ตอนที่ 21: คนอวดดี
ตอนที่ 21: คนอวดดี
ต้องบอกว่าเจียงเกอก็เป็นคนขี้โก่งไม่ใช่เล่น นับว่าโชคดีที่ตัวเองทำสัญญากับเขาเอาไว้ หาไม่แล้วภารกิจคงไม่สำเร็จลุล่วง
…
“ขอติดเธอห้าสิบเหรียญทองก่อนแล้วกัน” หวังยวนนับเหรียญทองห้าสิบเหรียญจากกระเป๋าก่อนจะมอบให้สุ่ยหลิงหลง
หวังยวนยืนกรานว่าจะสะสางบัญชีให้พี่น้องเอง ดังนั้นจะให้นางจ่ายเงินจำนวนนั้นไม่ได้
หนึ่งร้อยเหรียญทองไม่ใช่จำนวนน้อย ซึ่งหวังยวนในตอนนี้มีเพียงหกสิบกว่าเหรียญทองกับความจำเป็นที่ต้องเรียนสกิลและซื้ออุปกรณ์สวมใส่ เพราะงั้นจึงทำได้เพียงใช้คืน 50 เหรียญทองไปก่อนแล้วคืนส่วนที่เหลือเมื่อมีกำลังทรัพย์แล้วในภายภาคหน้า
“ฉันบอกตอนนายว่าให้นายใช้คืน?” สุ่ยหลิงหลงเหลือบมองถุงเงินในมือของหวังยวนด้วยสายตาเหยียดหยัน
ราวกับว่าพอได้เห็นเงินแล้วจะรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา
“จะรับหรือไม่มันก็เรื่องของเธอ แล้วก็ยังเป็นเรื่องของฉันด้วย ฉันไม่ชอบให้คนอื่นฉวยโอกาสและตัวฉันเองก็ไม่ชอบฉวยโอกาสผู้อื่น หากภายภาคหน้าเธอมีภารกิจที่ต้องทำ ฉันยินดีให้การช่วยเหลือโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด” สิ้นคำ หวังยวนยัดถุงเงินไปที่มือของสุ่ยหลิงหลง
“…”
สุ่ยหลิงหลงมองถุงเงินในมือพลางขมวดคิ้ว
สหายตรงหน้าคนนี้ค่อนข้างเข้าใจยาก
ในฐานะคนมีฐานะร่ำรวย สุ่ยหลิงหลงจึงถูกห้อมล้อมโดยผู้ที่พยายามสุดความสามารถที่จะเอาเปรียบเธอ ใครก็ตามที่เข้าใกล้ตนเองต่างต้องการผลประโยชน์ทั้งสิ้น
แต่หวังยวนกลับต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
สหายผู้นี้ไม่ได้มองเธอเพียงเพราะมีฐานะร่ำรวย อีกทั้งไม่ได้ปฏิบัติกับเธอเหมือนกับคนโง่เพียงเพราะตนเองร่ำรวย
หากอุปกรณ์สวมใส่มีราคาแพงก็เป็นเพราะตัวเองจ่ายในราคาที่สูงเกินไป
ตอนที่ตัวเองจ่ายหนึ่งร้อยเหรียญทองไป เขาสามารถอ้างเหตุผลเพื่อฉวยโอกาสไม่ต้องจ่ายคืนได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังจ่ายคืนด้วยวิธีที่เหมาะสมหรือถึงขั้นเขียนหลักฐานการยืมเงินหากยังรู้สึกว่าไม่สบายใจ
มันทำให้สุ่ยหลิงหลงค่อนข้างรู้สึกประหลาดใจ
แน่นอนว่าหากหวังยวนทราบความคิดของสุ่ยหลิงหลงขึ้นมา คงมีหลุดด่าว่านางนี่อย่างแน่นอน การที่คนทั่วไปใช้หนี้และไม่ฉวยโอกาสจากผู้อื่นมันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ? ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาประหลาดใจหรือยังไง?
สังคมปัจจุบันมันเน่าฟอนเฟะขนาดนั้นแล้วเหรอ?
“โห นึกไม่ถึงเลย! พี่หนิวของพวกเราจะให้ความสำคัญกับผู้อื่นด้วย”
“จุ๊จุ๊จุ๊ คาดไม่ถึงว่าคนไร้ยางอายแบบนั้นจะยังมีความพิถีพิถันแบบนี้อยู่ด้วย”
“ไม่แปลกใจเลยที่สามารถอัญเชิญมือดีที่สุดในหมู่พวกเรามาได้ คนที่จะเป็นลูกพี่พวกเราได้ต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว”
“มีเหตุผล! มีเหตุผล! แต่ทำไมน้ำเสียงของคุณถึงฟังดูไร้ยางอายขนาดนี้กันล่ะ?”
"ถุยถุยถุย คนอวดดี คนอวดดี"
หวังยวน "..."
…
เมืองพายุฟ้าคะนอง สุสานโบสถ์
“อาจารย์ซูล คุณดูสิว่าฉันพาใครกลับมาด้วย”
หวังยวนพาเจียงเกอไปหาซูล
เดิมทีสุ่ยหลิงหลงอยากไปเพิ่มเลเวล แต่พอทราบว่าหวังยวนกำลังมีข่าวใหญ่มาให้กับ NPC ก็เลยตามมารับชมความสนุกด้วย
“เนโครแมนเซอร์อย่างพวกนายชั่วร้ายกันหมดเลยเหรอ?”
หลังจากเห็นซูล สุ่ยหลิงหลงอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา
“ไม่ใช่ ฉันเป็นคนดีจะตาย” หวังยวนชี้มาที่ตัวเอง
เทียบกับ NPC เหล่านั้นที่ตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าหวังยวนผู้มีร่างสูงท้วมและกำยำล่ำสันดูไม่เหมือนคนที่จะมาทางสายนี้แต่อย่างใด
"เฮ้อ" สุ่ยหลิงหลงเหลือบมองหวังยวนแล้วอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“เดี๋ยว! เธอทำแบบนี้หมายความว่าไง!” หวังยวนเดือดดาล
“เจียงเกอ ลูกของฉัน! ในที่สุดคุณก็กลับมา!” เห็นได้ชัดว่าซูลกับเจียงเกอเป็นเพื่อนเก่า ทำให้การทักทายเจียงเกอเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
"เหอะ!"
เจียงเกอพ่นลมออกจมูกอย่างเย็นชา เห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะสนใจซูลแม้แต่น้อย
“ได้ยินมาว่าคุณหาทางอัญเชิญอันเดดที่มีวิญญาณได้แล้วเหรอ?” เจียงเกอเข้าประเด็นทันที
“ถูกต้อง! แต่ฉันยังต้องการความช่วยเหลือของคุณอยู่ดี” ซูลพยักหน้า
“ถ้างั้นมาเริ่มกันเลยเถอะ!”
เจียงเกอหยิบตะเกียงชักนำวิญญาณออกมา
"ไม่ต้องรีบร้อน!"
ซูลเอ่ยคำ "พวกเรายังขาดของสำคัญอย่างหนึ่ง"
“ของอะไรเหรอ?” เจียงเกอสงสัย
“หลักฐานของเทพแห่งความตาย!”
ซูลเอ่ยคำา "มีเพียงหลักฐานของเทพแห่งความตายที่สามารถทำให้ตะเกียงชักนำวิญญาณของคุณนำพาวีรชนระดับสูงเหล่านั้นมาได้"
“หลักฐานของเทพแห่งความตายเหรอ? แล้วจะไปหาของแบบนั้นมาจากไหน?” เจียงเกอขมวดคิ้ว
"ฮิฮิ!"
ซูลหัวเราะแล้วเอ่ยคำ "คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก"
ทันทีที่สิ้นคำ ซูลจึงหันศีรษะไปมองหวังยวน
“ไม่จริงน่า? จะขอให้เราไปอีกแล้วเหรอ?” หวังยวนแทบพูดไม่ออก
ไอ้เฒ่าสารเลวคนนี้คิดว่าเขาเป็นแรงงานอิสระหรือไง ใครจะคิดว่าการเปลี่ยนอาชีพจะยากลำบากขนาดนี้
"ไม่มีทาง!"
ซูลเอ่ยคำ "นี่คือการสอบเข้าระดับสูงสำหรับวีรชนซาก้า มีเพียงบุตรแห่งโชคชะตาเท่านั้นที่สามารถทำได้ ใครใช้ให้คุณเป็นผู้มีพรสวรรค์ท่ามกลางฝูงชนล่ะ"
“สิ่งที่คุณพูดมาก็มีเหตุผล”
เมื่อได้ยินคำว่า "ผู้มีพรสวรรค์ท่ามกลางฝูงชน" หวังยวนจึงพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมขณะเห็นด้วยกับคำพูดของซูล
“ถ้างั้นรบกวนไปหาหลักฐานของเทพแห่งความตายหน่อยแล้วกัน” ซูลยิ้มบาง
ระบบแจ้งเตือน: คุณทริกเกอร์ขั้นที่สามของภารกิจเปลี่ยนอาชีพลับ “หลักฐานของเทพแห่งความตาย” ระดับภารกิจ: A รายละเอียดภารกิจ: ตามหาหลักฐานของเทพแห่งความตาย 11รางวัลภารกิจ: ไม่ทราบ
“???”
หวังยวนตกตะลึงเมื่อเห็นข้อมูลตรงหน้า
ภายใต้สถานการณ์ปกติ ของเกี่ยวกับภารกิจจะแสดง 01 แต่ตอนนี้ภารกิจกลับแสดง 11 ซึ่งหมายความว่ามีของเกี่ยวกับภารกิจอยู่กับตัวเองงั้นเหรอ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หวังยวนจึงรีบตรวจสอบของที่มี ซึ่งเป็นดังที่คาดไว้ เหรียญตราสีดำถูกวางอยู่ที่มุมหนึ่งของกระเป๋าสะพายหลัง
“ไม่มีคำใบ้ภารกิจเหมือนกันเหรอ?”
หวังยวนขมวดคิ้วพลาเงอ่ยถาม
"ไม่มี!"
ซูลเอ่ยคำ "หากมันหาง่ายขนาดนั้น ฉันคงไม่ขอให้คุณออกไปตามหาหรอก"
“แบบนั้นไม่เท่ากับหาเข็มในกองฟางหรอกเหรอ? คงใช้เวลาทั้งชาติกว่าจะเจอ” หวังยวนแสร้งทำเป็นแสดงสีหน้าลำบากใจ
“ไอ้หยา คุณเป็นผู้เล่นไม่ใช่เหรอ? หากคุณไม่สามารถค้นหาเองได้ก็สามารถไปที่เว็บบอร์ดหรือโรงประมูลเพื่อขอซื้อจากคนอื่นก็ได้” ซูลแย้มยิ้มขณะใบหน้าซีดเซียวเต็มไปด้วยรอยย่นขนาดใหญ่ประหนึ่งดอกเบญจมาศ (มันคือดอกเบญจมาศของจริง เป็นแบบที่เห็นตอนไปหลุมศพในเทศกาลเชงเม้ง)
“คุณรู้จักเว็บบอร์ดกับโรงประมูลด้วยเหรอ?” หวังยวนตกตะลึง
สุนัขเฒ่าซูลคนนี้มี AI ระดับไหนกัน?
ไม่เพียงแต่รู้ถึงความแตกต่างระหว่างตัวเองกับผู้เล่นเท่านั้น แต่ยังถึงขั้นรู้ถึงตัวตนของเว็บบอร์ดอีกด้วย
ตามการตั้งค่าของเกม AI ประเภทนี้มีแต่ Boss เลเวล 180 ขึ้นไปเท่านั้นถึงจะครอบครองได้
"ล้อกันเล่นหรือไง ฉันคือมหาปุโรหิตของอันเดดที่มี AI สูงสุดในเกม อีกทั้งยังปลุกจิตสำนึกจนเข้าใจความหมายแท้จริงของโลกมานานแล้ว" ซูลเอ่ยคำอย่างภาคภูมิ “ไม่อย่างนั้น ฉันจะบอกได้ยังไงว่าคุณคือผู้มีพรสวรรค์ท่ามกลางฝูงชน?”
“สิ่งนี้จะต้องใช้เงินและเวลาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขั้นตอนนี้ซึ่งหาได้ยากยิ่งกว่า”
“เพราะอย่างนั้นจึงมีแต่ต้องขอให้คุณไปหายังไงล่ะ” ซูลเอ่ยคำ “ท่านหนิวต้าลี่ คุณเป็นนักรบของจักรวรรดิ เป็นบุตรแห่งโชคชะตาที่วีรชนซาก้ายอมรับ เป็นผู้สืบทอดในอนาคตของฉัน เป็นผู้มีพรสวรรค์ท่ามกลางฝูงชนในตำนาน ความหวังของเชื้อสายเนโครแมนเซอร์ขอฝากฝังไว้ที่คุณ คุณต้องแบกรับความรับผิดชอบนี้ไว้”
“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น สาเหตุหลักก็เพราะคุณทำให้ฉันเสียเวลา ความพยายามและเงินไปแล้ว ไม่คิดจะพูดอะไรอย่างอื่นเลยเหรอ?” หวังยวนเอ่ยคำตามตรง
เขาถูกโยนงานอย่างไว ส่วนซูลก็เอาแต่พูด ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่แสดงความต้องการออกมา เขาคงทำได้เพียงร่ายฉายาจำนวนมากที่ตัวเองได้รับมาแทนที่จะแสร้งทำเป็นเข้าใจ
"มันเป็นแบบนี้เอง"
ซูลแสร้งทำเป็นเข้าใจพลางเอ่ยคำ "เอาอย่างนี้ หากคุณสามารถหาหลักฐานของเทพแห่งความตายได้ภายในสามวัน ฉันจะมอบสิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ของเนโครแมนเซอร์ให้กับคุณ"
“พูดจริงหรือเปล่า? คุณไม่ได้โกหกหรอกใช่ไหม?”
“ไม่ต้องห่วง! ฉันได้สาบานในนามของท่านลาสมาแล้วว่าจะไม่มีวันโกหก” ซูลตบอกแล้วเอ่ยคำ
"ยอดเยี่ยมมาก!"
หวังยวนยิ้มบางขณะหยิบเหรียญตราออกมาจากกระเป๋า
เหรียญตราเป็นสีดำและถูกสลักด้วยจารึกแปลกประหลาด
ในตำแหน่งตรงกลางมีคำถูกจารึกเอาไว้… หลักฐานของเทพแห่งความตาย