ตอนที่ 31 สุนัขกลายพันธุ์ปรากฏตัว
ตอนที่ 31 สุนัขกลายพันธุ์ปรากฏตัว
ซ่งเจิงคว้ามีดสปาร์ตาฟาดฟันฝูงซอมบี้ที่พุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง พร้อมใช้เส้นใยพลังจิตคอยฉุดดึงฝ่ายศัตรู ตอนนี้พลังระดับหนึ่งของเขาอยู่ในขั้นสูงสุดแล้ว ความรวดเร็วในการเคลื่อนไหวพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด!
สาเหตุที่เขาใช้มีดสปาร์ตาในการต่อสู้ก็เพื่อให้ตัวเองคุ้นเคยกับวิธีการเอาชีวิตรอดของคนในยุคนี้ อาจารย์วิชาเทควันโดเคยสอนเขาว่า หากต้องการพัฒนาทักษะของตัวเองจะต้องลงสนามจริงและใช้พลังให้เต็มที่
เขาสังเกตว่า ก่อนหน้านี้เส้นใยพลังจิตจะใช้เวลาพุ่งเข้ารัดตัวซอมบี้ ซึ่งพุ่งมาจากรอบทิศถึงสองวินาที แต่ตอนนี้เขาใช้เวลาแค่หนึ่งวินาทีครึ่งก็ฟันหัวซอมบี้จนแหลกได้สำเร็จ
ความเร็วที่เพิ่มขึ้นนี้ ถึงจะน้อยนิดแต่กลับทำให้เห็นพัฒนาการของตัวเองอย่างชัดเจน ในที่สุดเขาก็สามารถพลิกสถานการณ์จากร้ายกลายเป็นดีได้ในระยะเวลาสั้นๆ
ตอนแรกเขาใช้อาวุธชนิดเดียวกันกวัดแกว่งไปทั่วอย่างไร้ทิศทางและเป้าหมาย เขายังกำหนดแรงตวัดดาบไม่ถูกและไม่รู้จุดอ่อนที่ควรกำจัด ทำให้ดาบปักแน่นอยู่ตรงลำคอของพวกมันจนเขาเกือบถูกทำร้ายหลายครั้ง!
ตอนนี้ซ่งเจิงเริ่มเรียนรู้วิธีการใช้งานมันบ้างแล้ว ทุกครั้งที่ฟันลงไปเขาจะเล็งไปที่กะโหลกของพวกมันแค่จุดเดียวและคอยตื่นตัวหลบหลีกการถูกโจมตีตลอดเวลา
ใบหน้าเด็กหนุ่มเปรอะไปด้วยเลือดที่สาดกระเซ็นจากร่างของซอมบี้ ผ่านไปไม่นานบนพื้นจึงเกลื่อนกลาดไปด้วยศพซอมบี้ซึ่งถูกฆ่าตายจำนวนมาก สภาพของเขาเปลี่ยนจากนักรบมือใหม่กลายเป็นนักล่าซอมบี้ที่กระหายเลือด!
ฉู่อี้สังเกตพัฒนาการของซ่งเจิงด้วยความประหลาดใจ ผู้ชายคนนี้ใช้เวลาไม่นานก็ปรับตัวเข้ากับอาวุธอันใหม่ได้แล้ว ทั้งการเคลื่อนไหวยังคล่องแคล่วมากขึ้น นับว่าเขามีพรสวรรค์ในการต่อสู้ไม่น้อย ทักษะแบบนี้ แม้แต่ในกลุ่มมนุษย์พันธุ์ใหม่ด้วยกันยังไม่ค่อยพบเห็น
‘ยอดมนุษย์ชัดๆ!’ ฉู่อี้มองซ่งเจิงด้วยสายตาชื่นชมก่อนเค้นพลังออกจากร่าง ทันใดนั้น เปลวไฟร้อนจัดจึงลุกท่วมลำตัวของเขา ทำให้ซอมบี้ที่พยายามจู่โจมถูกสะเก็ดไฟเผาไหม้จนเกรียม
ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรไปจากไฟนรกซึ่งเคลื่อนที่ได้ ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ไฟบนตัวก็แผดเผาทุกสิ่งอย่างที่ขวางหน้า
ซ่งเจิงเหล่ตามองฉู่อี้แวบหนึ่ง จึงเห็นอีกฝ่ายแลบลิ้นเลียริมฝีปากหลายครั้งเหมือนคนหิวกระหาย ทักษะที่ไอ้หนุ่มคนนี้ใช้เล่นงานพวกซอมบี้น่ากลัวเป็นบ้า! ถ้าเส้นใยพลังจิตของเขาพุ่งไปจู่โจมศัตรูได้ทีละหลายเส้นแบบนั้นบ้างละก็... รูปแบบการต่อสู้คงสมบูรณ์แบบมากกว่าตอนนี้ซะอีก!
เขาได้แต่จินตนาการเงียบๆ ตัวเขาเป็นแค่มนุษย์พันธุ์ใหม่ระดับหนึ่ง อย่างน้อยเส้นใยพลังจิตของเขาก็ไม่ไร้ประโยชน์ซะทีเดียว นอกจากจะใช้จับพวกซอมบี้แทนมือเปล่ายังสามารถดูดซับพลังมาเป็นของตัวเองได้อีกด้วย!
ถึงตอนนี้ เขายังไม่รู้วิธีการใช้งานมันเพราะมีพลังไม่มากพอ แต่ถ้าจัดการสุนัขกลายพันธุ์ระดับสอง และดูดซับน้ำยาวิวัฒนาการจากมันได้เมื่อไหร่ เขาจะเลื่อนขั้นจากมนุษย์พันธุ์ใหม่ระดับหนึ่งเป็นระดับสองทันที!
‘ถึงตอนนั้นแล้ว เส้นใยพวกนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงยังไงบ้างนะ?’ ซ่งเจิงตั้งคำถามกับตัวเองพลางใช้มีดสปาร์ตาฟันกะโหลกพวกซอมบี้ไปด้วย
ส่วนหนึ่งที่เขาตัดสินใจเลือกใช้มันแทนกระทะเหล็กก็เพราะอยากรู้ความสามารถของเส้นใยพลังจิตว่าจะดูดซับน้ำยาวิวัฒนาการถึงขีดจำกัดไหน? เผื่อครั้งต่อไปเขาจะได้วางแผนการต่อสู้ได้ง่ายขึ้น
ยิ่งซ่งเจิงฆ่าซอมบี้ไปมากเท่าไหร่พลังก็ยิ่งเพิ่มพูนจนเส้นใยพลังจิตตามกระบวนการต่อสู้ของเขาไม่ทันอีกต่อไป
ตอนที่ซ่งเจิงฆ่าซอมบี้ไปสามตัวด้วยความรวดเร็ว... เส้นใยเพิ่งจะดูดซับน้ำยาวิวัฒนาการไปเพียงตัวเดียวเท่านั้น อีกทั้งมันไม่สามารถทำหน้าที่หยุดพวกซอมบี้ และดูดซับน้ำยาพร้อมกันได้ เด็กหนุ่มขมวดคิ้วทันทีที่รู้ข้อบกพร่อง
‘ร่างกายและเส้นใยพลังจิตทำงานไม่สอดคล้องกัน! ฉันคงต้องดูดซับน้ำยาวิวัฒนาการให้พัฒนาถึงระดับสองเร็วๆซะแล้ว!’ ความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาจากทั่วบริเวณของลำตัว สายตาเริ่มพร่ามัวจนเกิดภาพหลอน ตอนนี้เขาอ่อนล้าจนแทบทรงตัวไม่อยู่
“โฮก!” เสียงคำรามขู่กรรโชกดังขึ้น ลิงผอมและพี่ใหญ่กุ้ยที่ต่อสู้กับพวกซอมบี้อยู่ไม่ไกลอุทานด้วยความตระหนก ก่อนวิ่งแจ้นไปหาซ่งเจิงทันที ฉู่อี้รับรู้ถึงสถานการณ์ที่เริ่มเลวร้าย จึงวิ่งไปหาเขาเช่นกัน
“ซ่งเจิง! มะ-มันมาแล้ว!” ลิงผอมพูดกับซ่งเจิงด้วยสีหน้าย่ำแย่ ส่วนพี่ใหญ่กุ้ยกลัวจนหน้าซีด
ทั้งคู่หันกลับไปมองสุนัขกลายพันธุ์ระดับสอง และเห็นมันขู่คำรามอย่างดุร้ายพลางพุ่งกระโจนตรงมา พวกเขารีบโผเข้าหาซ่งเจิงด้วยความหวาดกลัวสุดขีด!
“ระวัง!” ซ่งเจิงผลักพี่ใหญ่กุ้ยและลิงผอมออกห่างจากตัวโดยเร็วและรีบหมอบกลิ้งไปกับพื้นเพื่อหลบคมเขี้ยว
‘ตัวใหญ่ชะมัด!’ เขามองสุนัขกลายพันธุ์บ้าเลือดตรงหน้าด้วยแววตากระหายชัยชนะ ความหวังทั้งหมดเกี่ยวกับการพัฒนาพลังให้แข็งแกร่งขึ้น อยู่กับชีวิตของมันล้วนๆ!
ซ่งเจิงโยนมีดสปาร์ตาทิ้งไปด้านข้างก่อนเอื้อมมือไปดึงด้ามกระทะเหล็กคู่ใจที่สะพายอยู่ด้านหลังออกมาในท่วงท่าพร้อมต่อสู้!
“ฉู่อี้ ฉันอาจใช้พลังต้านการโจมตีของมันไว้ได้แค่สามครั้ง นายมั่นใจไหมว่าจะฆ่ามันให้ตายได้ภายในเวลาที่กำหนด?” เขาหันไปถาม
“ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ความเป็นไปได้เท่ากับศูนย์!” ฉู่อี้ยิ้มแหยขณะยกมือขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้
“ถอยก่อนเร็ว!” แม้แต่ฉู่อี้ที่มีประสบการณ์มากกว่าพวกเขาสามคนยังไม่ยอมเสี่ยง ซ่งเจิงตัดสินใจเปลี่ยนแผนใหม่ทันที เมื่อรู้ว่าต่อให้สู้ไปก็ไม่มีทางชนะ
‘ถ้าเป็นแบบนี้เราต้องวางกลยุทธ์ใหม่ ยังไงก็ต้องจัดการไอ้หมาบ้าตัวนี้ให้ได้!’ ซ่งเจิงคิดในใจด้วยความมุ่งมั่น ลิงผอมและพี่ใหญ่กุ้ยที่โดนผลักกระเด็นในตอนแรกพยักหน้ารับคำสั่งก่อนวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
“ล่อมันเข้าไปในพื้นที่แคบๆ เลือกดูที่มีกำแพงแข็งแรงด้วยล่ะ!” ฉู่อี้ตะโกนสั่งขณะออกวิ่งขนาบข้างซ่งเจิง
“ฉันเห็นแถวนี้มีซากเครื่องบินอยู่!” ลิงผอมตะโกนบอกฉู่อี้และซ่งเจิงที่วิ่งตามหลัง
ชายทั้งสองหันมองหน้ากัน ก่อนวิ่งตรงไปยังจุดที่ลิงผอมบอกทันที
“นายคิดว่าไง?” ซ่งเจิงถาม
“ความจริงแล้วหมาตัวนี้ยังไม่พัฒนาเป็นสัตว์กลายพันธุ์ระดับสองโดยสมบูรณ์หรอก อย่างมากก็เป็นแค่ระดับหนึ่ง ถ้าพวกเราร่วมมือกันต่อสู้อย่างเต็มที่คงฆ่ามันได้ไม่ยาก” ฉู่อี้อธิบายตามจริง
การเคลื่อนที่ของคนทั้งสองรวดเร็วกว่าที่ผ่านมาหลายเท่า สุนัขกลายพันธุ์ซึ่งไล่ตามอย่างไม่ลดละทิ้งระยะห่างจากทั้งคู่พอสมควร เพราะหวาดกลัวเปลวไฟที่ลุกท่วมทั่วลำตัวของฉู่อี้
กว่าซ่งเจิงจะรู้ว่าจุดอ่อนของมันคือเปลวไฟ ก็คิดแผนการใหม่ไม่ทันซะแล้ว!
“ในซากเครื่องบินนี้ต้องมีอาหารกับอาวุธอยู่เยอะมากแน่ๆ!” ฉู่อี้มองไปข้างหน้าด้วยดวงตาเบิกกว้างอย่างตื่นเต้น พร้อมเร่งฝีเท้าให้เข้าใกล้ซากเครื่องบินเร็วขึ้น
“เฮ้ย! รอด้วยสิวะ!” ซ่งเจิงรีบยกกระทะเหล็กพาดไว้บนหลัง ขณะตะโกนตามหลังอีกฝ่ายด้วยความหงุดหงิด
“รีบเข้ามาเร็ว!” ลิงผอมและพี่ใหญ่กุ้ยยืนโบกมือเรียกทั้งคู่อยู่หน้าประตูผู้โดยสาร ในมือพวกเขาถือปืนคนละกระบอก พอเห็นว่าซ่งเจิงวิ่งรั้งท้ายจึงยกขึ้นเล็งไปด้านหลังพร้อมเหนี่ยวไกสกัดศัตรูสี่ขาทันที!
ปัง! ปัง! ปัง! เสียงปืนดังขึ้นสามนัด กระสุนปืนทำให้สุนัขกลายพันธุ์เดินช้าลงกว่าเดิม ซ่งเจิงรีบวิ่งเข้าไปในตัวเครื่องบินอย่างหวุดหวิด พอเหลือบเห็นรอยยิ้มยียวนของฉู่อี้จึงสบถด้วยความโมโห “ฉันจะไม่ทำกับข้าวให้นายกิน!”
“ไม่เอาน่าพี่ซ่ง... ฉันแค่ล้อเล่นนิดหน่อยเอง ไอ้หมานั่นตามพี่ไม่ทันซะหน่อย!” เมื่ออีกฝ่ายขู่ว่าจะไม่ให้เขากินข้าว ฉู่อี้จึงบีบเสียงและทำหน้าตาน่าสงสาร พลางพุ่งตัวไปกอดต้นขาซ่งเจิง
“ไปไกลๆ!” ซ่งเจิงสลัดฉู่อี้ออกห่างจากตัว ก่อนหันไปช่วยลิงผอมและพี่ใหญ่กุ้ยดันประตูปิด
ปึง! ปึง!
“โฮกกก!” เสียงกระแทกประตูและเสียงคำรามกรรโชกของสุนัขกลายพันธุ์ ดังลั่นมาจากด้านนอกของซากเครื่องบิน คนทั้งสี่หันมองหน้ากันเมื่อดันประตูปิดสำเร็จแล้วจึงยิ้มออกมา
“ให้ตายเถอะ! ระทึกอะไรแบบนี้!” พี่ใหญ่กุ้ยพูดกลั้วหัวเราะ
“ที่นี่มีน้ำสะอาดอยู่ พวกนายจิบสักหน่อยสิ” ลิงผอมก้มหยิบขวดน้ำดื่มขึ้นมาแจกจ่ายให้ทั้งสามคนละขวด ทุกคนรีบรับขวดน้ำก่อนเปิดฝายกดื่มด้วยความกระหาย
“ในซากเครื่องบินนี้ยังพอมีน้ำสะอาดเหลืออยู่ ต้องเป็นฐานทัพอะไรสักอย่างแน่ๆ” ซ่งเจิงตั้งข้อสังเกตก่อนกลืนน้ำลงคออีกหลายอึก
“ของทั้งหมดนี่ มาจากมนุษย์พันธุ์ใหม่และคนของเมืองด้านในทั้งนั้นแหละ” ฉู่อี้อธิบาย