กำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 10 ผู้อาวุโสอย่าเพิ่งกล่าว ข้าซื้อ!
กำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 10 ผู้อาวุโสอย่าเพิ่งกล่าว ข้าซื้อ!
"เจ้ากำลังล้อข้าเล่นหรือ"
หยางชิวจ้องมองหลี่อวิ๋นด้วยสายตาเย็นชา เสียงแข็งกร้าว
ไม่ว่าใครก็ตาม หากรู้ว่าถูกหลอก
ย่อมต้องโกรธแค้นเป็นธรรมดา
ยิ่งเป็นคนในสายมารอย่างเขาด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เหตุผลที่เขายังไม่ลงมือ ไม่ใช่เพราะเกรงกลัวอีกฝ่าย
แต่เพราะเขายังไม่แน่ใจ
หากชายผู้นี้เป็นยอดฝีมือที่แท้จริงเล่า
"ว่ากระไรนะ"
หลี่อวิ๋นหรี่ตาลงเล็กน้อย เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นกัน "เจ้ากำลังสงสัยในชื่อเสียงของหอคอยกลไกสวรรค์หรือ ข้อมูลที่ข้าบอกเจ้า ล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น!"
เรื่องอื่นเขาพอจะทนได้
แต่เรื่องชื่อเสียงของหอคอยกลไกสวรรค์ เขาไม่มีทางยอมให้ใครมาดูหมิ่น
นี่คือสิ่งสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของเขา หากใครกล้ามาทำลายชื่อเสียงของหอคอยกลไกสวรรค์ เขาก็พร้อมที่จะสู้จนตัวตาย
"ฮ่า ฮ่า"
หยางชิวหัวเราะอย่างเย้ยหยัน
เรื่องข้อมูลเป็นจริงหรือไม่ เขาไม่เคยสงสัย
สิ่งที่ทำให้เขาโมโห คือการที่เขารู้สึกเหมือนถูกหลอก!
หยางชิวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ถ้าเช่นนั้น เจ้าคิดจะเป็นศัตรูกับสำนักมารเก้าขุมนรกของข้าหรือ"
เขาไม่ได้พูดว่าเป็นศัตรูกับเขา
เพราะเกรงว่าชื่อเสียงของเขา คงไม่อาจทำให้อีกฝ่ายหวั่นเกรง
แต่สำนักมารเก้าขุมนรก ย่อมแตกต่างออกไป สำนักมารเก้าขุมนรกเป็นถึงหนึ่งในสามขุมอำนาจใหญ่ของสายมาร มีอำนาจมากมาย ยืนหยัดมาหลายล้านปี ผู้คนทั่วไปไม่มีใครกล้าล่วงเกิน
"ส่งตัวหลิวเฉิงเสวี่ยออกมาซะ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า"
หยางชิวเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
"ขออภัย"
หลี่อวิ๋นส่ายศีรษะ "หอคอยกลไกสวรรค์แห่งนี้ ค้าขายเพียงข้อมูลข่าวสารเท่านั้น"
"เจ้ากำลังหาที่ตาย!"
หยางชิวตะโกนอย่างเย็นชา
เขายื่นมือข้างหนึ่งออกไป กำมือกลางอากาศ แต่กลับไม่เกิดสิ่งใดขึ้น
"เกิดอะไรขึ้น"
หยางชิวขมวดคิ้ว
เขาต้องการจะหยิบร่มมารสวรรค์ออกมา ต่อสู้กับชายผู้นี้สักตั้ง เพื่อทดสอบดูว่าอีกฝ่ายมีพลังมากเพียงใด แต่เมื่อเขากำลังจะลงมือ ปรากฏว่าตบะของเขากลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ไม่ใช่แค่ตบะเท่านั้น
แม้แต่ยุทธภัณฑ์ที่อยู่ในตำหนักม่วง เขาก็ไม่อาจควบคุมได้
ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดา
"เจ้าทำอะไรกับข้า"
หยางชิวตกใจสุดขีด
ตบะของเขาหายไปตั้งแต่เมื่อใดกัน
เหตุใดเขาจึงไม่รู้สึกตัวเลย
หากไม่ใช่เพราะต้องการจะลงมือ เขาคงไม่รู้เลยว่า ตนเองกลายเป็นคนธรรมดาไปแล้ว หากชายผู้นี้ต้องการสังหารเขา...
คิดได้ดังนั้น
หยางชิวก็รู้สึกหนาวสันหลังวาบ ไม่อยากคิดต่อ
ชายผู้นี้น่ากลัวเกินไป
อีกฝ่ายย่อมไม่ใช่ระดับศักดิ์สิทธิ์ ราชันศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ใช่ แม้แต่จักรพรรดิครึ่งก้าวก็ยังไม่อาจทำเช่นนี้ได้ หรือว่าจะเป็นถึงระดับจักรพรรดิ!
หรือว่า...
ระดับเซียน!
"เมื่อครู่ เจ้าคิดจะลงมือหรือ"
หลี่อวิ๋นลุกขึ้นยืน ไม่ตอบคำถาม แต่ถามกลับ
ดวงตาเป็นประกาย
ในชั่วขณะนั้น
หอคอยกลไกสวรรค์ราวกับมีชีวิตขึ้นมา รังสีอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ปกคลุมทุกสารทิศ กดทับลงบนร่างของหยางชิว
ปัง!
ร่างของหยางชิวถูกกดลงแนบสนิทกับพื้น ไม่อาจขัดขืน
หลี่อวิ๋นเดินเข้าไปหาหยางชิวทีละก้าว เอ่ยขึ้นอย่างเฉยเมย "เจ้าช่างกล้ายิ่งนัก นับตั้งแต่หอคอยกลไกสวรรค์เปิดทำการ เจ้าเป็นคนแรกที่กล้าลงมือที่นี่!"
แม้ว่าหอคอยกลไกสวรรค์ จะเพิ่งเปิดทำการได้ไม่นาน
แต่หยางชิวไม่จำเป็นต้องรู้
เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่อวิ๋น หยางชิวก็รู้สึกสิ้นหวัง ในใจคิด: จบสิ้นแล้ว
เขาเตะถูกแผ่นเหล็กเข้าให้แล้ว!
ใครจะไปรู้ว่าหอคอยกลไกสวรรค์แห่งนี้ จะลึกลับน่ากลัวถึงเพียงนี้ เขากลับคิดจะลงมือที่นี่ ไม่ต่างอะไรกับการหาที่ตาย!
เจ้าหอคอยกลไกสวรรค์ผู้นี้น่ากลัวเกินไป เพียงแค่ยกมือขึ้น ก็สามารถทำให้ตบะของเขาหายไปได้ แสดงว่ามีพลังเหนือกว่าสำนักมารเก้าขุมนรกอย่างแน่นอน
"แม้เจ้าจะเป็นถึงผู้อาวุโสของสำนักมารเก้าขุมนรก แต่ที่นี่คือหอคอยกลไกสวรรค์ จงสำรวมตนด้วย!"
หลี่อวิ๋นเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าหยางชิว ก้มมองอีกฝ่าย
สายตาของเขาเหลือบไปเห็นแหวนสีดำสนิท บนนิ้วนางข้างซ้ายของหยางชิว หากเขาเดาไม่ผิด นั่นคือแหวนเก็บของ!
หลี่อวิ๋นขยับนิ้วเล็กน้อย คิดจะยื่นมือไปดึงแหวนวงนั้นออกมา แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ
ดูเหมือนว่า
ในโลกแห่งการบำเพ็ญ ยุทธภัณฑ์และสมบัติเวทล้วนต้องมีเจ้านาย แหวนวงนั้นย่อมต้องเป็นเช่นนั้น หากเขาหยิบมาแล้วเปิดไม่ได้เล่า
ประโยชน์สูงสุดของหอคอยกลไกสวรรค์ คือการทำนายชะตา การป้องกันเป็นเพียงเรื่องรอง ไม่มีความสามารถอื่นใด
เป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยให้เขาเปิดแหวนเก็บของของคนอื่นได้
หากเขาฆ่าหยางชิวเสีย...
แหวนวงนั้นก็จะกลายเป็นของไร้เจ้าของ ถึงตอนนั้นเขาค่อยเปิดก็ยังไม่สาย
แต่ชื่อเสียงของหอคอยกลไกสวรรค์ก็จะถูกทำลายไปด้วย เพื่อผลประโยชน์เพียงเล็กน้อย แต่ต้องสูญเสียผลประโยชน์มหาศาล ไม่คุ้มค่าอย่างยิ่ง
ชั่วขณะนั้น
หลี่อวิ๋นก็ตกอยู่ในความลังเล
"ผู้อาวุโส... ผู้อาวุโส!!"
ทันใดนั้น
หยางชิวก็ร้องตะโกนออกมา "ข้ามีตาหามีแววไม่ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เรื่องของตู้เชียนซาง ข้าจะไม่ติดใจเอาความ"
เมื่อครู่ เขารู้สึกถึงอันตรายอีกครั้ง
นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว
หยางชิวรู้สึกหนาวสันหลังวาบ เขาเดาได้ว่าเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์ผู้นี้ คงจะกำลังคิดกำจัดเขา!
หากเขายังไม่ยอมพูดอะไรออกไป บางทีเขาอาจตายโดยไม่รู้ตัว
"อืม..."
หลี่อวิ๋นครุ่นคิด
หลิวเฉิงเสวี่ยเป็นลูกค้าคนแรกของเขา เขาต้องดูแลเป็นพิเศษ แต่เพื่อหลิวเฉิงเสวี่ยคนเดียว เขาต้องยอมปล่อยปลาตัวใหญ่ไปเช่นนี้หรือ
"ผู้อาวุโส!!"
หยางชิวเห็นท่าทางเช่นนั้นก็รู้สึกดีใจ รีบพูดต่อ "ข้ามีสมบัติวิญญาณระดับเหนือสวรรค์ ลูกปัดเก้าห้วง ขอมอบให้เป็นของกำนัลแก่ผู้อาวุโส โปรดรับไว้ด้วย"
พูดจบ
หยางชิวก็หยิบลูกปัดสีรุ้งออกมาจากแหวนมิติ ส่งมอบให้หลี่อวิ๋นด้วยความเคารพ
สมบัติวิญญาณระดับเหนือสวรรค์ไม่ใช่สิ่งของที่หาได้ง่าย ๆ
หยางชิวเองก็มีไม่มาก
การมอบลูกปัดเก้าห้วงให้หลี่อวิ๋น ทำให้เขาเจ็บปวดหัวใจยิ่งนัก
แต่เพื่อรักษาชีวิต เขาจำเป็นต้องยอม
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่เขาไม่สามารถใช้วิชาใด ๆ ได้ แต่กลับสามารถเปิดแหวนมิติได้อย่างอิสระ
นั่นหมายความว่าอย่างไร
หมายความว่า ทุกสิ่งทุกอย่างของเขา ล้วนอยู่ในกำมือของผู้อาวุโสผู้นี้!
"แค่ก..."
หลี่อวิ๋นกระแอมไอเบา ๆ รับลูกปัดเก้าห้วงมาอย่างลับ ๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด "ข้าไม่ใช่คนชอบรังแกผู้อื่น ยิ่งไปกว่านั้น ธุรกิจหลักของหอคอยกลไกสวรรค์ คือการขายข้อมูล..."
"ผู้อาวุโสอย่าเพิ่งกล่าว ข้าซื้อ!"
หยางชิวรู้จักกาลเทศะ เอ่ยขัดขึ้นมาทันที