ตอนที่แล้วตอนที่ 23: ทหารโครงกระดูกสามารถเปลี่ยนอาชีพและพัฒนาได้เหมือนกัน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 25: คำเชิญของมังกรท่องโลก

ตอนที่ 24: วิญญาณวีรชนคนที่สาม


ตอนที่ 24: วิญญาณวีรชนคนที่สาม

“อาจารย์ซูล เหตุใดคุณถึงไม่อยู่ในสุสานของเนโครแมนเซอร์ล่ะ?”

หวังยวนพลันเอ่ยถามซูล

“ฮ่าฮ่า!”

ซูลหัวเราะแล้วเอ่ยคำ "โบสถ์ทุกแห่งในเมืองเป็นสถานที่ฝังศพของวีรชนประจำเมืองนั้น มันคือสถานที่ที่อยู่ใกล้กับโถงแห่งวีรชน ทำให้ง่ายต่อการอัญเชิญวิญญาณทรงพลัง"

"ว่าแล้ว!!"

เมื่อได้ฟังคำตอบของซูล

หวังยวนสั่นสะท้านไปทั่วร่าง

ใช่แล้ว การคาดเดาของเราไม่ผิดเพี้ยน

วีรชนถูกฝังในสุสานของโบสถ์ ซึ่งโบสถ์คือสถานที่อยู่อาศัยของวิญญาณวีรชน

นั่นคือสาเหตุที่เขาสามารถอัญเชิญวิญญาณวีรชนทรงพลังในโบสถ์ได้

“โถงแห่งวีรชนอยู่ที่ไหน?” หวังยวนถามอีกครั้ง

“ไม่รู้!”

ซูลส่ายหน้าแล้วเอ่ยคำ "ตามบันทึกที่หลงเหลือไว้โดยเทพแห่งความตายลาสมา โถงแห่งวีรชนตั้งอยู่ในสถานที่ฝังวีรชนซึ่งเปิดให้ผู้ได้รับการคัดเลือกบางส่วนเข้าไปเท่านั้น มีเพียงผู้ที่ทำภารกิจจึงจะสามารถเข้าไปได้ ต่อให้คนธรรมดายืนอยู่ตรงหน้าโถงแห่งวีรชนก็ไม่สามารถมองเห็นทางเข้าได้ ว่ากันว่ามีเพียงผู้เข้าไปในโถงแห่งวีรชนถึงจะสามารถอัญเชิญวีรชนที่มีวิญญาณแก่กล้าได้ อีกทั้งยังสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของมิติและเวลาเพื่ออัญเชิญวีรชนทรงพลังในมหากาพย์แห่งกาลเวลาได้"

“มีเพียงผู้ที่ทำภารกิจจึงจะสามารถเข้าไปได้”

"ก้าวข้ามมิติและเวลา..."

หวังยวนยิ่งฟังเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกตื่นตระหนกมากขึ้น

มีเนโครแมนเซอร์มากมายอยู่ในเมืองซีเป้ย แล้วเหตุใดถึงมีเพียงตนเองที่พบห้องใต้ดินของโบสถ์กันล่ะ?

ก้าวข้ามมิติและเวลา? นั่นไม่ได้หมายถึงเสี่ยวไป๋กับต้าไป๋หรอกหรือ?

หรือว่า? ห้องใต้ดินที่ทรุดโทรมนั้นไม่ใช่ห้องใต้ดิน แต่เป็นโถงแห่งวีรชนในตำนานงั้นเหรอ?

ใช่แล้ว!! มันต้องเป็นแบบนี้แน่!

โบสถ์คือสถานที่ฝังศพของวีรชน ส่วนห้องใต้ดินทรุดโทรมนั่นคือโถงแห่งวีรชน!

หรือก็คือห้องใต้ดินของโบสถ์ทุกแห่งคือโถงแห่งวีรชน!!

คิดถึงตรงนี้ หวังยวนจึงหันหลังแล้ววิ่งเข้าไปในโบสถ์โดยไม่เอ่ยคำอะไร

"นายจะไปไหนน่ะ?"

สุ่ยหลิงหลงไล่ตามหลังหวังยวนไปไม่ห่างจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ด้านหลังชั้นหนังสือหนึ่งในห้องสมุดของโบสถ์

จากนั้นจึงมีแสงสว่างวาบ แล้วหวังยวนจึงหายไปจากด้านหลังชั้นหนังสือ

ไม่ว่าสุ่ยหลิงหลงจะค้นหาอย่างไรก็ไม่พบร่องรอยของหวังยวน

“เนโครแมนเซอร์ล่องหนได้งั้นเหรอ?” สุ่ยหลิงหลงค่อนข้างสับสน เหตุใดอาชีพถึงมีความหลากหลายขนาดนี้

ในตอนนี้ หวังยวนได้มาถึงห้องใต้ดินของโบสถ์เมืองพายุฟ้าคะนอง

ขณะมองสภาพแวดล้อมคุ้นเคยรอบข้างกับร่างที่นอนอยู่บนเตียง หวังยวนจึงไม่อาจหักห้ามความตื่นเต้นไว้ได้อีกต่อไป

ห้องใต้ดินแห่งนี้เหมือนกับห้องที่เขาเคยอัญเชิญโครงกระดูกทั้งสองในเมืองซีเป้ย

แม้กระทั่งเตียงที่ศพนอนยังแทบหาความแตกต่างไม่ได้

อย่างที่เขาเดาเอาไว้ ห้องใต้ดินทรุดโทรมแห่งนี้คือโถงแห่งวีรชน ส่วนด้านหลังชั้นหนังสือของโบสถ์แต่ละแห่งคือทางเข้าโถงแห่งวีรชน!!

“ตื่นได้แล้ว ลูกของฉัน!!”

หวังยวนยกไม้เท้ามือใหม่ในมือขึ้นและท่องคาถา "อัญเชิญโครงกระดูก"

เลือดเนื้อของศพบนเตียงจางหาย แล้วโครงกระดูกสีขาวจึงค่อยยืนขึ้น

โครงกระดูกที่ถูกอัญเชิญมาใหม่สวมหมวกฟาง ซองใส่ลูกธนูห้อยอยู่ที่เอวและมีธนูยาวอยู่ที่ด้านหลัง

หลังจากยืนขึ้นแล้วจึงหันศีรษะ 360° ก่อน จากนั้นจึงสอบถามเกี่ยวกับนักเดินทางข้ามเวลาสามข้อ

“นี่มันบ้าอะไรกัน? มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น? ฉันถึงกับกลับมามีชีวิตอีกครั้งเหรอ?

“เยี่ยมมาก! มีวิญญาณอยู่ข้างในจริงด้วย!” ในที่สุดหวังยวนตจึงคลายความกังวลเมื่อได้ยินโครงกระดูกตรงหน้าสอบถามสามข้อ

ดูเหมือนว่านี่จะเป็นวิธีถูกต้องในการอัญเชิญโครงกระดูกวิญญาณวีรชน

สิ่งที่เรียกว่าการดึงวิญญาณของซูลช่างอ่อนแอเหลือเกิน!

“ฮ่าฮ่า มีคนใหม่อีกแล้ว!!”

ทันทีที่ต้าไป๋กับเสี่ยวไป๋ได้ยินเสียงโครงกระดูกตรงหน้าก็เข้ามาห้อมล้อมด้วยความตื่นเต้น

“คุณเป็นนักเดินทางข้ามเวลาเหมือนกันเหรอ?”

เมื่อเห็นโครงกระดูกทั้งสองอยู่ตรงหน้า เปลวเพลิงวิญญาณในเบ้าตาของโครงกระดูกนักธนูหน้าใหม่จึงกระโดดโลดเต้นทันที

“ใช่แล้ว! คุณอย่าทำอะไรบุ่มบ่ามจะดีกว่า หากพี่หนิวทราบว่าคุณเป็นนักเดินทางข้ามเวลา คุณได้ถูกจับไปทำซุปแน่” เสี่ยวไป๋เตือนผู้มาใหม่ด้วยประสบการณ์ที่พบเจอมา

"ฟู่..."

นักธนูมองหวังยวนอย่างระแวดระวังพลางเอ่ยคำ "แล้วไอ้หมอนี่เป็นใคร?"

“คนนี้คือพี่หนิว! เป็นเจ้านายของพวกเรา!”

“เหลวไหล! ใครมันกล้ามาเป็นเจ้านายของฉัน? หมอนี่หน้าตาอัปลักษณ์ เขาไม่คู่ควร!!” นักธนูสบถ เห็นได้ชัดว่าไม่สบอารมณ์

"เวรเอ๊ย!"

เมื่อได้ยินการประเมินของนักธนูเกี่ยวกับเขา หวังยวนจึงพยายามระงับความต้องการที่จะทุบตีเอาไว้

“พี่ชาย คุณมีชื่อว่าอะไร? มาจากเมืองหลักไหน?” ต้าไป๋ถามด้วยความสงสัย

“ฉันมีชื่อว่าเจิ้งอู่เซิน มาจากเมืองหลินยินและเป็นสมาชิกของเอลฟ์การ์ด!” นักธนูรายงานเกี่ยวกับตัวเอง

“เจิ้งอู่เซิน... เมืองหลินยิน... คุณรู้จักเจิ้้งอู่หลินหรือเปล่า?” ต้าไป๋ถาม

“นั่นพี่รองฉันเอง!!” นักธนูโครงกระดูกเอ่ยคำด้วยความตื่นเต้น “คุณเป็นใคร?”

“เขาคือซ่งหวูซวงจากกองกำลังพิเศษแสงศักดิ์สิทธิ์!” เสี่ยวไป๋ตอบแทนต้าไป๋

"ซ่ง... ซ่ง... คุณคือตาเฒ่าหวูซวงในตำนาน... อาจารย์หวูซวงน่ะหรือ?!!" เมื่อได้ยินชื่อของต้าไป๋ เห็นได้ชัดว่านักธนูโครงกระดูกตื่นเต้นเหมือนกับเสี่ยวไป๋ในตอนแรก

ไม่ใช่เรื่องยากที่จะคิดว่าต้าไป๋เคยเป็นคนมีชื่อเสียงตอนที่ยังมีชีวิต

"อื้ม ฉันเอง!" ต้าไป๋พยักหน้า

“พี่ชายของฉันมักพูดถึงคุณไม่ขาดปาก!” นักธนูโครงกระดูกเอ่ยคำ

“เขาพูดถึงฉันยังไงเหรอ?”

“เขาบอกว่าเดรัจฉานผู้นั้นไม่ใช่มนุษย์!” นักธนูโครงกระดูกเอ่ยคำตามตรง

“ฮ่าฮ่า! พี่ชายของคุณพูดถูก” เสี่ยวไป๋หัวเราะเริงร่า

“เวรเอ๊ย ไอ้สัตว์ร้ายนี่!” ต้าไป๋กัดฟัน

"พวกจะเริ่มกันเมื่อไหร่?" นักธนูโครงกระดูกเอ่ยถาม

“เริ่มเหรอ? หมายถึงเริ่มอะไร?” แซ่ไป๋ทั้งสองสับสน

“แน่นอนว่าเริ่มฆ่าเจ้าคนแซ่หนิวไงล่ะ” นักธนูโครงกระดูกมองหวังยวนด้วยท่าทางอาฆาตแค้นแล้วเอ่ยคำ "พวกคุณไม่เตรียมตัวหน่อยเหรอ?"

“…”

ต้าไป๋กับเสี่ยวไป๋พูดไม่ออก

หวังยวนอยากจะร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา

ชั่วร้ายมาก!!

การอัญเชิญวิญญาณวีรชนมีข้อดีตรงไหน แม้ไอ้สารเลวเหล่านี้จะมีบุคลิกที่แตกต่างกัน แต่ความคิดแรกหลังจากฟื้นคืนชีพโดยเขากลับเหมือนกันจนน่าประหลาด

แต่ละคนอยากฆ่าเขาทั้งนั้น

“พวกคุณอยากเป็นทาสของคนอื่นไปตลอดชีวิตเหรอ?” นักธนูโครงกระดูกเอ่ยถามอย่างวิตก

“ที่จริงแล้วพี่หนิวเป็นคนดีนะ!” แซ่ไป๋ทั้งสองต่างแนะนำ "ดูของที่พวกฉันสวมใส่สิ เขาเป็นคนซื้อให้ทั้งนั้น!"

“พวกคุณโดนซื้อเพียงเพราะความช่วยเหลือเล็กน้อยแค่นี้เหรอ? แล้วพวกคุณจะได้ประโยชน์อะไร?” คำพูดของนักธนูโครงกระดูกเต็มไปด้วยความเหยียดหยัน

ขณะนักธนูโครงกระดูกยังคงยุยงแซ่ไป๋ทั้งสอง หวังยวนจึงตบหัวนักธนูโครงกระดูก "ไอ้หนุ่มน้อย ฉันจะตั้งชื่อแกในฐานะเจ้านายให้เอง นับจากนี้ไป แกมีชื่อว่าหม่าซานเอ๋อร์”

“หม่าซานเอ๋อร์? ทำไมฉันถึงถูกเรียกว่าหม่าซานเอ๋อร์ล่ะ?”

นักธนูโครงกระดูกมีสีหน้าสับสน

“นั่นสิ ทำไมถึงไม่เรียกว่าไป๋ซานเอ๋อร์?” แซ่ไป๋ทั้งสองสับสนเช่นกัน

เหตุใดรูปแบบการตั้งชื่อถึงเปลี่ยนไปเมื่อมาถึงนักธนูโครงกระดูก

แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่มีวันคาดเดาได้ว่าเหตุผลที่หวังยวนตั้งชื่อนักธนูโครงกระดูกว่าหม่าซานเอ๋อร์เป็นเพราะสามประโยคแรกของหมอนี่ล้วนเป็นคำหยาบโลนทั้งสิ้น รายละเอียดของมันช่างน่าประหลาดใจไม่น้อย

“ในเมื่อพี่หนิวตั้งชื่อคุณแบบนั้น คุณก็ควรใช้ชื่อนี้ อย่าเสียใจไปเลย ถึงยังไงชื่อของเขาก็น่าเกลียดไม่แพ้กัน” แซ่ไป๋ทั้งสองในตอนนี้เหมือนกับหญิงสูงวัยในซ่องที่พยายามชักชวนผู้มาใหม่ตั้งแต่อดีตกาล

"พวกคุณชื่ออะไรบ้าง?" หม่าซานเอ๋อร์ถาม

"อื้ม วันนี้อากาศดีจังเลย!"

“นั่นสิ เป็นวันที่ดีเหลือเกิน”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด