในมือของเขา
"ข้าสามารถเรียนการผสานรูนได้หรือไม่?"
มันหมายถึงการผสานรูปเข้ากับธาตุ เมื่อเขาเรียนรู้การผสานรูนเข้ากับธาตุได้ มันก็จะกลายเป็บคาถา
ซึ่งหมายความว่า หลังจากที่โซลเชี่ยวชาญการผสานรูนแล้ว โซล จะสามารถเรียนรู้เรื่องคาถาได้
แม้ว่าอาจาร์ยดูโก้ จะเตือนพวกเขาว่าอย่าพยายามเรียนรู้เวทมนตร์ในระดับ 1 แต่สิ่งที่โซลขาดมากที่สุดในตอนนี้คือเวลา
"แน่นอน เจ้าทำได้ ก่อนอื่น เจ้าต้องเข้าใจว่าการผสานรูนนั้น ไม่ใช่การเขียนรูนพื้นฐานทับซ้อนกัน นอกจากนี้ ยังมีการเปลี่ยนแปลงมากมายขณะส่งพลังเวทมนตร์ออกไปอีกด้วย..."
โซล ข้ามครึ่งหลังของบทเรียน ไปยังบทสุดท้าย ภายในชั้นเรียนครั้งที่ 2 ภายใต้การแนะนำของมาร์ค เขาค่อยๆ ตระหนักได้ว่า ...การผสานอักษรรูนนั้นยากจริงๆ