กำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 22 ทำนายถูกต้องอีกแล้ว
กำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 22 ทำนายถูกต้องอีกแล้ว
"หืม?"
เหรินชิงถูขมวดคิ้ว
หยางชิวจะบรรลุถึงระดับศักดิ์สิทธิ์หรือ
นี่มันเหลือเชื่อเกินไป
หยางชิวที่เขารู้จัก เป็นเพียงผู้อาวุโสของสำนักมารเก้าขุมนรก หากจะพูดให้ถูกต้อง พวกเขาเป็นคนรุ่นเดียวกัน ยามเยาว์วัยต่างก็ช่วงชิงความเป็นหนึ่ง หยางชิวไม่เคยเป็นคู่มือของเขา
จะเป็นไปได้อย่างไรที่ในตอนนี้หยางชิวกลับก้าวล้ำหน้า บรรลุถึงระดับศักดิ์สิทธิ์ก่อนเขา
เรื่องเช่นนี้ ใครเล่าจะเชื่อ
ประมุขของสำนักมารเก้าขุมนรกยังไม่บรรลุถึงระดับศักดิ์สิทธิ์ หยางชิวจะมีคุณสมบัติอันใด ถึงได้ทำสำเร็จ
"ศิษย์เอ๋ย เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล"
เหรินชิงถูเอ่ยตำหนิ
"คำพูดของข้าเหลวไหลหรือไม่ ท่านอาจารย์ลองถามผู้อาวุโสดูก็ได้"
หลิวเฉิงเสวี่ยกล่าวอย่างร้อนรน
"ผู้อาวุโส..."
เหรินชิงถูหันกลับมามองหลี่อวิ๋น เอ่ยถาม "คำพูดของศิษย์ข้าเมื่อครู่ เป็นความจริงหรือไม่"
"ย่อมเป็นความจริง"
หลี่อวิ๋นพยักหน้า กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ "วาสนาที่ทำให้เขาบรรลุถึงระดับศักดิ์สิทธิ์ ข้าเป็นคนชี้แนะให้เขาเอง"
เมื่อครู่เห็นเหรินชิงถูทำท่าจะจากไป เขาจึงคิดจะรั้งเอาไว้ แต่ไม่นึกเลยว่าหลิวเฉิงเสวี่ยจะรวดเร็วกว่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาไม่จำเป็นต้องรั้งอีกฝ่ายแล้ว
"เรื่องเช่นนี้... ก็ชี้แนะได้ด้วยหรือ"
เหรินชิงถูพูดไม่ออก
ช่างโอ้อวดเกินไป
หากเป็นการชี้แนะเส้นทางที่นำไปสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์ ก็ยังพอฟังขึ้น แต่การมอบวาสนาให้โดยตรงเช่นนี้ ไม่ว่าจะมองมุมใด ก็ดูไม่สมเหตุสมผล
"ก่อนที่เจ้าจะมา ศิษย์ของเจ้าคงบอกเรื่องของหอคอยกลไกสวรรค์ให้เจ้าฟังแล้ว"
หลี่อวิ๋นกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ "เชื่อหรือไม่เชื่อ ก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้า เพราะการที่หยางชิวบรรลุถึงระดับศักดิ์สิทธิ์ สำหรับสำนักกระบี่ต้าหลัวแล้วย่อมไม่ใช่เรื่องดี"
"ผู้อาวุโสหมายความว่าอย่างไร"
เหรินชิงถูขมวดคิ้ว เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "สำนักกระบี่ต้าหลัวของข้า ยืนหยัดมานับล้านปี รากฐานของสำนักมั่นคงแข็งแกร่ง เพียงแค่ปราชญ์ระดับศักดิ์สิทธิ์คนเดียว จะเป็นภัยคุกคามต่อสำนักกระบี่ต้าหลัวได้อย่างไร"
"เช่นนั้นหรือ"
หลี่อวิ๋นยิ้มน้อย ๆ เอ่ยว่า "ปราชญ์ระดับศักดิ์สิทธิ์คนเดียว อาจไม่สามารถทำลายรากฐานของสำนักกระบี่ต้าหลัวได้ แต่หากสำนักกระบี่ต้าหลัวในตอนนี้ ไม่เหมือนกับในอดีตเล่า"
"ผู้อาวุโสกล่าวเกินจริงไปแล้ว"
เหรินชิงถูประสานมือคำนับ เอ่ยว่า "สำนักกระบี่ต้าหลัวไม่ใช่สำนักเล็ก ๆ ที่เพิ่งก่อตั้ง ยืนหยัดอย่างสง่างามมากว่าล้านปี จะเกิดเรื่องวุ่นวายได้อย่างไร"
เหรินชิงถูแสดงความมั่นใจอย่างมาก
แต่กลับไร้ซึ่งความเชื่อมั่น
รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง สำนักกระบี่ต้าหลัวสูญเสียเสาหลักไป ย่อมเท่ากับสูญเสียพลังไปกว่าครึ่ง ขณะที่สำนักมารเก้าขุมนรกไม่เพียงแต่ไม่สูญเสียอะไร
กลับได้รับปราชญ์ระดับศักดิ์สิทธิ์มาอีกหนึ่งคน
เรื่องเช่นนี้ สำหรับสำนักกระบี่ต้าหลัวแล้ว ไม่ใช่เรื่องดี
ทั้งสองสำนักอยู่ไม่ไกลกัน ยามปกติมักจะมีเรื่องขัดแย้งกันบ้าง
จากการที่หลิวเฉิงเสวี่ยสังหารตู้เชียนซาง ก็พอจะมองเห็นเค้าลางได้
หากถูกสำนักมารเก้าขุมนรกสืบพบจุดอ่อน คาดว่าไม่กี่วัน สำนักมารเก้าขุมนรกจะยกทัพมาล้อมสำนักกระบี่ต้าหลัว!
เมื่อถึงตอนนั้น
สำนักกระบี่ต้าหลัวจะอยู่รอดหรือไม่ ก็ยังไม่แน่นอน
"ผู้อาวุโส หากไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ข้าน้อยขอตัวลา"
เหรินชิงถูกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
สำนักกระบี่ต้าหลัวในตอนนี้ใกล้ถึงกาลอวสาน เขาต้องรีบไปหาพันธมิตร รวบรวมพลังจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์บางแห่ง หากถึงยามวิกฤต มีดินแดนศักดิ์สิทธิ์สักแห่งยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
สำนักกระบี่ต้าหลัวก็ยังพอมีทางรอด
"เมื่อเจ้าก้าวออกจากประตูนี้ ครั้งหน้าที่กลับมาเข้ามาใหม่ ค่าตอบแทนที่เจ้าต้องจ่าย จะไม่เหมือนวันนี้"
หลี่อวิ๋นนั่งอย่างสบายใจ ยกถ้วยชาร้อนขึ้นจิบเบา ๆ
"ผู้อาวุโส... ดูเหมือนจะมีความหมายแฝง"
ขาที่กำลังจะก้าวออกไปของเหรินชิงถู ก็ชะงักลง
"หลี่อวิ๋นผู้นี้ขอเตือนเจ้าสักประโยค พึ่งตนเองดีกว่าพึ่งผู้อื่น..."
หลี่อวิ๋นส่ายศีรษะมองเหรินชิงถูแวบหนึ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงแปลกประหลาด "จุ๊ จุ๊ จุ๊ เรื่องใหญ่ระดับการล่มสลายของสำนัก คนธรรมดาย่อมไม่ต้องการยุ่งเกี่ยว"
"ยิ่งไปกว่านั้น หากเจ้าหาพันธมิตรได้ สำนักมารเก้าขุมนรกก็หาพันธมิตรได้เช่นกัน"
"หืม?"
เหรินชิงถูตกตะลึง
จะเป็นไปได้อย่างไร
ผู้อาวุโสผู้นี้รู้ความคิดของเขาได้อย่างไร
วิชาอ่านใจหรือ
หรือว่าเป็นญาณหยั่งรู้จิต[1]
หรือว่าเขาโดนสะกดจิต
เหรินชิงถูมึนงง ความคิดที่ผุดขึ้นในหัวเมื่อครู่ ถูกเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์ผู้นี้เอ่ยออกมาอย่างง่ายดาย มันน่าเหลือเชื่อเกินไป
"ไม่ใช่วิชาอ่านใจ ไม่ใช่ญาณหยั่งรู้จิต และเจ้าก็ไม่ได้ถูกสะกดจิต"
หลี่อวิ๋นลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย เอ่ยว่า "ข้าเคยบอกแล้ว ทุกเรื่องราวบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นแล้วหรือยังไม่เกิด ข้าล้วนรู้ทั้งหมด"
"รวมถึง... เรื่องที่บรรพบุรุษของสำนักกระบี่ต้าหลัวเพิ่งจะละสังขารไป!"
"อะไรกัน!"
เหรินชิงถูหน้าซีดเผือด
เขาที่เคยสงบนิ่ง
ในตอนนี้ กลับไม่สามารถควบคุมสีหน้าได้อีกต่อไป
จุดอ่อนที่ร้ายแรงที่สุดของสำนัก
ถูกเปิดเผยออกมาอย่างง่ายดาย ใครได้ยินก็ไม่อาจสงบนิ่งได้
หากเรื่องนี้แพร่ออกไป
ศิษย์ของสำนักกระบี่ต้าหลัวกว่าแสนคน และมรดกนับล้านปีอาจต้องพังทลายลงในพริบตา
"เจ้าคงเข้าใจ การสร้างพันธมิตร ต้องอยู่บนพื้นฐานของความแข็งแกร่งที่ทัดเทียมกัน หากสำนักสายธรรมะรู้ว่าสำนักกระบี่ต้าหลัวอ่อนแอลง เจ้าคิดว่าพวกเขาจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ หรือว่า..."
"จะซ้ำเติมเจ้า"
หลี่อวิ๋นกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
บนโลกใบนี้ แม้จะมีการแบ่งแยกสายธรรมะและสายมาร แต่สำนักที่สามารถยืนหยัดมานับไม่ถ้วน จะมีสักกี่แห่งที่เป็นคนดีจริง ๆ กัน
สำนักกระบี่ต้าหลัวสืบทอดมรดกมากว่าล้านปี
ตราบใดที่ยังมีความทะเยอทะยาน สำนักอื่น ๆ ย่อมต้องหมายตา
"ท่านอาจารย์..."
ข้างกาย
หลิวเฉิงเสวี่ยก็ตกตะลึงเช่นกัน หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน นางเงยหน้าขึ้น เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "บรรพบุรุษของพวกเรา... ท่าน... ท่านละสังขารไปแล้วหรือ"
เหรินชิงถูหน้าซีดเผือด ไม่อาจเอ่ยวาจาใดออกมา
เห็นเช่นนี้
หลิวเฉิงเสวี่ยก็เข้าใจ
ผู้อาวุโสผู้นี้ทนายถูกต้องอีกแล้ว!
[1] ญาณหยั่งรู้จิต (จีน: 他心通; พินอิน: Tāxīn tōng) ในศาสนาพุทธ หมายถึง ญาณวิเศษอย่างหนึ่งในหกอย่าง อันได้แก่ อิทธิฤทธิ์ ทิพโสต ทิพจักษุ เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ญาณหยั่งรู้จิตสามารถล่วงรู้จิตใจของผู้อื่นได้