บทที่ 65 เจ็ดต่อสาม.. หรอ..
“อั๊ก” เมื่อซางชูเหวินได้ยินชูเหลียงพูดถึงเงิน 50,000 เหรียญกระบี่ก็แทบจะกระอักเลือดออกมาทันที
"ดูเจ้าสิ ชายหนุ่มหน้าตาดีดูมีคุณธรรม เหตุใดเจ้าถึงกล้าพูดหยาบคายเช่นนี้" ชางซูเหวินตำหนิ
ห้าหมื่นเหรียญกระบี่
คำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากของชายคนนั้นจริงหรือ
แม้แต่ตัวเขาเองผู้เป็นถึงเจ้าแห่งยอดเขาก็ไม่สามารถเรียกหาเหรียญกระบี่ได้ถึงห้าหมื่นเหรียญได้ตลอดเวลา แล้วเด็กคนนี้จะถูกรีดไถไปห้าหมื่นเหรียญกระบี่จริงๆ น่ะหรือ
แม้ว่าเขาจะมีเงินมากขนาดนี้ จางซิงหยวนก็คงไม่กล้าแตะต้องเงินก้อนโตเพียงนั้นได้หรอก
อันธพาลแบบไหนที่กล้าก่ออาชญากรรมร้ายแรงเช่นนี้ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะเชื่อว่าเขาปล้นเงินก้อนโตขนาดนี้
เมื่อตี้หนิวเฟิ่งได้ฟัง ดวงตาของเธอก็เผยความประหลาดใจเล็กน้อย เธอไม่คิดว่าชูเหลียงจะบอกตัวเลขที่สูงกว่าที่เธอคาดไว้เสียอีก..
ตี้หนิวเฟิ่งจ้องมองชูเหลียงด้วยสายตาชื่นชม
สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดคือจางซิงหยวนที่ยืนอยู่อย่างหมดหนทาง
ในจุดนี้จางซิงหยวนเห็นได้ชัดแล้วว่าคู่แข่งของเขานั้นเหนือกว่าพวกเขามาก อาจารย์ของเขาตั้งใจจะแก้ไขเรื่องนี้โดยสันติ แต่สิ่งต่างๆ กลับกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
ตัวเลขห้าสิบกลายเป็นห้าหมื่น.. นี่คือการทวีคูณที่แย่มาก
จางซิงหยวนจึงรีบร้องขึ้นว่า "จะเป็นไปได้อย่างไร ท่านอาจารย์ ข้าสาบานด้วยสวรรค์และโลก ข้าเอาเหรียญกระบี่ของเขาไปเพียงห้าสิบเหรียญเท่านั้น เขากุเรื่องขึ้นมามั่วซั่ว!"
ชางซูเหวินหันไปจ้องมองจางซิงหยวนด้วยความโกรธทันที
เช่นนั้นมันเป็นเรื่องจริงที่จางซิงหยวนรีดไถเงินด้วยความมิชอบ และเขาเพิ่งยอมรับว่าพวกเขาผิดอย่างเห็นได้ชัด...
ตี้หนิวเฟิ่งเลืกคิ้ว "โอ้ ศิษย์ข้ากําลังพูดถึงเงินห้าหมื่น เขาพูดถึงเงินเพียงห้าสิบ มันแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว"
เธอจ้องมองที่จางซิงหยวนศิษย์หนุ่มระดับแกนทองคําด้วยรอยยิ้มที่ซุกซน
"ข้าจะเผาเขาเสียให้จบๆ เหรียญกระบี่สามารถอยู่ได้ในทะเลเพลิงของข้า ถ้ามันเป็นห้าหมื่น เราจะออกไปพร้อมกับเงิน ถ้าในตัวเขามีไม่ถึงห้าหมื่น ข้าจะขอโทษและให้การชดเชยที่สมควรได้รับก็แล้วกัน"
ตุ้บ!
จางซิงหยวนคุกเข่าลงด้วยเสียงดัง เข่าของเขากระแทกกับพื้นเนื่องจากขาของเขาสั่นโรยแรงและไม่สามารถยืนได้อีกต่อไป
เขามิได้อยากดูน่าสมเพชเช่นนี้ แต่เมื่อตี้หนิวเฟิ่งจ้องมองเขาและพูดคำว่า "เผา" ออกมาได้อย่างไม่สะทกสะท้าน จิตใจของเขาก็มิอาจต้านไหวได้อีกต่อไป นั่นก็เพราะเธอสามารถเผาเขาได้อย่างง่ายดายจริงๆ สําหรับตี้หนิวเฟิ่ง มันง่ายเหมือนการทับบี้มดตัวหนึ่งเท่านั้น
ชี่และพลังที่ปล่อยออกมาจากตี้หนิวเฟิ่งในระดับบรรลุเต๋าพวยพุ่งออกมาพร้อมกับจิตสังหารอันท่วมท้นหนักอึ้งของเธอ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทนได้เลย
ด้วยสีหน้าหวาดกลัวสุดขีด จางซิงหยวนน้ำตาคลอเบ้าโดยที่เขาไม่รู้ตัว
ชางชูเหวินที่เห็นท่าไม่ดีจึงก้าวออกมาข้างหน้าและยืนอยู่ต่อหน้าจางซิงหยวนโดยหวังว่าจะปกป้องศิษย์ของเขา อย่างไรก็ตาม ในบรรดาผู้เชี่ยวชาญสูงสุดของนิกายฉูซาน ระดับการฝึกฝนของเขาถือว่าธรรมดาหากเทียบกับเจ้าแห่งยอดเขาอื่นๆ พลังของผู้ฝึกตนในระดับที่หกอาจเพียงพอที่จะกวาดล้างนิกายระดับกลางๆ ได้เลย แต่ทว่า ระดับการฝึกฝนดังกล่าวนั้นไม่สามารถเทียบได้กับพลังของตี้หนิวเฟิ่งในระดับการบ่มเพาะที่เจ็ดได้เลย
ตี้หนิวเฟิ่งปลดปล่อยความกดดันจากพลังออกมา ชางซูเหวินเองก็ปล่อยพลังของเขาออกมาด้วยสีหน้าจริงจังขึ้น
ชางซูเหวินลังเลอยู่ครู่หนึ่งและป่าวประกาศ "ข้ายินดีที่จะชดใช้เป็นเหรียญกระบี่จำนวนห้าพันเหรียญเพื่อแก้ไขเรื่องนี้ หากท่านไม่ยอมรับ ก็โปรดแจ้งเรื่องนี้ไปที่หอวินัยและวังไร้พรมแดนเถิด นอกเหนือจากนั้นข้าจะไม่ประนีประนอม"
ท้ายที่สุดแล้วเป็นคนของยอดเขาหยุนเทียนที่ผิดจริง และน่าเสียดายที่ศิษย์ของเขาเลือกมีปัญหากับคู่กรณีผิดคนเสียด้วย ดังนั้น ชางซูเหวินจึงต้องควักเงินจํานวนมากเพื่อระงับเรื่องนี้
"ห้าพันงั้นหรือ" ตี้หนิวเฟิ่งกล่าว เธอหรี่ตาและดูเหมือนกําลังครุ่นคิดอยู่ จากนั้นเธอก็มองไปที่ชูเหลียง “เช่นนี้รับได้หรือไม่”
"ท่านอาจารย์ที่เคารพ ท่านสอนข้าเสมอว่าพวกเราชาวหยินเจี้ยนควรปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างดี" ชูเหลียงพยักหน้าตอบ "ในเมื่ออาจารย์ชางยินดีที่จะคืนดีกับเรา เราก็อย่าทําลายความสามัคคีของเพื่อนร่วมนิกายเลยขอรับ"
ตี้หนิวเฟิ่งยิ้ม "นี่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง"
บรรยากาศตึงเครียดหายไปทันทีราวกับว่าเมฆฝนได้แยกออกจากฟ้า ทุกคนบนยอดเขาหยุนเทียนสามารถหายใจได้สะดวกขึ้นทันที
“ยอดเขาหยุนเทียนนั้นให้ความสําคัญกับความเป็นมิตรต่อผู้อื่นเป็นอย่างมาก เราจะถือว่าการสูญเสียเงินของเราไปสี่หมื่นห้าพันนั้นเป็นการสร้างมิตรภาพก็แล้วกัน”
ชูเหลียงพยักหน้า "ยิ่งเรามีเพื่อนมากเท่าใด เราก็ยิ่งมีทางเลือกมากขึ้นเท่านั้นสินะขอรับ"
ตี้หนิวเฟิ่งตบหน้าอกตัวเองแล้วกล่าวว่า "จากนี้ไปพวกเราทุกคนเป็นพี่น้องกัน"
ตี้หนิวเฟิ่งและชูเหลียงหัวเราะไปพลาง บรรยากาศตึงเครียดจึงเริ่มคึกคักขึ้น
แต่ชางซูเหวินยังคงแสดงสีหน้าจริงจัง เขาเงียบไปสักพักก่อนยกมือขึ้นโยนแผ่นหยกสีมรกตออกมา
ตี้หนิวเฟิ่งเอื้อมมือไปคว้ามัน
ชางชูเหวินพูดอย่างหนักแน่น "รับเหรียญกระบี่แล้วกลับไปเสีย ข้าจะจัดการเรื่องของยอดเขาหยุนเทียนเอง”
ตี้หนิวเฟิ่งรับหยกมรกตและปล่อยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเธอเข้าไป
หลังจากยืนยันมูลค่าที่ถูกต้องของเหรียญกระบี่เธอพูดเพียงสั้นๆ ว่า "ไว้เจอกัน"
ด้วยสีหน้าชัยชนะ อาจารย์และนักเรียนคู่นี้จึงเดินทางกลับยอดเขาทันทีด้วยความดีใจ
ชางซูเหวินที่อยู่ที่นั่นหันกลับมาจ้องมองลูกศิษย์ที่ยังคุกเข่าและตัวสั่นอยู่บนพื้น จากนั้นเขาก็มองไปที่เศษซากไหม้เกรียมซึ่งเคยเป็นที่พักของเขาที่เหลืออยู่เพียงซากปรักหักพังและขี้เถ้า
"เกิดอะไรขึ้น" เขาถาม
"คือ.. ท่านอาจารย์.." จางซิงหยวนยอมรับ
เมื่อตระหนักว่าเรื่องนี้ได้บานปลายจนถึงจุดที่เขาไม่สามารถปกปิดได้ เขายอมรับต่อทุกคนว่าเขาไปมีส่วนร่วมในการแก้แค้นของชางจื่อเหลียง
จางซิงหยวนพูดต่อ "เขาให้ข้าไปสั่งสอนศิษย์แห่งหยินเจี้ยนผู้นั้น ข้าเลยต้องทำ.."
เมื่อได้ยินชื่อผู้เป็นลูกชาย ชางชูเหวินก็ขมวดคิ้ว "ชางจื่อเหลียงหรือ"
เขาวาดอักขระในอากาศอย่างไม่ลังเลและสายลมก็ได้พัดพาชางจื่อเหลียงมาถึงที่นี่อย่างรวดเร็ว
ชางชื่อเหลียงได้เห็นสถานการณ์ด้วยตาของเขาเองและรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขารู้สึกกระวนกระวายมาก และเพียงกะพริบตา เขาก็พบว่าเขาถูกเรียกมายืนต่อหน้าพ่อของเขาแล้ว
เมื่อชางจื่อเหลียงเผชิญหน้ากับชางซูเหวินที่มีสีหน้าสงบ เหงื่อเย็นๆ ก็ไหลลงมาตามหน้าผากของเขาเหมือนน้ําตก
"เกิดอะไรขึ้น" ชางซูเหวินถามด้วยน้ําเสียงที่ยังคงสงบ
อย่างไรก็ตามชางจื่อเหลียงรู้ว่านี่เป็นความสง่างามของพ่อของเขาในช่วงเวลาที่เขาโกรธที่สุด
"ท่านพ่อ.." ชางจื่อเหลียงอดกลัวจนตัวสั่นไม่ได้ เขาพยายามสร้างประโยคที่ดีที่สุดให้ได้ "เอ่อ... ข้าขอสารภาพ... ข้าจะสารภาพทุกอย่าง แต่...
"ข้ายังเป็นลูกชายแท้ๆ ของท่านใช่หรือไม่.."
...
ในศาลาของตี้หนิวเฟิ่งบนยอดเขาหยินเจี้ยน
"วันนี้ทำงานได้ดี” ตี้หนิวเฟิ่งกล่าว
"ข้ากังวลว่าจำนวนเงินที่เจ้าจะกล่าวนั้นน้อยเกินไป แต่ตัวเลขที่เจ้าพูดนั้นเกินความคาดหมายของข้า.. หนุ่มน้อย เจ้ากล้าหาญมาก"
"ทั้งหมดเป็นเพราะท่านสั่งสอนข้าอย่างดีขอรับ" ชูเหลียงตอบอย่างถ่อมตัวด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง
ตี้หนิวเฟิ่งพยักหน้า "พยายามต่อไป"
ชูเหลียงไม่ได้ตอบโต้ทันที เขาก้มหัวลงและเงยหน้าขึ้นและจ้องมองที่ตี้หนิวเฟิ่งอย่างเงียบ ๆ
"มีอะไร" ตี้หนิวเฟิ่งถามอย่างไม่เข้าใจ
"ท่านอาจารย์ที่เคารพ วันนี้เราทําเงินได้มากมายใช่หรือไม่.." ชูเหลียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"ฮ่าฮ่า เจ้านี่มันจริงๆ เลย.." ตี้หนิวเฟิ่งยิ้ม "สบายใจได้ เจ้าจะได้ส่วนแบ่งแน่.. เจ็ดต่อสามก็แล้วกัน!"
ตี้หนิวเฟิ่งยกมือขึ้นขว้างถุงเหรียญกระบี่ออกมามา
ชูเหลียงได้คว้าไว้และวัดน้ำหนัก เขารู้สึกว่าน่าจะมีแค่ประมาณร้อยเหรียญ เขาจึงสัมผัสมันด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์และพบยอดเหรียญกระบี่ภายใน.. ร้อยห้าสิบเหรียญ
"ท่านอาจารย์.." เขาพูดพลางกะพริบตา
"อัตราส่วนเจ็ดต่อสาม เจ้าเอาไปสามส่วน ข้าจะเอาเก้าสิบเจ็ดส่วนที่เหลือไปเอง ไม่มีสิ่งใดผิดใช่หรือไม่ ฮ่าๆ " ตี้หนิวเฟิ่งพูดอย่างไร้ยางอาย
"..." ชูเหลียงพูดไม่ออก
อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ใช่เพราะตี้หนิวเฟิ่งที่ออกหน้าแทนเขา ชูเหลียงก็ไม่สามารถประสบความสําเร็จได้มากขนาดนี้ แท้ที่จริงแล้วเขายังได้กำไรจากเหตุการณ์นี้ และนั่นเป็นผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม
อีกทั้งเขายังคุ้นเคยกับพฤติกรรมของอาจารย์ของเขาดี หากเธอได้เงินไปนั่นหมายความว่ามันจะหายไปกับเธอทันที การที่เธอยอมแบ่งให้เขาแม้เพียงเล็กน้อยจึงถือเป็นการแสดงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของเธอแล้ว
ดังนั้น เขาไม่ได้หนักใจกับเรื่องนี้ ตราบใดที่เขาสามารถขายชาผลไม้ของเขาได้อย่างสงบเขาก็พึงพอใจแล้ว
และในเวลานี้เอง จู่ๆ เขาก็รู้สึกสั่นที่หน้าอก
เหรียญผู้ปราบวิญญาณงั้นหรือ..