เจ้าหน้าที่หมายเลข 67 [ฟรี]
ตอนที่ 67
ด็อกเตอร์ดูม!
ทิเบต
สถานที่ที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์และความลึกลับ
มีทั้งที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบตที่รู้จักกันในชื่อของ ‘หลังคาโลก’ และ ‘ภูเขาศักดิ์สิทธิ์’ คุนหลุน ซึ่งเป็นสถานที่เต็มไปด้วยการตกผลึกตามธรรมชาติของตำนานและเรื่องเล่า
นอกจากนี้ยังมีผู้ศรัทธาจำนวนนับไม่ถ้วนที่มาที่นี่เพื่อแสดงความศรัทธาต่อโลก
อย่างไรก็ตามสำหรับ วิคเตอร์ วอน ดูม ที่ไม่มีสถานที่ให้เขากลับไป ที่นี่เป็นเพียงแค่ที่อยู่อาศัยเพียงชั่วคราวเท่านั้น . . .
กล่าวอีกนัยหนึ่งที่นี่คือสถานที่ที่เขาจะสามารถแสวงหาอำนาจได้
ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจะประสบอุบัติเหตุจากห้องทดลองระเบิด ทำให้เขาจะต้องนอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาลด้วยรอยฟกช้ำและผ้าพันแผลทั่วใบหน้า
ซึ่งในจังหวะที่ห้องทดลองเกิดการระเบิดนั้นเขาได้เห็นแม่ของเขาที่ปรากฏขึ้นมาช่วงสั้น ๆ และปีศาจที่มีรูปร่างน่ากลัวผิวสีแดงและเขาอยู่บนหัว
ทำให้ตั้งแต่วินาทีนั้นเขาก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าเป้าหมายที่จะเขาจะทำต่อจากนี้คืออะไร!
พลัง!
พลังที่ไร้ผู้ต่อต้าน!
พลังที่เพียงที่จะฆ่าปีศาจตัวนั้นและช่วยแม่ของเขาออกมาจากเงื้อมมือของมัน!!!
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกระวนกระวายใจและกำหมัดแน่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว พร้อมกับร่างกายของเขาที่ค่อย ๆ เปล่งแสงสีน้ำเงินจาง ๆ ออกมาคล้ายกับเวทมนตร์
เมื่อเวทมนตร์นี้ปรากฏขึ้นมาจากร่างกายของเขามันจะเปลี่ยนให้อารมณ์ของเขาเป็นอีกบุคลิกอย่างกะทันหันราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิง
ทันใดนั้นประตูห้องเขาก็ถูกเปิดออก!
เสียงร้องที่ด้วยตกใจดังขึ้นมาในหูของเขา
"พระเจ้า! นี่มันอะไรกัน?!!!"
ภายในห้องที่เรียบง่ายมีชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมสีเขียวและผ้าพันแผลบนใบหน้ากำลังยืนอยู่ เมื่อเขาหลับตาและอ้าแขนออกทันใดนั้นร่างกายของเขาก็เปล่งประกายด้วยแสงสีฟ้าพร้อมกับร่างของเขาที่ลอยขึ้นมากลางอากาศอย่างเงียบ ๆ!
รอบตัวของเขาดูเหมือนจะมีกระแสไฟฟ้าที่ปรากฏขึ้นมาเป็นระยะ ๆ ตลอดเวลา
ฉากที่น่ามหัศจรรย์นี้ทำให้พระภิกษุสงฆ์สูงอายุรีบคุกเข่าลงกับพื้นและพนมมือเริ่มท่องคาถาที่ฟังไม่ออก
"พระพุทธเจ้า . . . ได้โปรดยกโทษให้ . . . "
ในขณะเดียวกันวิคเตอร์ที่ลอยอยู่กลางอากาศก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา!
แววตานั่นมันอะไรกัน?
มั่นใจ ฉลาดเฉลียว บ้าคลั่ง และโกรธแค้น . . .
อารมณ์ที่หลากหลายที่ขัดแย้งกันล้วนอยู่ภายในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น
เมื่อวิคเตอร์เหลือบไปเห็นพระภิกษุสงฆ์ที่กำลังคุกเข่าอยู่กับแววตาของวิคเตอร์ก็ปรากฏความคิดบางอย่างขึ้นมาและพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า "ฉันต้องการให้คุณทำบางอย่างให้ฉัน!"
. . .
ไม่กี่วันต่อมาวิคเตอร์ก็มองไปที่หน้ากากเหล็กที่กลุ่มพระภิกษุสงฆ์นำออกมาจากโรงตีเหล็กมามอบให้กับเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความ ‘สงบ’
วิคเตอร์ถือหน้ากากเหล็กเอาไว้ในมือของเขา และในใจของเขาในตอนนี้ก็มีทางเลือกเดียวเท่านั้น
ใส่มัน!
เขารู้ว่าการทำการใหญ่มันจะต้องค่อย ๆ ทำทีละขั้นตอนและไปอย่างช้า ๆ
ซึ่งขั้นแรกในตอนนี้ก็คือการซ่อนใบหน้าของเขาภายใต้หน้ากากอันนี้จากวิคเตอร์ วอน ดูม และสร้างตัวตนใหม่ขึ้นมา
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เขาก็ค่อย ๆ ถอดผ้าพันแผลใบหน้าออกภายใต้สายตาที่เคารพนับถือของพระภิกษุสงฆ์หลายรูป
ผ้าพันแผลค่อย ๆ ถูกออกทีละชิ้นเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของของเขา . . .
ใบหน้าที่น่าสยดสยองจนเขาแทบจะยอมรับความจริงไม่ได้ ซึ่งสีหน้าของพระภิกษุสงฆ์เหล่านี้ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นประหลาดใจเมื่อมองเห็นใบหน้าของเขาเช่นกัน
แต่วิคเตอร์ก็ไม่ได้สนใจปฏิกิริยาหรือสายตาของพระภิกษุสงฆ์ที่น่ารำคาญพวกนี้
ในความคิดของเขานี่เป็นเพียงราคาเล็กน้อยที่จะต้องจ่ายสำหรับความจริง
ซึ่งมดพวกนี้คงไม่เข้าใจมัน . . .
วิคเตอร์สวมหน้ากากลงบนใบหน้าของเขาอย่างใจเย็น
จากนั้นก็ดึงฮู้ดของเสื้อคลุมมาสวมเอาไว้ซ่อนหน้ากากเอาไว้ใต้เงามืด
ก่อนที่จะยืนอยู่กับที่อย่างเงียบ ๆ ใช้สายตาจ้องมองผ่านหน้ากากไปที่พระภิกษุสงฆ์ที่อยู่รอบตัวของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยน่าเกรงขามและประกาศขึ้นมาเสียงดังว่า "ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปให้เรียกฉันว่า ด็อกเตอร์ดูม!"
ทันทีที่คำพูดจบลงกระแสไฟฟ้าอันทรงพลังก็ปะทุออกมาจากร่างกายของเขาอีกครั้งพร้อมกับกระแสไฟฟ้านับไม่ถ้วนที่พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
. . . . . .
บริเวณฮังการี โรมาเนีย และเซอร์เบีย มีประเทศเล็ก ๆ ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักชื่อ ลัตเวีย ตั้งอยู่
ประชากรทั้งประเทศมีน้อยกว่าหนึ่งล้านคน อย่างไรก็ตามสิ่งนี้มันก็ไม่ได้ขัดขวางผู้คนที่เดินทางมาท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก และต้อนรับด้วยประเพณีพื้นบ้านที่เรียบง่าย
อุตสาหกรรมหลักของลัตเวียคือการใช้แรงงานคนเพื่อช่วยประเทศเพื่อนบ้านหลายแห่งผลิตผลิตภัณฑ์อาหารทางการทหารกึ่งสำเร็จรูป
ถึงแม้ว่ามาตรฐานการครองชีพจะเป็นเพียงแค่ประเทศเล็ก ๆ ที่กำลังพัฒนา แต่ด้วยการเพิ่งพาการผลิตอาหารและเสื้อผ้า และความสามัคคีระหว่างประชาชนและรัฐบาลทำให้ประเทศนี้ถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่เจริญรุ่งเรือง
ถึงแม้ว่าลัตเวียจะมีประเทศใหญ่รายล้อมอยู่โดยรอบ แต่ที่นี่ก็ไม่เคยเกิดสงครามขึ้นเลย
ท้ายที่สุดแล้วในยุคนี้ประเทศขนาดเล็กถ้าหากเริ่มทำสงครามพวกเขาคงถูกทำลายลงในพริบตา . . .
วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่แดดแรงเป็นพิเศษ
เมืองหลวงของลัตเวีย ในร้านอาหารที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง คลินท์ บาร์ตัน ที่สวมเสื้อแจ็คเก็ตสีดำกำลังพูดคุยกับผู้หญิงผมแดงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
"นาตาชา พวกเราอยู่ที่นี่มาเกือบสัปดาห์แล้ว และได้ค้นหาเกือบทุกมุมของประเทศแล้ว แต่เราก็ยังไม่มีเงื่อนงำอะไรเลย"
"ดูเหมือนว่าเป้าหมายจะไม่ได้หลบหนีกลับมาที่ประเทศบ้านเกิดอย่างที่เราคาดเดาเอาไว้ . . . "
นาตาชาลูบผมเรียลยาวของเธอและหยิบเครื่องดื่มบนโต๊ะขึ้นมาจิบเล็กน้อยและพูดว่า "บางทีเป้าหมายอาจจะรู้ว่าถ้าหากเขาหนีมาที่นี่เขาคงถูกจับ . . . "
เมื่อได้ยินคำตอบอย่างไม่ใส่ใจของนาตาชา ฮอว์กอายก็รู้สึกอับจนหนทางและใช้มือลูบขมับที่กำลังปวดเล็กน้อย "ถ้าหากเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ แล้วเขาจะไปอยู่ที่ไหน?"
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน" นาตาชาแบมือของเธอออกเพื่อบอกว่าเธอก็ไม่รู้เหมือนกัน
"โลกนี้กว้างใหญ่มาก และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาใครสักคนอย่างไร้จุดหมาย เหมือนกับจับเม็ดฝนที่กำลังตกลงในทะเล!"
"เฮ้อ . . . "
"แต่ฉันมีความคิดหนึ่ง . . . "
นาตาชาเหลือบมองไปที่ผู้คนที่กำลังเดินอยู่ด้านนอกผ่านหน้าต่างกระจกของร้านอาหารและพูดว่า "ฉันคิดว่าเราควรแยกย้ายกันไปหาคนละที่"
ฮอว์กอายพยักหน้าเห็นด้วยและพูดว่า "ในสถานการณ์ที่จนมุมแบบนี้ ดูเหมือนว่าจะต้องแบบนั้นแล้วล่ะ . . . "
หลังจากดื่มเครื่องดื่มในแก้วจนหมด พวกเขาทั้งสองคนก็เดินออกมาจากร้านอาหารด้วยกัน
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงพวกเขาทั้งสองคนก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูทางออกขึ้นเครื่องบินของสนามบินในเมืองหลวงลัตเวีย
"ขอดูพาสปอร์ตด้วยค่ะ!"
เมื่อหันไปมองพนักงานต้อนรับของสนามบินที่ยิ้มแย้ม นาตาชาก็ยื่นพาสปอร์ตในมือของเธอให้กับพนักงาน
"ขอให้มีความสุขกับการเดินทางค่ะ!"
หลังจากลงทะเบียนอะไรเสร็จเรียบร้อยพนักงานก็คือพาสปอร์ตให้นาตาชา โดยบนหน้าพาสปอร์ตจุดหมายปลายทางของเธอก็คือ ‘จีน’ . . .
โปรดติดตามตอนต่อไป …