ตอนที่ 359 เรื่องแปลกๆ และปฏิกิริยาของเผ่าตาเดียว (ฟรี)
ตอนที่ 359 เรื่องแปลกๆ และปฏิกิริยาของเผ่าตาเดียว
อสูรอมตะทั้งเจ็ดที่ปรากฎตัวภายในขอบเขตการรับรู้ของซูหยางล้วนถูกสังหารโดยดาบเพลิงตัดวิญญาณ!
เมื่อได้รับทรัพยากร ความแข็งแกร่งของซูหยางก็เพิ่มสูงขึ้น
หลังจากขัดเกลาทรัพยากรทั้งหมดแล้ว จักรวาลภายในของเขาก็มีขนาด 231 ปีแสง
ใน 15 ปีแสงนั้นเต็มไปด้วยดาวเคราะห์ชีวิต
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาจะได้รับเจตจำนงทองคำ 15 แต้มทุกวัน
และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของวันวังวนประทุเท่านั้น…
ซูหยางลองตัวอยู่เหนือป่า นับผลการเก็บเกี่ยวในช่วงเวลานี้
นอกเหนือจากการเพิ่มขนาดของจักรวาล และจำนวนดาวเคราะห์ชีวิตแล้ว กฎจักรวาลที่เขาผสานยังเพิ่มขึ้นเป็น 440 ข้ออีกด้วย
การเพิ่มขึ้นค่อนข้างน้อย แต่ก็ไม่ได้แย่อะไร
นอกจากนี้ โชคของเขายังเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
หลังสังหารอสูรอมตะไปถึงเจ็ดตน เมฆแห่งโชคสีเขียวของซูหยางก็กว้างถึง 18 ฟุต
ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก แต่ถ้าเขายังคงออกล่าต่อไป โชคของเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จากการตรวจจับของตาข่ายสวรรค์ ในขณะนี้ ไม่มีอสูรอมตะแม้แต่ตนเดียวในรัศมีหลายสิบล้านลี้
เขาจึงทำได้แค่ยอมแพ้ และเริ่มรวบรวมทรัพยากรที่พบ
เขาจะไม่ทิ้งสิ่งใดเอาไว้ แม้จะเป็นของเล็กๆ น้อยๆ แค่ไหนก็ตาม
…
โลกชั้นใน.
ฐานที่มั่นของเผ่าตาเดียว
“ท่านชิงซวน มีสมาชิกเผ่าเรา 7 คนเสียชีวิตลงในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน พวกเขาทุกคนต่างอยู่ใกล้กันมาก สถานการณ์นี้ดูผิดปกติเล็กน้อย”
ชิงซวนนั่งขัดสมาธิบนแท่นดอกบัว และขมวดคิ้ว "ส่งคนออกไปตรวจสอบดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น หากเกิดจากผู้ฝึกฝนโกลาหล เราก็ค่อยมาหารือกันอีกครั้ง"
"ขอรับ"
อสูรอมตะที่รายงานถอยกลับ และไปทำตามคำสั่ง
สถานการณ์ที่ไม่คาดคิดเช่นนี้มักไม่ค่อยเกิดขึ้น แต่เมื่อมันเกิด ชิงซวนก็ไม่คิดจะประมาท เขาจึงส่งคนออกไปตรวจสอบ และเตรียมการรับมือในเวลาเดียวกัน
หากเกิดจากผู้ฝึกฝนโกลาหล แน่นอนว่าเขาจะต้องโต้กลับ
…
พื้นที่หลักใจกลางป่า
ชิงหลิวเฟิงกลับมาที่นี่อีกครั้ง ก่อนหน้านี้เขาไม่อยากถอย แต่เมื่อไม่สามารถหาวิธีจัดการกับซูหยางได้ เขาก็ต้องเลือกทำเช่นนั้น ตอนนี้เมื่อเขากลับมาอีกครั้ง และพบว่าซูหยางไม่อยู่ เขาก็รู้สึกโล่งใจ
เขาไม่ต้องการสู้กับศัตรูที่ยากจะรับมือเช่นนี้
แค่การต่อสู้เพียงสองครั้ง เขาก็สูญเสียโชคไปมากมาย ถ้ายังต้องสู้กันต่อ เขาอาจจะสูญเสียโชคทั้งหมด
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ นอกเหนือจากการปล้นโชคแล้ว อีกฝ่ายดูเหมือนจะรู้วิธีสาปแช่ง แม้ว่าลงมือเพียงครั้งเดียว เขาก็ยังรับรู้ได้
เพราะเหตุนี้ เขาจึงเลือกที่จะล่าถอย หากซูหยางปล้นโชคของเขา และสาปแช่งเขา เขาจะต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่
แม้ว่าตอนนี้เขาจะถูกจ้าวแห่งเต๋าขั้นกลางคนอื่นเยาะเย้ย แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมันเลย
ไม่ว่าใคร ถ้าได้ลองสู้กับซูหยาง จะไม่หยิ่งเหมือนเดิมอย่างแน่นอน
การต่อสู้เพิ่งจบลง และทรัพยากรระลอกแรกก็ถูกแบ่งปัน อสูรอมตะที่มีสถานะสูงกว่าเขาเล็กน้อยในเผ่าถอนหายใจเบาๆ
“อืม? ท่านชิงซวนขอให้ข้าตรวจสอบเรื่องแปลกๆ ในป่า ดูเหมือนว่าสมาชิกเผ่าเราถึง 7 คนได้ตายไปในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน…”
“นี่ไม่ใช่ข่าวดี ทุกคน ข้าจะออกไปตรวจดูสักพัก”
หลังจากชิงฉือพูดจบ เขาก็จากไปในทันที
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ชิงหลิวเฟิงก็เกิดความคิดบางอย่างในใจ
สมาชิกเผ่า 7 คนตายในเวลาไล่เลี่ยกัน หรือจะเป็นชายคนนั้น?
ก่อนหน้านี้ที่ซูหยางได้แสดงความแข็งแกร่งออกมา ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะสามารถฆ่าจ้าวแห่งเต๋าขั้นต้นได้อย่างง่ายดาย
แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานเป็นที่ประจักษ์ แต่ชิงหลิวเฟิงก็รู้สึกว่าต้องเป็นซูหยางอย่างแน่นอน
แต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกไป แม้ว่าเขาจะพูดอะไรไปมากกว่านี้มันก็คงไร้ประโยชน์ คนอื่นๆ อาจคิดว่าเขากลัว
แทนที่จะถูกเยาะเย้ย ปล่อยให้พวกเขาได้ลิ้มรสความเจ็บปวดก่อนจะดีกว่า
หึ นี่คือราคาสำหรับการเยาะเย้ยเขา...
ชิงหลิวเฟิงคิดกับตัวเองว่าจะไม่สนใจเรื่องนี้อีกต่อไป
ถ้าเป็นซูหยางจริงๆ เขาจะได้รับข่าวใหม่ในระยะเวลาสั้นๆ อย่างแน่นอน วิธีการของชายคนนั้นช่างโหดเหี้ยม และไม่อาจเข้าใจได้...
…
เขตป่า
ซูหยางยังคงเก็บเกี่ยวทรัพยากรต่อไป จากสถานการณ์ตอนนี้ต้องบอกเลยว่าตาข่ายสวรรค์ช่วยเขาได้มากจริงๆ
ครอบคลุมรัศมีหลายสิบล้านลี้ ทรัพยากรทั้งหมดที่ปรากฎเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว
นั้นทำให้เขาไม่ต้องไปที่พื้นที่หลัก และต่อสู้เสี่ยงชีวิตกับคนมากมายเพื่อทรัพยากรจำนวนหนึ่ง
หลังจากสังหารอสูรอมตะไปเจ็ดตน เขาก็ได้รับผลึกกฎเต๋าระดับต่ำ และผลึกอมตะระดับต่ำอย่างละ 10 ก้อน
นี่เป็นความมั่งคั่งที่ไม่น้อยเลย ด้วยเวลาเพียงหนึ่งก้านธูป มันเทียบได้กับผลการเก็บเกี่ยวในสถานการณ์ปกติถึง 2 วัน
โดยรวมแล้วไม่เลว
ท้ายที่สุดแล้ว สำหรับจ้าวแห่งเต๋า การพัฒนาความแข็งแกร่งนั้นขึ้นอยู่กับการสะสม ต้องสะสมเป็นระยะเวลาหนึ่งก่อนถึงจะมีความก้าวหน้า
เป็นไปไม่ได้ที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาสั้นๆ เหมือนเมื่อก่อน
เมื่อซูหยางจะเดินทางต่อเพื่อรวบรวมทรัพยากร
จากการตรวจจับของตาข่ายสวรรค์ อสูรอมตะระดับจ้าวแห่งเต๋าขั้นกลางตนหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาหาเขา
“อืม?”
“จ้าวแห่งเต๋าขั้นกลาง? ปกติแล้วผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ต้องไปเบียดเสียดกันในพื้นที่หลัก…ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่?”
“หรือจะเป็นเพราะอสูรอมตะทั้งเจ็ดที่ข้าเพิ่งสังหารไป?”
ซูหยางรู้สึกบางอย่างในใจและอาจเดาเหตุผลได้ ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะในช่วงแรกของอาณาจักรเต๋าอันยิ่งใหญ่ก็ถือได้ว่ามีสถานะอยู่บ้าง
เป็นเรื่องปกติที่เผ่าตาเดียวจะต้องส่งคนมาตรวจสอบเมื่อสมาชิกเผ่าตายไปเป็นจำนวนหนึ่งในเวลาใกล้ๆ กัน
"ฮึ่ม ตอนนี้ข้าขี้เกียจเกินกว่าจะยุ่งเกี่ยวกับเจ้า"
“อีกไม่นาน ข้าจะมุ่งหน้าไปหา และฆ่าเจ้าด้วยตัวเอง”
ซูหยางรู้ว่าหากต้องสู้กัน มันจะเป็นการเสียเวลาเปล่าโดยไม่จำเป็น เมื่อเข้าไปพัวพันอาจมีทรัพยากรมากมายที่จะหลุดรอดจากมือของเขาไป
อย่างมากเขาก็ทำได้เพียงปล้นโชคบางส่วนเท่านั้น แค่นั้นไม่น่าพอใจ
ตอนนี้เขาได้รวบรวมทรัพยากรในพื้นที่แถบนี้จนหมดแล้ว ถึงเวลามุ่งหน้าไปยังจุดหมายต่อไป
เดินทางต่อโดยหวังว่าจะได้พบกับอสูรอมตะมากกว่านี้ นั่นคือ ทรัพยากรที่เขาชื่นชอบ...
ผลึกอมตะหนึ่งก้อนที่ได้จากการสังหารอสูรอมตะนั้นเทียบเท่ากับผลึกอมตะที่ตกผลึกจากพลังงานหลายสิบหรือหลายร้อยก้อน มันสามารถเพิ่มจำนวนดาวเคราะห์ชีวิตได้มากมาย
เจตจำนงทองคำของเขาก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องสะสมหินโกลาหลระดับสูงสุดด้วย เพราะถ้าไม่ขยายขนาดของจักรวาล จำนวนดาวเคราะห์ชีวิตก็มีขีดกำจัด
จากนั้น ซูหยางก็ตัดมิติ และหายตัวไปจากจุดเดิมที่เขาเคยอยู่
ชิงฉือซึ่งได้รับคำสั่งให้ออกมาตรวจสอบสถานการณ์ไม่ทราบถึงเรื่องนี้ และยังคงสำรวจบริเวณที่สมาชิกเผ่าหายตัวไป
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เขาได้สำรวจพื้นที่โดยรอบจนครบแล้ว หลังจากไม่พบสิ่งใด เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรายงานเรื่องนี้
แต่ในขณะที่เขารายงานกลับไป ชิงซวนก็บอกข่าวร้ายให้เขาฟังว่า
ในอีกพื้นที่หนึ่ง มีสมาชิกเผ่าอีก 8 คนได้ตายลง
มันทำให้พวกเขามั่นใจว่าต้องเกิดเรื่องบางอย่าง
ในเวลาเดียวกันนั้น ผู้อาวุโสของเผ่าก็ได้ขอให้สมาชิกเผ่าทุกคนในสมรภูมิเอกะเนตรระมัดระวังตัว
…
ทางด้านซูหยาง เขารู้สึกมีความสุขมากในช่วงเวลานี้
แน่นอนว่านั้นเกิดจาการตามล่าอสูรอมตะ และได้รับสินสงครามมากมาย
อสูรอมตะนั้นเป็นเหมือนสมบัติเคลื่อนที่ จากทั้งผลึกอมตะภายในร่าง และแหวนมิติที่ครอบครองอยู่
ทุกครั้งที่เขาสังหารอสูรอมตะ ทรัพยากรที่เขาได้รับนั้นมากกว่าที่ได้จากการค้นหาอย่างหนัก
หนึ่งชั่วโมงผ่านไปนับตั้งแต่เขาออกจากพื้นที่เดิม ในระหว่างช่วงเวลาสั้นๆ นี้ เขาได้สังหารอสูรอมตะไปถึง 10 ตน
ผลที่ได้คุ้มค่ามากจริงๆ
ดาวเคราะห์ชีวิตตอนนี้มีมาถึงหนึ่งหมื่นหกพันดวง จึงทำให้เขาได้รับเจตจำนงทองคำถึง 16 ดวงต่อวัน
จักรวาลภายในก็ขนาดกว้างถึง 280 ปีแสง
กฎจักรวาลมี 480 ข้อ
เมฆแห่งโชคสีเขียวของเขาก็กว้างถึง 24 ฟุต
หลังจากได้รับผลตอบแทนอันหอมหวาน ซูหยางก็เริ่มเสพติดการล่า
แม้ว่าจะมีทรัพยากรบางอย่างที่อยู่ในขอบเขตการรับรู้ของเขา แต่เขาก็ไม่สนใจพวกมันมากนัก แต่กลับเดินทางต่อเพื่อค้นหาตำแหน่งของอสูรอมตะ
น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งของเขายังไม่มากพอที่จะสังหารอสูรอมตะระดับจ้าวแห่งเต๋นขั้นกลางได้ ไม่เช่นนั้นอสูรอมตะเหล่านั้นที่รวมตัวกันในพื้นที่หลักจะตกเป็นเป้าหมายของเขา
ตอนนี้ เขาจึงทำได้เพียงปล่อยศัตรูเหล่านั้นไปก่อน