กำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 29 ข้าเองก็อยากรู้เช่นกัน
กำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 29 ข้าเองก็อยากรู้เช่นกัน
ภายในถ้ำเทวาขนาดเล็ก
แสงกระบี่เจิดจ้า
กระบี่ยาวเล่มหนึ่งแปรเปลี่ยนเป็นภูเขาลึกลับ แผ่พลังอันยิ่งใหญ่ของปราชญ์ ราวกับคลื่นยักษ์ซัดสาดไปทั่วสารทิศ
นั่นคือเจตจำนงกระบี่ที่รวมตัวกัน
น่ากลัวยิ่งนัก!
เบื้องหน้ากระบี่ยาว เงาร่างอันยิ่งใหญ่ปรากฏขึ้นจากห้วงมิติ ยืนหยัดอยู่บนท้องฟ้า รูปร่างสง่างาม ราวกับราชันเซียน!
ท่าทางที่หยิ่งผยอง เหนือกว่าทุกสรรพสิ่ง ทำให้โลกใบนี้ดูจืดชืดลง
“นี่มัน!”
เชิงเขา
หยางชิวเงยหน้ามองท้องฟ้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“ประมุขต้าหลัว เหรินชิงถู!”
“เขามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อใด”
หยางชิวแทบคลั่ง เขาใกล้จะบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว เหตุใดจึงมีคนมาก้าวหน้าก่อนเขา
หรือว่า...
หยางชิวมองค่ายกลบนยอดเขาอีกครั้ง
ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ความโกรธพลุ่งพล่านขึ้นในอก เขาเข้าใจในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
ที่แท้
ค่ายกลสุดท้าย มิใช่ผลงานของปราชญ์โบราณ
แต่เป็นเหรินชิงถู ที่จงใจสร้างขึ้น
เพื่อขวางกั้นเขา
ส่วนเขา
กลับทำตัวโง่เขลา ทำลายค่ายกล!
หากเขาทำลายค่ายกลด้วยพลัง คงสามารถขัดขวางเหรินชิงถูได้ แต่ตอนนี้สายเกินไปแล้ว
เหรินชิงถูบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์อย่างสมบูรณ์แล้ว!
“หลิวเฉิงเสวี่ย!!!”
หยางชิวเอ่ยสามคำอย่างยากลำบาก
เขาไม่มีวันลืมว่า เหตุใดเขาถึงได้มาที่เมืองต้าฮวง และเหตุใดเขาถึงได้พบกับเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์
ทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับศิษย์ของเขา
ส่วนหลิวเฉิงเสวี่ย เป็นศิษย์ของเหรินชิงถู
แน่นอน
การที่เหรินชิงถูปรากฏตัวที่เมืองต้าฮวง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
บางที
เหรินชิงถูอาจจะซื้อข้อมูลจากผู้อาวุโสท่านนั้น จึงรีบเดินทางมายังที่นี่ แย่งชิงโอกาสบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์ไปก่อนเขา
“พลาดท่าเสียแล้ว!”
หยางชิวกล่าวอย่างสิ้นหวัง
วางแผนมาเสียดิบดี แต่กลับพลาดเรื่องของหลิวเฉิงเสวี่ย
หากเขาไม่ทำอะไรเลยหลังจากเข้ามาในค่ายกล เก็บสมบัติสำคัญทั้งหมดเอาไว้ก่อน ตอนนี้เขาคงบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วกระมัง
เมื่อคิดถึงตรงนี้
หยางชิวก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ
“เหรินชิงถูบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว คงอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้อีก หากเขาตื่นขึ้นมาพบเจอข้า...”
หยางชิวตัวสั่น
สำนักมารเก้าขุมนรกเบื้องหลังเขา กับสำนักกระบี่ต้าหลัวเป็นศัตรูกัน ก่อนหน้านี้ทั้งสองมีพลังเท่าเทียมกัน หากต้องต่อสู้กันจริง ๆ เขาก็ไม่เกรงกลัวอีกฝ่าย
แม้จะสู้ไม่ได้ การหลบหนีก็ไม่ใช่ปัญหา
แต่ตอนนี้ต่างออกไปแล้ว
เหรินชิงถูบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว เพียงแค่ชำเลืองมองก็สามารถทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส
เขาไม่มีโอกาสเอาชนะเหรินชิงถู!
“รอจนข้าซื้อโอกาสบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง ค่อยมาสะสางเรื่องวันนี้กับเจ้า!”
หยางชิวคำรามเบา ๆ
ก่อนจะหันหลังกลับ รีบจากไป
...
ขณะที่เหรินชิงถูกำลังบรรลุระดับศักดิ์สิทธิ์
ในรัศมีหมื่นลี้รอบเทือกเขาร้อยสาย ผู้บำเพ็ญนับไม่ถ้วนต่างจับจ้องมาที่นี่
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์อัคคีชาด
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ อยู่ไม่ไกลจากเทือกเขาร้อยสาย
ประมุขศักดิ์สิทธิ์อัคคีชาดในชุดคลุมสีแดง ผม เครา คิ้ว ล้วนเป็นสีแดงเพลิง ราวกับเปลวไฟที่กำลังเต้นระบำ รอบกายแผ่รังสีร้อนแรง บิดเบือนห้วงมิติโดยรอบ
เขายืนสองมือไพล่หลัง มองไปยังเทือกเขาร้อยสาย ดวงตาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
“เจตจำนงกระบี่ต้าหลัว!”
ประมุขศักดิ์สิทธิ์อัคคีชาดพึมพำกับตัวเอง “เหรินชิงถูหรือ”
“ในอดีต ข้าเคยต่อสู้กับเขา ผลลัพธ์คือเสมอกัน ไม่นึกเลยว่าเขาจะก้าวเข้าสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์ก่อนข้า!”
“แต่...”
ประมุขศักดิ์สิทธิ์อัคคีชาดมองเจตจำนงกระบี่ที่พุ่งทะยานขึ้นฟ้า ในดวงตาปรากฏความครุ่นคิด
“ประมุขสำนักผู้นี้กลับทะลวงระดับศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนรกร้างเช่นนี้ มิใช่ในสำนัก เรื่องนี้คงมีบางอย่างผิดปกติ”
เรื่องนี้แปลกประหลาดมาก
ประมุขสำนักทุกคน เมื่อต้องการทะลวงระดับศักดิ์สิทธิ์ ย่อมต้องเตรียมการอย่างดี
ไม่ต้องพูดถึงในถิ่นกันดาร
แม้แต่ในสำนัก ก็ยังกังวลว่าการป้องกันจะไม่รัดกุมด้วยซ้ำ อาจถูกคนอื่นลอบโจมตี หากพลาดท่า ถูกขัดขวางระหว่างการทะลวงระดับ ชีวิตนี้คงจบสิ้น
ในกรณีที่ร้ายแรงน้อยกว่า อาจสูญเสียพลังทั้งหมด ในกรณีที่ร้ายแรงมาก อาจถึงขั้นเสียชีวิต
เหรินชิงถูบำเพ็ญเพียรมานานกว่าพันปี ย่อมต้องเข้าใจเรื่องนี้
แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังคงเลือกที่จะทะลวงระดับในถิ่นกันดารเช่นนี้ แถมยังประสบความสำเร็จอีกด้วย เรื่องนี้ย่อมต้องมีบางอย่างผิดปกติ
โดยปกติแล้ว สถานการณ์เช่นนี้
ล้วนเกิดจากพลังที่ไม่อาจควบคุมได้ จำเป็นต้องหาสถานที่ทะลวงระดับในทันที
สิ่งที่สามารถทำให้พลังปะทุขึ้นจนไม่อาจควบคุมได้ นั่นคือการได้รับวาสนาบางอย่าง!
“มีผู้ใดอยู่หรือไม่”
ประมุขศักดิ์สิทธิ์อัคคีชาดเอ่ยอย่างแผ่วเบา
“เรียนท่านประมุข มีสิ่งใดให้รับใช้หรือไม่”
เงาร่างหนึ่งลอยมาจากที่ไกล ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าประมุขศักดิ์สิทธิ์อัคคีชาดอย่างเงียบเชียบ เป็นบุคคลที่ปกคลุมไปด้วยหมอกหนา โค้งคำนับอย่างนอบน้อม
“ไปตรวจสอบรอบ ๆ เทือกเขาร้อยสาย ดูว่าเหรินชิงถูได้รับวาสนาใดมา หากมีข่าวคราว รีบมารายงานข้าในทันที”
ประมุขศักดิ์สิทธิ์อัคคีชาดสั่งการ
“ขอรับ”
เงาร่างนั้นตอบรับ ก่อนจะหายไปในทันที
“วาสนาที่ทำให้ผู้คนก้าวเข้าสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว ข้าเองก็อยากรู้เช่นกัน”
ประมุขศักดิ์สิทธิ์อัคคีชาดมองไปยังที่ไกล ดวงตาเต็มไปด้วยความปรารถนา
ทุกคนล้วนเป็นคนรุ่นเดียวกัน หากไม่มีใครทะลวงระดับ ก็คงไม่มีปัญหา แต่เมื่อมีคนก้าวหน้าไปก่อน คนอื่น ๆ ย่อมทนไม่ได้
การแข่งขันระหว่างอัจฉริยะ
หากนำหน้าก้าวหนี่ง ก็เท่ากับนำหน้าไปตลอด
หากตามไม่ทันในช่วงเวลาสั้น ๆ ชีวิตนี้คงไม่มีโอกาส
ช่องว่างระหว่างทั้งสองฝ่าย จะยิ่งกว้างขึ้น