ตอนที่ 80 : ค่ายกลควบคุม ! ซ่อนมังกรเปลี่ยนฟินิกส์ !
ตอนที่ 80 : ค่ายกลควบคุม ! ซ่อนมังกรเปลี่ยนฟินิกส์ !
“หลินลั่ว แกแพ้แล้ว !” ในเวลาเดียวกันฟางหยวนก็ได้ตะโกนออกมา ค่ายกลป้องกันรอบเวทีประลองสั่นไหวอย่างรุนแรง มันไม่อาจจะต้านทานพลังในเวทีประลองได้ และพังลงไป
วินาทีต่อมา ค่ายกลป้องกันในเวทีประลองกลับพุ่งเข้าใส่หลินลั่ว !
ทุก ๆ ปีในการแข่งแบบเดี่ยว เวทีประลองทั้ง 10 นั้นจะมีผู้ใช้ค่ายกลระดับเงินคอยประจำอยู่ เขาคือพวกผู้พิทักษ์ที่ใช้ค่ายกล
ค่ายกลนี้คือค่ายกลระดับเงิน ปกติแล้วจะใช้ป้องกันสถานที่สำคัญและต้านทานการโจมตีของผู้ปลุกพลังระดับทอง
ทุก ๆ ปี ผู้ปลุกพลังหน้าใหม่สามารถใช้พลังใส่ค่ายกลเหล่านี้ได้ตามต้องการ ทว่ามันไม่อาจจะทำให้ค่ายกลนี้สั่นไหวได้แม้แต่น้อย
ตอนนี้ค่ายกลหินพิทักษ์ที่ใช้ป้องกันเวทีประลองนี้ มันถูก ‘ขโมย’ ไปโดยฟางหยวน และใช้โจมตีใส่หลินลั่ว ! ก็จริงที่ว่าค่ายกลหินพิทักษ์นั้นเป็นค่ายกลป้องกัน ทว่ามันก็เปลี่ยนเป็นค่ายกลโจมตีได้
ภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง !
ถือซะว่าค่ายกลหินพิทักษ์เป็นก้อนหินใหญ่ที่พุ่งเข้าหาหลินลั่ว ฟางหยวนอยากจะเอาชนะหลินลั่วจนถึงกับกล้าทำแบบนี้ !
ขโมยมังกรเปลี่ยนฟินิกส์ !
ดวงดาวโคจร !
“บัดซบ ! ฟางหยวนควบคุมค่ายกลหินพิทักษ์ได้ด้วย !”
“โคตรน่าเกลียดเลย ! ใครจะไปเอาชนะได้ ?”
“สมกับเป็นอาชีพลับ ทุกอาชีพต่างก็มีข้อดีของตัวเอง ! ตอนแรกก็มู่หรงเสวี่ยเหิน ตอนนี้ฟางหยวนก็ยังสามารถเอาค่ายกลป้องกันรอบเวทีประลองมาใช้ได้อีก !”
“ค่ายกลหินพิทักษ์เป็นค่ายกลระดับเงิน ถึงมันจะเป็นค่ายกลป้องกัน ทว่าการโยนมันออกมาเหมือนระเบิดแบบนี้ ผู้ปลุกพลังหน้าใหม่คนไหนจะรับมือไหว ?”
“ทำไมฉันรู้สึกว่าสกิลนี้เอาชนะตงฟางเหอได้ด้วยซ้ำ !”
“ฉันเอง...ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
“ค่ายกลหินพิทักษ์นี่มันแข็งแกร่งจริง ๆ ...”
ผู้คนต่างก็แสดงความเห็นออกมา หลินลั่วที่อยู่บนเวทีประลองถึงกับหรี่ตาลง คิดไม่ถึงเลยว่าฟางหยวนจะทำแบบนี้ได้
ค่ายกลป้องกันระดับเงิน ถึงจะเป็นเขาตอนนี้ แต่เขาก็รับมือกับมันตรง ๆ ไม่ได้ !
“ฉันไม่คิดว่าในหมู่ผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ มันจะมีคนที่บังคับให้ฉันต้องใช้วิธีนี้ด้วย...” เขาส่ายหน้า แค่คิด มิติแปลก ๆ รูปทรงกลมก็พุ่งออกมาจากตัว ครอบคลุมพื้นที่เวทีประลองเอาไว้ทันที
พวกผู้ปลุกพลังหน้าใหม่รึผู้ปลุกพลังระดับเงินรึระดับทองรอบ ๆ เวทีต่างก็ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
แม้แต่ฟางหยวนที่อยู่ใกล้กับหลินลั่วที่สุดก็ยังคงแสดงสีหน้ายินดีออกมาราวกับว่าเขากำลังจะชนะ ! ตอนที่มิติตัดต่อนี้ครอบคลุมเวทีประลอง ทุกอย่างในเวทีประลองก็อยู่ในการควบคุมของหลินลั่ว !
เขาแค่ปัดมือไปข้าง ๆ แกนค่ายกลที่พุ่งเข้าหาเขานั้นก็ถูกฉีกออกจากตรงกลาง !
มันราวกับว่ามีมือขนาดใหญ่บดขยี้ค่ายกลนี้ทิ้ง !
ตูม !
เสียงระเบิดดังขึ้น สีหน้าของผู้ดูแลเวทีประลองที่กำลังเตรียมที่จะดึงค่ายกลหินพิทักษ์กลับมาด้วยความกังวลนั้นก็ต้องเปลี่ยนไปทันที
แกนค่ายกลที่ใช้สำหรับควบคุมค่ายกลหินพิทักษ์นั้นกลับพังทลาย !
“อะไรกัน ? ท่าไม่ดีแล้ว !” ในเวทีประลอง สีหน้าของฟางหยวนก็เปลี่ยนไปทันที
ในสายตาของเขา หลินลั่วแค่ปัดมือเบา ๆ ทว่าค่ายกลหินพิทักษ์ที่เขาขโมยมาด้วยความยากลำบากกลับโดนทำลายไปอย่างง่ายดาย !
แม้แต่แกนค่ายกลก็ยังโดนทำลายไปด้วย !
ไม่ใช่แค่นั้น ทว่าเขายังรู้สึกได้ว่าค่ายกลต่าง ๆ ที่เขาใช้ไปตอนแรกต่างก็โดนทำลายไปเช่นกัน !
“เป็นแบบนี้ได้ยังไง... ? !” สีหน้าของฟางหยวนเปลี่ยนไป แค่สะบัดมือเบา ๆ ก็มีธงสีเหลืองปรากฏขึ้นมา
“แผ่นดินยิ่งใหญ่...”
ก่อนที่ฟางหยวนจะท่องสกิลเสร็จ หลินลั่วกลับยกคทาขึ้นพร้อมพลังจิตที่พุ่งออกมา
[ อัลไซเมอร์ ] !
ปึง !
ธงสีเหลืองทั้งสามอันในมือฟางหยวนร่วงลงกับพื้น เขาได้แต่อ้าปากค้างไม่มีเสียงใด ๆ ออกมา ในหัวเขานั้นรูนแปลก ๆ ในหัวกลับพังทลายไปในทันที !
“ฉะ...ฉันต้องท่องอะไรต่อ ?” เขาอ้าปากค้างจนปากเริ่มแห้ง เขาลืมไปว่าต้องใช้สกิลที่เขาเสียเงินเป็นล้านเพื่อซื้อมันมายังไง !
เมื่อเห็นว่าหลินลั่วกำลังจะลงมืออีกครั้ง ฟางหยวนก็หน้าเปลี่ยนสี เขารีบยกมือขึ้นและตะโกนออกมา “ยอมแพ้ ! ! ฉันขอยอมแพ้ !”
“ไอ้ขยะ !”
ก่อนที่กรรมการจะได้พูดอะไร เพราะค่ายกลหินพิทักษ์ที่ฟางหยวนขโมยไป มันทำให้ผู้คนต่างก็ถกเถียงกันเรื่องนี้
ฟางหยวนหันกลับไปมองและพบว่าตงฟางเหอมองมาที่เขาตาไม่กะพริบ เขาได้แต่ส่ายหน้าและยิ้มแห้ง ๆ ออกมา
เขาทำดีที่สุดแล้ว ทว่าก็ยังไม่อาจจะทำอะไรหลินลั่วได้ เขารู้ถึงความแข็งแกร่งเพียงเล็กน้อย เขาทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ !
กรรมการที่ดูแลเวทีประลองที่ 1 มองไปยังทั้งสองคนและประกาศออกมา “ผู้ชนะ...หลินลั่ว !”
“เอาแล้วไง ! หลินลั่วชนะอีกแล้ว !”
“เขามีสกิลแบบไหนกันแน่ ?”
“สกิลของคนอื่น ๆ น่ะจากประสบการณ์ของฉันที่ผ่านมาหลายปี ฉันก็พอจะเคยเห็นพอเดาออก แต่สกิลของหลินลั่วนี่ ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ !”
“ใช่ เขาใช้วิธีไหนป้องกันค่ายกลหินพิทักษ์เอาไว้ได้ ?”
“ชนะมาสองครั้งแล้ว ถ้าชนะอีกครั้ง เขาก็จะเข้ารอบ 4 คนสุดท้าย !”
“ไม่รู้ว่าใครจะหยุดเขาได้...”
“ฉันอยากรู้ว่าเขาใช้วิธีไหนหยุดค่ายกลหินพิทักษ์ ?”
ที่เวที กั้วโฉวยี่แสดงท่าทีสนใจออกมา เขามองไปที่หลินลั่วที่กำลังเดินลงจากเวทีประลอง
“เด็กนี่ทำให้ฉันแปลกใจได้ดีจริง ๆ ...”
“เขาน่าจะเป็นคนที่จัดการกับผู้ปลุกพลังระดับทองทั้งสามคนของพวกนอกรีต ตอนนี้เขากลับใช้วิธีอะไรก็ไม่รู้ทำลายค่ายกลหินพิทักษ์ เด็กนี่มีความลับมาแค่ไหนกัน ?”
“หมอกพิษ, ท้องเสีย เด็กนี่มันโรคระบาดเดินได้ชัด ๆ รึว่ามันเป็นเพราะไวรัส ?”
“แต่สกิลที่เอาชนะฉือเหอได้น่าจะเป็นใบมีดลม ? รึว่าเขามีสกิลธาตุลมอีก ?”
“สกิลที่ต้านทานค่ายกลหินพิทักษ์ได้อีก มันคล้าย....กับขอบเขต ? ไม่สิ ไม่ใช่หรอก...”
กั้วโฉวยี่ยิ้มออกมา “ขนาดฉันยังเข้าใจพลังของขอบเขตไม่มาก เด็กแบบนี้จะไปเข้าใจได้ยังไง ?”
“ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาก็ต้องผ่านเข้ารอบแน่ เขาต้องเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีแน่ ๆ !”
“ถ้าเขาได้แชมป์ทั้งการแข่งแบบทีมและแบบเดี่ยว งั้นโลกวิเศษก็ต้องตกเป็นของเขา”
“หึหึ...” กั้วโฉวยี่ยิ้มออกมา “พวกจิ้งจอกเฒ่าพวกนี้วางแผนกันมาตั้งนาน สุดท้ายกลับโดนหลินลั่วชิงตัดหน้าไป ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าพวกเขาจะแสดงสีหน้ากันยังไง ฮ่าฮ่า...”
“ฟางหยวน ! อธิบายมา !” ที่ลาน เมื่อเผชิญหน้ากับตงฟางเหอที่โกรธจัด ฟางหยวนก็ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ออกมา
“คุณชาย ฉันพยายามที่สุดแล้ว แต่ฉันเป็นคู่ต่อสู้ของเขาไม่ได้เลย !” ฟางหยวนส่ายหน้าและพูดขึ้น “ทว่าฉันก็พอเข้าใจสกิลของเขาคร่าว ๆ แล้ว”
“หือ ?” ตงฟางเหอตาเป็นประกายขึ้นมา “สกิลอะไร ?”
“ตอนแรกเรารู้กันว่าเขาควบคุมพิษและทำให้คนท้องเสียได้ มันน่าจะเป็นสกิลโรคระบาด !”
“ในเรื่องนี้ นายก็แค่ต้องใส่อุปกณ์ป้องกันเวทย์ที่สูงกว่าเดิม ก่อนที่จะสู้รึไม่ก็ระเบิดพลังออกมาเพื่อเพิ่มพลังป้องกันของตัวเอง”
“ถ้าอย่างนั้นนายจะต้านทานสกิลควบคุมพวกนี้ได้ !”
“อย่างที่สองคือการโจมตีของเขา ฉันเดาว่าเลเวลของเขาคงอย่างน้อยเลเวล 30 เขาน่าจะเปลี่ยนอาชีพขั้น 2 แล้วด้วย !”
“ว่าไงนะ ? !” ตงฟางเหออึ้งและพูดขึ้นมาด้วยท่าทีกังวล “เป็นไปได้ไง ? ฉันเพิ่งเลเวล 22 เอง...”
ฟางหยวนอธิบายออกมา “คุณชาย ลองคิดดู หลินลั่วใช้หมอกพิษทำให้นักเรียนทุกคนต้องออกมาตั้งแต่ชั้น 21 ถึง 25 ได้ มีโอกาสสูงที่มอนสเตอร์ใน 5 ชั้นนี้จะตายหมดเพราะหมอกพิษ !”
“ด้วยมอนสเตอร์ที่เยอะแบบนี้ ถึงจะแบ่งค่าประสบการณ์กับคนอื่น ทว่าเลเวลเขาก็ต้องพุ่งพรวดแน่ ๆ !”
“เลเวล 30 เป็นอย่างน้อย !”
“ก็จริง...”
ฟางหยวนกัดฟันแน่นพูดขึ้น “ฉันมีเหตุลผลที่จะสงสัยว่าสกิลโจมตีของหลินลั่วที่เอาชนะฉือเหอได้นั้น อาจจะเป็นสกิลที่ได้หลังจากเปลี่ยนอาชีพขั้น 2 !”
“น่าจะเป็นแบบนั้น สกิลธาตุลม ดังนั้นจึงทั้งโจมตีและป้องกันได้ !”
“เลเวล 30 ! อาชีพชั้น 2 ? !” ตงฟางเหอกัดฟันและพึมพำออกมา
ฟางหยวนคิดสักพักและพูดขึ้น “คุณชาย เขาเลเวลสูงกว่า 30 และมีโอกาสที่จะเปลี่ยนอาชีพขั้น 2 มากกว่า 90% !”
“นายต้องระวังให้ดี....สงสัยว่าเขาอาจจะเป็นพ่อมดรึไม่ก็นักบวชทมิฬที่เชี่ยวชาญเรื่องการเล่นกับความคิดคนอื่น !”
“ความคิด ?”
ฟางหยวนอธิบายออกมา “สกิลดีบัฟที่ทำให้ผู้ปลุกพลังลืมสกิลตัวเองไป ! แต่คุณชาย นายเป็นผู้ปลุกพลังที่สู้ระยะประชิด นายไม่ค่อยได้ใช้สกิลเท่าไหร่ ดังนั้นมันจึงไม่น่าจะเป็นอะไร”
“ทำให้ผู้ปลุกพลังลืมสกิล...” ตงฟางเหอสายตาสั่นไหว หลินลั่วนี่มาจากไหนกันแน่ ทำไมถึงทำได้ทุกอย่าง ?
“ตงฟางเหอ ! พัก 10 นาที !” ในเวทีประลอง กรรมการได้ประกาศออกมา
ตงฟางเหอคิ้วขมวดและมองไปที่เวทีประลอง
ตอนแรกเขาคิดว่าหลังจากที่เอาชนะหยางเฉินหลี่ได้ มันน่าจะทำให้ทุกคนยอมแพ้ เขาจะได้มีเวลาเตรียมตัวสู้กับหลินลั่ว
ไม่คิดเลยว่ามันจะมีคนที่จะท้าสู้กับเขาต่อ !
ที่ริมเวทีประลอง ชายร่างสูงถือโล่ใหญ่มองมาที่เขาด้วยสายตาแน่วแน่
อัศวินแสง ฉือเหล่ย !
ฉือเหล่ยมองไปที่ตงฟางหัวและก้มหัวให้ “เพื่อที่จะปกป้องเสวี่ยเหิน ฉันจะเอาชนะทุกคนที่คิดร้ายกับเธอ !”
“ตงฟางเหอ นายเป็นคนแรก”
ในอีกด้าน การต่อสู้รอบที่ 3 ของหลินลั่วก็จะเริ่มในไม่ช้า
ในหมู่ผู้ป้องกันทั้ง 4 คน ผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ส่วนมากมาต่อคิวกันที่เวทีประลองที่ 1
ในหมู่ผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ที่เหลือ ทุกคนต่างก็ไม่คิดจะสู้กับตงฟางเหอ, เฉินผิงอัน และมู่หรงเสวี่ยเหิน
ถึงหลินลั่วจะเอาชนะฉือเหอและฟางหยวนได้ ทว่าก็ยังมีคนที่หวังพึ่งโชค คิดจะแย่งตำแหน่งจากหลินลั่ว !
“หึหึ หลินลั่ว หวังว่าฉันจะไม่ลงมือหนักไปนะ...”
ต่อหน้าหลินลั่วมีชายร่างอ้วนปรากฏตัวขึ้นมา