ตอนที่ 81 : ฝูงมอนสเตอร์ ? มีคนหมายตานายอยู่ !
ตอนที่ 81 : ฝูงมอนสเตอร์ ? มีคนหมายตานายอยู่ !
“เวทีประลองที่ 1 คู่ที่ 3 หลินลั่ว V หวังจ้าว เริ่มได้ !”
“หวังจ้าว ?” หลินลั่วรู้ได้ทันทีว่าชายตัวอ้วนตรงหน้าเขานั้นคือหวังจ้าว จากโรงเรียนที่ 2 อาชีพที่เขาได้คือเทมเมอร์
ทันทีที่กรรมการพูดจบ หวังจ้าวก็ตบลงไปที่ถุงอสูรที่ห้อยอยู่ที่เอว ถุงอสูรเปิดออกพร้อมกับสิ่งมีชีวิตสีแดงขนาดเท่ากับนกบินออกมาพุ่งเข้าใส่หลินลั่ว !
บีสต์เทมเมอร์ !
ในโลกนี้ มันเหมือนจะมีอาชีพที่แข็งแกร่งเพราะมอนสเตอร์อยู่
เพราะมันมีมอนสเตอร์มากมายในป่า !
เทมเมอร์ทั่วไปนั้นควบคุมได้แค่สัตว์ทั่ว ๆ ไป สัตว์ที่แข็งแกร่งที่สุดคงเป็นเสือ, สิงโต, เสือดาว และสัตว์ป่าธรรมดาทั่วไป
ทว่าเมื่อก้าวมาเป็นผู้ปลุกพลัง คนฝึกสัตว์เหล่านี้ก็พึ่งความสามารถและสกิลของตัวเองในการควบคุมมอนสเตอร์ได้
ให้มอนสเตอร์เหล่านี้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงไม่ก็ตัวแทนในการต่อสู้ได้
ได้ยินมาว่าบีสต์เทมเมอร์บางคนควบคุมได้แม้แกระทั่งดราเกมอนให้มาสู้ให้ พวกมันแข็งแกร่งอย่างมาก
ในกองทัพตะวันตกเฉียงเหนือ มันมีหน่วยเฉพาะบีสต์เทมเมอร์ด้วย
ตอนที่พวกเขาลงมือปฏิบัติภารกิจ พวกเขาถึงกับเรียกมอนสเตอร์ออกมาได้เป็นฝูง !
“นี่....ผึ้งเลือดพิษ !”
“พระเจ้า ! หวังจ้าวกลับทำให้พวกมันเชื่องได้ !”
“ผึ้งเลือดพิษเป็นมอนสเตอร์ระดับเหล็ก พวกมันอยู่กันเป็นฝูง มีพิษทำให้ชา แม้ว่าจะเป็นผู้ปลุกพลังระดับทองแดง ทว่าก็อาจจะโดนต่อยจนตายได้ !”
“ตอนที่มีผึ้งเลือดพิษแค่หลักสิบตัว ทว่ามันก็ยังทำเราตายได้อยู่ดี...”
เมื่อเห็นทุกคนพากันสนใจผึ้งเลือดพิษ หวังจ้าวก็ประกบมือเข้าด้วยกัน ถุงอสูรสั่นไหวพร้อมกับร่างขนาดใหญ่ที่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าหวังจ้าว มันยืนสี่ขา กล้ามเนื้อทั้งตัวบวมเปล่ง ที่หลังของมันมีชั้นเกราะเหล็ก หัวของมันมีแต่เขาคม ๆ ยาวประมาณ 1 ม. !
“เหี้ย ! แรดเหล็ก !”
“อสูรระดับเหล็กอีกตัวแล้ว !”
“แรดเหล็ก เก่งทั้งการป้องกันและโจมตี ! ถ้าโดนมันชนเข้าจังๆ แม้แต่รถถังก็ยังเป็นรูได้ !”
“มอนสเตอร์ระดับเหล็กสองตัว โคตรโหดเลย !”
“แรดเหล็กเก่งในการป้องกัน ผิวของมันไม่ต่างอะไรจากแผ่นเหล็ก ผู้ปลุกพลังระดับทองแดงทั่วไปไม่อาจจะเป็นคู่มือของมันได้ !”
“หึหึหึ... ” เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้คนพูดคุยกัน หวังจ้าวก็หัวเราะออกมา
นี่แหละคือสิ่งที่เขาต้องการ !
เขาไม่ได้อยากได้ความสนใจแบบฉือเหอรึฟางหยวน เป้าหมายของเขาคือ 4 อันดับแรก !
ตงฟางเหอ, เฉินผิงอัน และมู่หรงเสวี่ยเหิน ผู้ปลุกพลังอาชีพลับระดับ S พวกนี้มีโอกาสสูงที่จะผ่านเข้ารอบ
ทว่าหลินลั่วนั้น เอาจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้เห็นหัวเท่าไหร่
สกิลแปลก ๆ แล้วยังไง ? เลเวลสูงแล้วยังไง ?
ถ้าเขามีเวลากว่านี้และจับอสูรทุกตัวได้ งั้นเขาก็มั่นใจว่าเขาจะเอาชนะพวกนี้ได้ ! ตอนที่พูดนั้น เขาก็โยนถุงอสูรอีกสองอันลงไปที่พื้น !
“...”
พลังผันผวนแผ่ออกมา จากนั้นก็มีงูสีดำสองตัวขนาดพอ ๆ กันเลื้อยออกมา
“นั่น.....งูน้ำดำ !”
“บัดซบ ! งูน้ำดำเป็นอสูรระดับเหล็กขั้นกลาง แถมยังมีถึงสองตัว !”
“งูน้ำดำเป็นมอนสเตอร์ที่มีธาตุพิษและน้ำ มันหายาก ไม่คิดเลยว่าจะเห็นพร้อมกันถึงสองตัว !”
“หวังจ้าวแข็งแกร่งขนาดนี้เลยเหรอ ? ดูเหมือนว่าจะเป็นม้ามืดอีกคน !”
“ม้ามืดบ้าอะไร ! หวังจ้าวน่ะเป็นอัจฉริยะในโรงเรียนที่ 2 แต่โชคร้ายที่มู่หรงเสวี่ยเหินน่ะโดดเด่นกว่า !”
“ไม่แปลกเลย ถ้าไม่มีมู่หรงเสวี่ยเหิน งั้นหวังจ้าวอาจจะเป็นผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุด....ในโรงเรียนที่ 2 !”
เสียงพึมพำของทุกคนดังขึ้น ฝูงผึ้งกว่า 10 ตัวพากันพุ่งมาถึงตรงหน้าหลินลั่วแล้ว
“บีสต์เทมเมอร์ ?” หลินลั่วแปลกใจเล็กน้อย เด็กอ้วนคนนี้ดูไม่ได้แข็งแกร่งอะไร แต่กลับจับมอนสเตอร์มาได้เยอะแบบนี้
เขาเหวี่ยงคทาในมือเบา ๆ พร้อมพลังจิตที่พุ่งเข้าหาฝูงผึ้ง
[ จิตสับสน ] !
“.....”
ฝูงผึ้งเลือดพิษที่แต่เดิมพุ่งเข้ามาต้องชะงักเพราะความสับสน จากนั้นพวกมันก็เริ่มโจมตีกันเอง
ตอนที่กัดผึ้งตัวอื่น พวกมันก็ใช้เหล็กในของตัวเองแทงเข้าใส่ผึ้งอีกตัวด้วย
“ฟรืด !” ที่พื้นดิน แรดเหล็กได้พุ่งเข้ามา ทว่าก่อนที่มันจะพุ่งมาถึงตัวหลินลั่ว ผึ้งเลือดพิษในอากาศก็พุ่งลงมาใช้เหล็กในแทงเข้าที่ตัวแรดอย่างแรง แรดเหล็กคำรามออกมาด้วยความโกรธ ก่อนจะสะบัดตัวไปมาและยกกีบเท้ากระทืบกับพื้นจนฝุ่นตลบ
ทว่าถึงจะทำแบบนี้แต่มันก็ยังรู้สึกเจ็บอย่างต่อเนื่อง
“บัดซบ ! ? นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ทำไมอยู่ ๆ ผึ้งเลือดพิษถึงได้โจมตีแรดเหล็ก ?”
“มันเริ่มโจมตีกันเอง !”
“ฮ่าฮ่า.... ฉันจำได้ว่าหลินลั่วเหมือนจะเปลี่ยนอาชีพไปสายนักบวชทมิฬ เขามีสกิลควบคุม !”
“ไม่ใช่ ! มันน่าจะเป็นสกิลภาพลวงตา แต่ฉันไม่รู้ว่ามันจะส่งผลนานแค่ไหน ?”
ในเวทีประลอง หวังจ้าวก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ทว่าเขาก็ยังสั่งให้แรดเหล็กเดินหน้าต่อ !
งูน้ำดำทั้งสองตัวเลื้อยตามไปติด ๆ
การเสียผึ้งเลือดพิษไปนั้น เขายังพอรับได้
เขาใช้โอกาสที่แรดเหล็กและงูน้ำดำเข้าโจมตีเพื่อโยนถุงอสูรอีก 4 ถุงลงไปที่พื้น แสงสีขาวส่องประกายออกมาจากนั้นหมาป่าสี่ตัวสูงประมาณ 3 ม.โผล่มาตรงหน้าเขา
หมาป่าพวกนี้เป็นมอนสเตอร์ระดับเหล็กขั้นต้น พวกมันคือสัตว์เลี้ยงที่เขาจับได้จากชั้น 21 !
“ดูแผลที่หลังพวกมันสิ พวกมันเหมือนจะโดนจับมาจากชั้น 21 ของหอฝึกฝน ?”
“ใช่ มีพวกหมีอยู่ด้วย หวังจ้าวกลับจับพาหนะของมอนสเตอร์พวกนั้นมาได้ !”
“มัน...ทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ !”
ฟริ้ว !
หมาป่าทั้งสี่หอนออกมาและพุ่งเข้าใส่หลินลั่ว
เมื่อเห็นมอนสเตอร์ที่พุ่งเข้ามา หลินลั่วก็ยังทำแบบเดิม เขายังใช้สกิลเดิมออกมา
[ จิตสับสน ] !
[ จิตสับสน ] !
กึก !
แรดเหล็กกลับชะงัก มันพ่นลมออกมาจากจมูกเพราะความโกรธ ดวงตาที่ใหญ่ราวกับระฆังแดงก่ำ มันไม่ได้โจมตีหลินลั่วที่อยู่ตรงหน้า มันหันกลับและพุ่งเข้าชนหมาป่าด้านหลังแทน !
ปัง !
“....” หมาป่าตัวหนึ่งหลบไม่ทันและโดนชนเข้าเต็ม ๆ ตัวของมันถึงกับกระเด็นออกมา
เขาที่ใหญ่และหนาของแรดแทงเข้าที่ท้องของหมาป่าตัวที่สองจนอวัยวะภายในกับเลือดไหลออกมา
ในอีกด้านงูน้ำดำก็คลั่งเช่นกัน มันไม่ได้โจมตีหลินลั่วแต่กลับอ้าปากและกัดงูอีกตัวที่อยู่ข้าง ๆ !
งูน้ำดำที่โดนโจมตีต้องบิดตัวสู้กลับ มันต้องอ้าปากของมันเพื่อกัดอีกฝ่าย
ผ่านไปสักพักงูน้ำดำทั้งสองก็เข้าฟัดกันอีกรอบ ตอนนี้ทั้งเวทีประลองมีแต่ฝุ่นตลบอบอวล
“ฮ่าฮ่า....หวังจ้าวนี่โยนหินทับเท้าตัวเอง !”
“หวังจ้าวจะไม่ร้องไห้เอารึไง มอนสเตอร์ที่เขาเรียกออกมา หันมาฆ่ากันเอง !”
“โชคร้ายของหวังจ้าว ! ปลุกพลังได้ไม่ถึงครึ่งเดือน ถ้าเขาจับมอนสเตอร์ได้มากกว่านี้ก็คงดี แต่เขามีเวลาไม่พอ ดังนั้นความภักดีของพวกมันจึงไม่ได้สูงนัก ดังนั้นพวกมันจึงถูกหลินลั่วจัดการได้ง่าย ๆ”
“สกิลสะกดจิต !”
“น่าสงสาร ! มอนสเตอร์เยอะขนาดนี้ เขาคงขึ้นไปรอบ 4 คนสุดท้ายได้ !”
“ฮ่าฮ่า ดูหน้าเขาสิ มัน...ม่วงอย่างกับมะเขือม่วง !”
ในเวทีประลอง หวังจ้าวก็ล้วงเอายาอสูรออกมาโยนออกไป แต่กลับไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนสนใจ
เขาได้แต่มองดูมอนสเตอร์ของตัวเองฆ่ากันเองโดยที่ไม่อาจจะทำอะไรได้
ไม่กี่นาทีต่อมา ผึ้งเลือดพิษกว่า 10 ตัวก็ตายไปหมด หมาป่า 2 ตัวก็โดนฉีกเป็นชิ้น ๆ
สำหรับงูน้ำดำสองตัว พวกมันกัดกันเองจนบาดเจ็บหนัก พื้นดินเต็มไปด้วยเลือดและเกล็ด
“เหี้ยเอ้ย สกิลสะกดจิตของเขากินเวลานานจริง ๆ ...จบได้แล้ว ฉันรอนานกว่านี้ไม่ได้ ถ้ารอนานกว่านี้ มอนสเตอร์ฉันตายหมดแน่...”
“ยังไงซะฉันก็มีโอกาสที่จะสู้กับคนอื่นต่อได้....”
เขากัดฟันรีบยกมือขึ้น “ยอมแพ้ ผมขอยอมแพ้ !”
“รักษามอนสเตอร์พวกนี้ที...”
“ผู้ชนะ....หลินลั่ว !” เสียงประกาศของกรรมการดังขึ้น การแข่งขันได้จบลง หวังจ้าวรีบเดินไปหามอนสเตอร์ตัวเองและเก็บพวกมันเข้าถุงอสูร
น่าเสียดายที่ผึ้งเลือดพิษฆ่ากันเองตายไปหมดแล้วเพราะเหล็กในพวกมันถูกใช้ไปหมดแล้ว
ตอนนี้เลี้ยงพวกมันต่อก็ไม่มีประโยชน์
“เฮ้อ โชคร้ายจริง ๆ ....” หวังจ้าวมองไปเวทีประลองอีก 3 แห่งด้วยสีหน้าที่บิดเบี้ยว ตอนแรกเขาคิดว่าเขาเลือกถูกคนแล้ว ทว่าไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นเพชรในตม
ฟันเขาถึงกับหักซะเอง !
ด้วยชัยชนะของหลินลั่ว มันทำให้หลินลั่วผ่านเข้ารอบ 4 คนสุดท้าย !
ในอีก 2-3 ชม. หลินลั่วก็ไปเป็นผู้ชมคอยดูการต่อสู้ของเวทีประลองอื่น ๆ
ในเวทีประลองที่ 2 การโจมตีของตงฟางเหอยังเฉียบคมเหมือนเดิม ทว่าหลังจากที่เผชิญหน้ากับอัศวินแสงที่เด่นเรื่องการป้องกัน เขาก็เกือบทำอะไรไม่ได้
ไม่ว่าเขาจะโจมตีแค่ไหน ทว่าเขาก็ไม่อาจจะทำลายการป้องกันของอัศวินแสงได้เลย เพราะความสิ้นหวัง สุดท้ายเขาก็ได้แต่ต้องเรียกมังกรออกมา
ด้วยความช่วยเหลือจากมังกร สุดท้ายเขาก็เอาชนะฉือเหล่ยไปได้
มันทำให้สีหน้าเขาบิดเบี้ยวไป
เขาอยากให้หลินลั่วแพ้ ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่าหวังจ้าวที่เป็นคนของเขากลับเป็นฝ่ายแพ้ซะเอง !
ตอนที่ทุกคนพูดถึงเขาด้วยความตื่นเต้น หลายคนก็พากันส่ายหน้า
ถ้าไม่มีมังกร ตงฟางเหอก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไร !
ในเวทีประลองที่ 3 เงาดาบปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า จางเหมิงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป
ที่เวทีประลองที่ 4
ถึงห้าวจ้าวจะเรียกสิ่งมีชีวิตจากนรกมาโจมตีมู่หรงเสวี่ยเหิน ทว่าเขาก็ไม่อาจจะทำลายการป้องกันของเธอได้
ในทางกลับกันแล้ว เพราะพลังแสงของมู่หรงเสวี่ยหิน สุดท้ายสิ่งมีชีวิตจากนรกของเขาก็แพ้ทางอย่างหนัก
เขาทนได้ไม่ถึง 5 นาทีก่อนจะต้องเลือกที่จะยอมแพ้ !
ใน 30 นาทีต่อไป ทั้งสามคนก็ถูกท้าสู้อีก ทว่าพวกเขาก็ยังเอาชนะไปได้ดังเดิม
สำหรับหยางเฉินหลี่ เขากลับหันกลับและเดินออกมาไม่คิดจะท้าสู้เฉินผิงอันและมู่หรงเสวี่ยเหิน
ไม่นานมันก็ได้ผู้เข้ารอบรองชนะเลิศทั้ง 4 คน
พวกเขาคือหลินลั่ว, ตงฟางเหอ, เฉินผิงอัน และมู่หรงเสวี่ยเหิน !
“การแข่งรอบรองชนะเลิศจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ทั้งสี่คนมีเวลาหนึ่งคืนในการพักฟื้น ! พรุ่งนี้ 8 โมงเช้าให้มารายงานตัวที่นี่ !”
ตอนที่กรรมการประกาศจบ ทุกสายตาต่างก็มองไปที่หลินลั่วด้วยสายตาเย็นชา
“เด็กนี่น่ะเหรอที่ทำให้ฉันเสียเงิน ? ฮ่าฮ่า...”
“บรรพชน ผมขอพนันอีกรอบให้หมดหน้าตักเลย ผมหวังว่าเด็กนี่จะทำให้ผมแปลกใจได้ !”
“สุดยอดดด....”