ตอนที่ 32 ตามแผนการเดิม
ตอนที่ 32 ตามแผนการเดิม
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฮงเหมยก็ลุกขึ้นยืนและผละออกจากอ้อมแขนของซ่งลุ่ยโดยธรรมชาติ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ถัดจากซ่งลุ่ยและพูดกับซ่งลุ่ยอย่างเข้มงวด “ตอนนี้นายต้องตั้งใจฟังให้ชัดเจน ตอนนี้ฉันจะเอาเรื่องที่ประธานจางฝากมาบอกนายแค่รอบเดียวนะ นายต้องตั้งใจฟังอย่างละเอียดและอย่าโทษฉันถ้านายพลาดบางอย่าง !”
เมื่อซ่งลุ่ยได้ฟังก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาประมาทเลินเล่อไร้สาระต่อไปได้ เขาจึงนั่งตัวตรงและมองดูฮงเหมยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตั้งใจ ฮงเหมยพูดกับซ่งลุ่ยว่า
“ประธานจางให้ฉันมาบอกนายว่าการไปเก็บค่าเช่าอาจจะมีปัญหา แต่มันก็ไม่ได้จัดการยาก ล้วนแต่เป็นปัญหาเล็ก ๆ อย่ารอความช่วยเหลือจากบริษัทบ่อย ๆ บริษัทเองก็ไม่อยากเสียผลประโยชน์ !” เมื่อฮงเหมยพูดจบก็จ้องมองไปที่ซ่งลุ่ย
ในอีกด้านหนึ่งหลังจากที่ซ่งลุ่ยได้ฟังคำพูดของฮงเหมย ใบหน้าก็ปรากฏสีหน้าครุ่นคิดอย่างกะทันหัน เขาคิดว่าประธานจางจะอธิบายรายละเอียดที่มากกว่านี้กับเขา ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้า สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย จึงถามฮงเหมยว่า “พูดจบแล้วใช่มั้ย ? ประธานจางให้เธอมาบอกฉันเรื่องนี้เหรอ ? แค่นี้เนี่ยนะ ? ไม่สมเหตุสมผลเลย ! มันต้องมีข้อมูลมากกว่านี้สิถึงจะถูก เธอไม่รู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไปเหรอ ?”
เมื่อฮงเหมยได้ยินซ่งลุ่ยพูดแบบนั้น เธอเสแสร้งทำเป็นตอบอย่างโกรธเคือง “ทำไม ? แม้แต่ฉัน นายก็ไม่เชื่อเหรอ ? ถ้านายไม่เชื่อคำพูดของฉัน นายก็ไปถามประธานจางด้วยตัวเองแล้วกัน !”
ซ่งลุ่ยที่ได้ยินฮงเหมยพูดแบบนั้น เขาพูดอย่างลับ ๆ ในใจ แย่แล้ว เขาเดาว่าเขาแสดงออกชัดเจนมากเกินไป ทำให้ฮงเหมยพาลโกรธเขาไปด้วย ถึงอย่างไรก็ตามตอนนี้เขายังต้องการเธออยู่ ยังต้องปั้นหน้าเอาใจฮงเหมยอยู่ เมื่อตัดสินใจได้ เขาก็รีบปั้นหน้าให้อารมณ์ดีแล้วเดินไปข้างหน้าฮงเหมย เขาพูดกับฮงเหมยว่า
“ฉันจะไม่เชื่อเธอได้ไงล่ะ ! ฉันผิดไปแล้ว ฉันพูดผิดไปเอง สมควรโดนตี” พูดจบ เขาก็ยกมือขึ้นมาตีแก้มของเขาเบา ๆ ในขณะนั้นก็ใช้หางตาชำเลืองมองดูฮงเหมยว่าเธอจะมีปฏิกิริยาตอบโต้อย่างไร
แต่ว่าก็เหนือความคาดหมายของซ่งลุ่ย หลังจากที่เห็นท่าทีของฮงเหมย ในสายตาเขาแล้ว เธอยังคงโกรธอยู่และไม่มองมาที่เขาด้วย นี่ทำให้ซ่งลุ่ยสับสนมาก แต่ในขณะนั้นซ่งลุ่ยก็นึกไปถึงความสัมพันธ์ที่คลุมเครือกับฮงเหมยเมื่อไม่กี่วันก่อน ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจ ! เธอไม่ใช่ว่าอยากให้มอบความหวานให้กับเขาเหรอ ! เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซ่งลุ่ยก็แอบจ้องมองฮงเหมย พูดในใจอย่างลับ ๆ ว่ามันควรจะเป็นอย่างนั้นแหละ
ซ่งลุ่ยตัดสินใจที่จะค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนแล้วขยับเขาไปข้าง ๆ ฮงเหมยอย่างช้า ๆ แล้วจะจูบไปที่ริมฝีปากของเธอ แต่ในความเป็นจริง ในตอนที่ซ่งลุ่ยขยับเข้าไปใกล้เธอ เธอเองก็รู้ว่าซ่งลุ่ยอยากจะทำอะไร แบบนี้มันมุขเก่าไปแล้วที่คิดอยากจะจูบอย่างเดียว ! ถึงแม้ว่าในใจจะไม่ยินยอม แต่ว่าตัวเธอเองในตอนนี้ก็ไม่สามารถต้านทานเอาไว้ได้ ได้จังหวะตอนที่เขางัดแผนเก่าของเขาออกมาและก็คิดว่าตบตาฮงเหมยได้ ฮงเหมยเลยปล่อยให้ซ่งลุ่ยจูบ หลังจากนั้นก็แกล้งเสแสร้งทำเป็นให้อภัยเขา ก็แค่นั้นแหละ
ซ่งลุ่ยลุกยืนขึ้นแล้วจูบไปที่ริมฝีปากของฮงเหมย ฮงเหมยแกล้งทำเป็นประหลาดใจและปล่อยให้ซ่งลุ่ยจูบ ผ่านไปพักใหญ่ ๆ ซ่งลุ่ยก็ถอนริมฝีปากออกแล้วมองไปที่ฮงเหมยที่กำลังเสแสร้งทำเป็นตกอกตกใจอยู่ ในเวลานั้นเขาก็เอ่ยปากพูด
"ตอนนี้เป็นไงบ้าง ? ยังโกรธอยู่มั้ย ? ถ้ายังโกรธอยู่ ฉันจะจูบเธออีกนะ ! "
ฮงเหมยได้ยินซ่งลุ่ยถาม เธอจึงรีบพูดยกโทษให้ให้กับซ่งลุ่ย “ไม่โกรธแล้ว ฉันไม่โกรธแล้ว ฉันจะบอกนายตอนนี้แหละ !” ภายในใจของฮงเหมยกำลังเรียบเรียงถ้อยคำอยู่ บนใบหน้าแสดงถึงความต้องการที่ไม่รู้จักพอ พูดกับซ่งุล่ยว่า
“จริง ๆ แล้ว ฉันเพิ่งจะคุยเรื่องงานที่ประธานจางมอบหมายให้ฉันมา นอกจากนี้ยังมีที่ฉันสอบถามเองด้วย แต่ว่าข้อมูลนั้นอาจจะแย่เกินไปหน่อย นายอยากจะทำให้ดีก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดี”
ซ่งลุ่ยได้ยินฮงเหมยพูดแบบนั้น ในใจก็ปรากฏลางสังหรณ์ออกมา หรือว่านี้จะเป็นการเก็บเงินค่าเช่าที่ไม่ง่ายอย่างที่เขาคิดไว้ ? นอกจากนี้ยังเป็นความจริงที่อยากปกปิดอีก ? ไม่สมควรเลย ! ไม่ใช่เรื่องของลูกหนี้พวกนั้นเหรอ ? หรือว่ามีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนั้นเหรอ ? ยังมีคนที่ยั่วโมโหฉันได้อีกเหรอ ? แต่ว่าในตอนนั้นเอง ซ่งลุ่ยก็คิดได้ เขาควรลองฟังดูก่อนแล้วค่อยหาทางแก้ปัญหา ไม่ใช่ประหม่าเกรงกลัวไปก่อนแบบนี้
ซ่งลุ่ยคิดในใจและตอบกลับฮงเหมยว่า "ฮงเหมย ! เธอไม่ได้จะบอกฉันเหรอ ! ฉันพร้อมแล้วนะ ! ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่แย่ขนาดไหน ฉันสามารถรับได้ ! " พูดจบ เขาก็แสดงใบหน้าที่ขึงขังจริงจังออกมา
ฮงเหมยมองไปที่การแสดงออกที่จริงจังของซ่งลุ่ย และการแสดงออกของเธอตอนพูดกับซ่งลุ่ยก็เต็มไปด้วยความจริงจังเช่นกัน
“ส่วนที่ฉันบอกนายก่อนหน้านี้คือส่วนแรกซึ่งเป็นสิ่งที่ประธานจางมาบอกฉันโดยตรง จากนั้นฉันก็เลยถามประธานจาง ประธานจางเลยตอบฉัน จากการสนทนาระหว่างประธานจางกับฉัน ฉันพบว่าการเก็บค่าเช่าดูเหมือนจะเป็นการทดสอบกระบวนการทำงานของนาย แต่ว่าผลลัพธ์หลังจากที่ทดสอบคืออะไร สำเร็จหรือล้มเหลวจะได้รางวัลหรือลงโทษ ฉันเองก็ไม่รู้ สุดท้าย ฉันจะให้คำแนะนำอย่างจริงใจกับนายในฐานะคนที่อยู่ข้าง ๆ นาย ! ฉันจะพยายามอย่างเต็ม ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ อย่าไปขอความช่วยเหลือจากบริษัท มาที่นี่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณ ! ไม่ต้องขอความช่วยเหลือกับบริษัท !”
เมื่อซ่งลุ่ยได้ยินฮงเหมยพูดแบบนั้น เขาก็ครุ่นคิดว่าที่ฮงเหมยพูดแบบนี้มันมีความหมายอะไรแอบแฝง ? ทดสอบ ? ทดสอบอะไรในตัวเขา ? เขาก็แค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ยังจะมาทดสอบอะไร ? หรือว่าประธานจางคิดว่าเขาทำหน้าที่ตำแหน่งนี้ไม่ดี เลยอยากจะปลดเขาออก เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็คิดทันทีว่าเขาทำอะไรลงไปบ้างตั้งแต่เขารับตำแหน่งนี้ เพื่อยืนยันความสงสัยภายในใจของเขาที่มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ฮงเหมยมองสีหน้าของซ่งลุ่ยและรู้ว่าเขากำลังครุ่นคิดอยู่ ฮงเหมยมองไปที่การแสดงออกของซ่งลุ่ยและเอ่ยปากพูดออกมา
“เฮ้ ซ่งลุ่ย ฉันรู้ว่านายคิดอะไรอยู่ ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดฟุ้งซ่าน ทำไปก่อนแล้วค่อยพูดถึงผลลัพธ์ทีหลัง ไม่ว่าเรื่องอะไร นายต้องทำสำเร็จอย่างแน่นอน ส่วนสิ่งที่นายคิดไปเองสุ่มสี่สุ่มห้า ค่อยว่าทีหลังนะ ถึงแม้ว่านายจะทำไม่สำเร็จ แต่ได้พยายามอย่างเต็มที่ ฉันเชื่อว่าประธานจางจะมองเห็นและให้โอกาสนาย นายคิดว่าไง ! ”
เมื่อฮงเหมยจัดการธุระของเธอเสร็จแล้ว เธอจึงลุกขึ้นและต้องการที่จะไปแล้ว ในตอนที่กำลังลุกขึ้นยืนก็พบว่าถ้าเธอจะจากไปเลย มันเป็นการกระทำที่พรวดพราดเกินไป จะเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่สุดถ้าจะคิดหาเหตุผลแล้วค่อยจากไป
ฮงเหมยแต่งแต้มความคิดของเธอและยืนขึ้นพร้อมกับมองไปที่ซ่งลุ่ยโดยไม่รู้ตัวและพูดกับเขาว่า
"โอ้ ฉันเพิ่งคิดเรื่องเรื่องหนึ่งออกมาอย่างกะทันหัน ประธานจางให้ฉันกลับไปทันทีหลังจากที่บอกนายเสร็จแล้ว ดูสมองฉันสิ อะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ลืมแล้ว ! “ พูดจบ เธอก็ลุกขึ้นยืนแล้วต้องการจะเดินจากไป
เมื่อซ่งลุ่ยได้ยิน เขาก็แปลกใจมาก มันไม่ใช่นิสัยของฮงเหมยที่จะจากไปแบบนี้ ! แต่ตอนนี้ฮงเหมยกลับพูดอะไรแบบนี้ออกมา หรือว่าเธอกำลังทดสอบเขาอยู่เหรอ ? ซ่งลุ่ยคิดในใจขณะที่มองสีหน้าของฮงเหมย
การแสดงออกบนใบหน้าของฮงเหมยในเวลานี้ไม่ใช่ไม่มีความสุข และก็ไม่ได้มีความสุขมากมายอะไรขนาดนั้น แต่หน้าตาของเธอเรียบเฉยมาก ซ่งลุ่ยที่มองสีหน้าแบบนี้ของฮงเหมยแล้ว ในใจของเขาก็คิดว่าครั้งนี้ต้องเป็นการทดสอบเขาอย่างแน่นอน ชัวร์ ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็อย่ามาโทษเขาที่เล่นสกปรกแล้วกัน