กำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 30 ซื้อแบบกลุ่มลดสองส่วน
กำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 30 ซื้อแบบกลุ่มลดสองส่วน
ทางเหนือของเทือกเขาร้อยสาย
ห่างออกไปแปดล้านลี้
ราชวงศ์ราชาเทียนหยิน
ภายในโถงหลักอันยิ่งใหญ่อลังการ
มีเงาร่างหลายคนยืนอยู่
บนสุดของโถงหลัก ชายชราผมขาวนอนอยู่บนเตียงนุ่ม ปล่อยรังสีอ่อนล้า ราวกับชายชราที่ใกล้จะตาย
ร่างกายของเขาไม่ขยับเขยื้อน เปลือกตาปิดลง ไม่เอ่ยวาจาใด ๆ แต่กลับแผ่รังสีอำนาจอันยิ่งใหญ่ กดข่มทั่วทั้งโถงหลัก ไม่อาจเพิกเฉยได้
ทันใดนั้น
ชายชราก็ลืมตาขึ้น แสงสว่างเจิดจ้า เขามองไปยังเทือกเขาร้อยสาย
“สำนักกระบี่ต้าหลัว!”
เสียงแหบแห้งดังขึ้น ชายชรากำมือแน่น ถ้วยหยกสีขาวบริสุทธิ์ในมือแตกสลายกลายเป็นผุยผง
ในเวลาเดียวกัน
ปราณอันน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าคลื่นยักษ์ซัดสาด แผ่กระจายออกไป
ราวกับภูเขาขนาดใหญ่ กดทับลงบนบ่าของทุกคนในโถงหลัก
“บุตรชายของข้า”
ชายชราเอ่ยอย่างแผ่วเบา
“เสด็จพ่อ มีสิ่งใดให้รับใช้ขอรับ”
ชายวัยกลางคนก้าวเท้าออกมา โค้งคำนับอย่างนอบน้อม
“ผู้ที่ทะลวงระดับเมื่อครู่ คือเหรินชิงถู ประมุขสำนักกระบี่ต้าหลัวใช่หรือไม่”
ชายชราเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง
“สายพระเนตรของเสด็จพ่อยาวไกลนับหมื่นลี้ ไม่มีเรื่องใดที่รอดพ้นจากสายพระเนตรของเสด็จพ่อ”
ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างหนักแน่น
“ฮ่า ฮ่า”
ชายชราหัวเราะอย่างเย็นชา เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “เหรินชิงถูเป็นคนรุ่นเดียวกับเจ้า เขาก้าวเข้าสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว ส่วนข้า ราชาเทพ ยังคงติดอยู่ที่ระดับแก่นสวรรค์...”
ชายชราผู้นี้ คือราชาเทพของราชวงศ์ราชาเทียนหยิน
ศักดิ์ของเขาสูงกว่าเหรินชิงถูและหยางชิวหนึ่งรุ่น บุคคลเช่นนี้ ยังไม่ได้บรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์ ทว่ากลับทำได้เพียงมองดูรุ่นหลานก้าวหน้าไปก่อน
ทำให้เขาเสียหน้ายิ่งนัก
บรรยากาศภายในโถงหลักหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยวาจา
“เอาเถิด”
เวลาผ่านไปสักพัก ชายชราก็เอ่ยอีกครั้ง เสียงแหบแห้ง “บุตรชาย เจ้าจงเดินทางไปที่เทือกเขาร้อยสาย ตรวจสอบว่าเหรินชิงถูได้รับวาสนาใดมา นำกลับมาให้ข้าเสีย!”
“เทือกเขาร้อยสาย เป็นดินแดนของราชวงศ์ราชาเทียนหยิน ไม่อาจปล่อยให้ผู้อื่นเข้าออกได้ตามใจชอบ”
“ขอรับ”
ชายวัยกลางคนตอบรับด้วยความเคารพ
“อีกอย่าง...”
ชายชรานั่งขึ้นอย่างช้า ๆ ดวงตาเป็นประกาย ราวกับพยัคฆ์ที่ตื่นจากหลับไหล แม้จะอยู่ในช่วงบั้นปลายชีวิต แต่ก็ยังคงน่าเกรงขาม เขามองบุตรชายของตน เสียงแหบแห้ง “เจ้าก็ควรเร่งฝึกฝน เวลาของข้า เหลือน้อยเต็มทีแล้ว”
“ขอรับ”
ชายวัยกลางคนก้มศีรษะ ในมุมที่ไม่มีใครมองเห็น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ
“ไปได้แล้ว”
ชายชราโบกมืออย่างอ่อนแรง
“ขอรับ”
ชายวัยกลางคนโค้งคำนับ หันหลังจากไป
...
เมืองต้าฮวง
เบื้องหน้าหอคอยกลไกสวรรค์
หลี่อวิ๋นและหลิวเฉิงเสวี่ยยืนเคียงข้างกัน มองไปยังเทือกเขาร้อยสาย
ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากเทือกเขาร้อยสาย เจตจำนงกระบี่ที่พุ่งทะยานขึ้นฟ้า สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน แม้แต่แรงกดดันอันน้อยนิดของปราชญ์ก็ยังสามารถรับรู้ได้
“ดูเหมือนว่าผู้ที่บรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์จะเป็นอาจารย์ของเจ้า”
หลี่อวิ๋นกล่าวอย่างแผ่วเบา
“ทั้งหมดนี้ล้วนต้องขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่ชี้แนะ” หลิวเฉิงเสวี่ยกล่าวด้วยความเคารพ ระหว่างคิ้วยากที่จะปกปิดความยินดี
เพราะว่า
อาจารย์ของนางบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์ ในฐานะศิษย์ นางย่อมรู้สึกภูมิใจ
“น่าเสียดาย”
หลี่อวิ๋นส่ายหน้าเบา ๆ
“ท่านผู้อาวุโสกำลังสงสารหยางชิวหรือ”
ใจของหลิวเฉิงเสวี่ยกระตุก
ท่านผู้อาวุโสขายวาสนาการบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์ให้คนสองคน คืออาจารย์ของนางกับหยางชิว ตอนนี้อาจารย์ของนางบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่ท่านผู้อาวุโสกลับเอ่ยว่าน่าเสียดาย
ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องดี
“มิใช่”
หลี่อวิ๋นถอนหายใจเบา ๆ
เขามองไปยังที่ไกล คิดในใจว่าเหรินชิงถูบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว แน่นอนว่าโอกาสบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์ก็หายไป เขาไม่อาจขายให้คนอื่นได้ เท่ากับว่าเสียโอกาสสะสมแต้มกลไกสวรรค์ไป
แล้วจะมิใช่เรื่องน่าเสียดายหรือ
ครั้งหน้า หากเกิดเรื่องเช่นนี้อีก อย่างน้อยก็ต้องรวบรวมคนสักหน่อย ลดราคาการสั่งซื้อแบบกลุ่ม
อืม...
สั่งซื้อแบบกลุ่ม ลดราคาสองส่วน!
มิเช่นนั้น
หากยอดฝีมือระดับจอมศักดิ์สิทธิ์มาทีละคน แม้เขามีวาสนามากมาย ก็ย่อมไม่เพียงพอ
อาวุธระดับจอมศักดิ์สิทธิ์ แม้จะล้ำค่า
แต่เมื่อเทียบกับตบะระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็ไม่นับว่าเป็นอะไร
“เช่นนั้นก็ดี...”
หลิวเฉิงเสวี่ยลูบอกอย่างโล่งใจ
ตราบใดที่ไม่ใช่อาจารย์ของนางที่ทำให้ท่านผู้อาวุโสไม่พอใจ เรื่องอื่นล้วนไม่ใช่ปัญหา
...
“ท่านผู้อาวุโส!”
ในตอนนี้
เสียงตะโกนอันดังสนั่นหวั่นไหว ดังมาจากท้องฟ้า
ยังไม่เห็นตัว ก็ได้ยินเสียงนำมาก่อน
เสียงยังไม่ทันจางหายไป
ชายชราชุดดำก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าหอคอยกลไกสวรรค์ เขาทุบอกอย่างเจ็บปวด เอ่ยว่า “ท่านผู้อาวุโส โอกาสบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์ของข้าถูกคนอื่นแย่งชิงไปแล้ว!”
“อืม?”
หลี่อวิ๋นเลิกคิ้ว
เขามองหยางชิวด้วยรอยยิ้ม
เจ้ายังกล้าพูดอีกหรือ
ข้าให้เวลาเจ้าสามวัน เจ้ายังไม่สามารถบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์ได้ จะมาโทษข้าหรือ
หลี่อวิ๋นตรวจสอบข้อมูลของหยางชิว รู้สึกขบขันยิ่งขึ้น หลังจากเข้าไปในค่ายกล ไม่รีบคว้าโอกาสบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับไปศึกษาค่ายกล
ถูกเหรินชิงถูแย่งชิงโอกาสไป จะโทษใครได้
“ไม่ต้องตกใจ”
หลี่อวิ๋นโบกมืออย่างใจเย็น เอ่ยว่า “วาสนา มิได้มีเพียงแห่งเดียว เหรินชิงถูบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์ได้ เจ้าก็ย่อมทำได้ เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น”
“ยิ่งไปกว่านั้น แม้เจ้าจะยังไม่บรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์ มิใช่ว่าเจ้าจะไม่ได้อะไรจากถ้ำเทวาแห่งนั้น”
“แต่สิ่งของเหล่านั้น เมื่อเทียบกับการบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว ไม่อาจเทียบได้”
หยางชิวถอนหายใจอย่างเสียดาย
หากให้เขาเลือก
เขายินดีสละทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อแลกกับการบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์
“การบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์ มิใช่เรื่องใหญ่ ตราบใดที่เจ้าสามารถจ่ายค่าตอบแทน ข้าสามารถมอบโอกาสให้เจ้าได้อีกครั้ง!”
หลี่อวิ๋นกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
หยางชิว “....”
หากการบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ใช่เรื่องใหญ่อีก
หยางชิวไม่รู้ว่าเรื่องใดถึงจะเรียกว่าเรื่องใหญ่
มองทั่วทั้งโลกแห่งการบำเพ็ญ คงมีเพียงเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์เท่านั้นที่กล้าเอ่ยวาจาเช่นนี้