ตอนที่ 79 : อาวุธ ? หลินลั่ว แกแพ้แน่ !
ตอนที่ 79 : อาวุธ ? หลินลั่ว แกแพ้แน่ !
มีเสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับที่เวทีประลองกว่าครึ่งที่ถูกทำลายเพราะคลื่นระเบิด
กรรมการและผู้ดูแลค่ายกลที่ริมเวทีประลองรีบประคองสถานการณ์ในเวทีประลองเอาไว้
ภายใต้ฝุ่นและควัน มังกรยมทูตได้กัดเข้าที่ขวานของยักษ์โครงกระดูก เขี้ยวของมันเสียดสีกับตัวขวานจนมีสะเก็ดไฟกระจายออกมา
ตงฟางเหอกระโดดขึ้นฟันเข้าที่ต้นคอของยักษ์โครงกระดูก จากนั้นก็ตีลังกาดีดตัวโผล่มาตรงหน้าหยางเฉินหลี่ !
มังกรยมทูตใช้กรงเล็บทั้งสองของมันฟาดลง กดยักษ์โครงกระดูกลงกับพื้นก่อนจะกัดซ้ำ
ผ่านไปสักพักยักษ์ใหญ่ทั้งสองก็ยังคงสู้กันต่อไป
ตงฟางเหอถือหอกในมือและแทงออกมา
เมื่อเผชิญหน้ากับตงฟางเหอ หยางเฉินหลี่ก็ได้แต่ส่ายหน้า “ตงฟางเหอ เกือบไปแล้วแท้ ๆ ....”
เขายื่นมือออกมาสะบัดพร้อมดาบทองแดงที่ปรากฏขึ้นในมือ มันสลักลวดลายเหรียญทองแดงเอาไว้พร้อมรูนที่ส่องแสง
“ดาบเจ็ดดาว !” หยางเฉินหลี่แอบถอนหายใจออกมา เมื่อเผชิญหน้ากับตงฟางเหอที่พุ่งเข้าใส่ หยางเฉินหลี่ก็ไม่ได้เดินหน้าแต่กลับถอยพร้อมกับใช้ดาบทองแดงเพื่อรับมือการโจมตีอีกฝ่าย !
“โอ้ ! หยางเฉินหลี่สู้ระยะประชิดได้ด้วย !”
“ดาบทองแดงของเขาคืออาวุธที่เขาได้มาจากจิตโลกตอนที่ปลุกพลังขึ้นมา !”
“อาวุธที่เติบโตได้ ! อาวุธที่พัฒนาได้ ! มันไม่ต่างจากมังกรของตงฟางเหอเลย !”
“ผู้ปลุกพลังระดับ A ขึ้นไปจะมีอาวุธ, ไอเทมรึสัตว์เลี้ยงประจำตัวตอนที่ปลุกพลังขึ้นมา ของเหล่านี้จะเกี่ยวข้องกับอาชีพของพวกเขา !”
“นี่เป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมผู้ปลุกพลังอาชีพระดับ A ขึ้นไปนั้นถึงจะเติบโตได้มากกว่าผู้ปลุกพลังทั่ว ๆ ไปในอนาคต !”
“ไม่ใช่ว่าเฉินผิงอันกับมู่หรงเสวี่ยเหินก็มีอาวุธติดตัวรึไง ?”
“แน่นอน ! เฉินผิงอันน่ะมีดาบบิน มู่หรงเสวี่ยเหินมีคทาแสงที่ต่างก็เป็นอาวุธติดตัว มันจะเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเขาขึ้นมา !”
“สุดยอด ! แต่มันไม่ยุติธรรมเลยที่พวกเขามีอาวุธที่ดีกว่าเราตั้งแต่แรก....”
ผู้คนพากันออกความเห็นออกมา แต่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อทั้งสองคนที่สู้กันอยู่
น่าเสียดาย
ยังไงซะมังกรของตงฟางเหอนั้นก็กินผลึกมังกรของมังกรหลังเหล็กไป ความแข็งแกร่งมันพุ่งทะยานขึ้นมา มันกัดเข้าที่ยักษ์โครงกระดูกและเอาชนะไปได้ ด้วยการที่มีมังกรเข้ามาสมทบ สุดท้ายหยางเฉินหลี่ก็ไม่อาจจะทัดทานไหวและพ่ายแพ้ให้กับตงฟางเหอไป
“ผู้ชนะ....ตงฟางเหอ !”
ที่เวทีประลองที่ 3
ตูม ตูม....
เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง มือของเฉินผิงอันเปลี่ยนเป็นเงาดาบบินกว่า 10 เล่มครอบคลุมไปทั้งลานประลอง หยางจือชิวพยายามที่จะหลบ แต่มันก็ทำให้เขาเข้าใกล้เฉินผิงอันไม่ได้เลย สุดท้ายเขาก็โดนต้อนให้ออกจากเวทีประลองไปเพราะดาบเงานี้
“ผู้ชนะ....เฉินผิงอัน !”
ที่เวทีประลองที่ 4
ทั้งเวทีประลองนั้นเต็มไปด้วยพลังงานกระจายไปทั่ว ฝั่งหนึ่งคือแสงศักดิ์สิทธิ์อันอบอุ่น อีกฝั่งคือลมและหิมะที่กระจายไปทั่ว
ภายใต้พลังทั้งสองที่ต่างกันนี้ มีคนสองคนที่เข้าปะทะกันอย่างต่อเนื่อง
มู่หรงเสวี่ยเหินใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์ พลังงานแสงอัดแน่นในตัวดาบทำให้มันคมกริบยิ่งกว่าเก่า การโจมตีแต่ละครั้งนั้นแฝงไปด้วยไฟศักดิ์สิทธิ์
ในฝั่งเหลียนอี้หนิง แส้ในมือนั้นเหมือนจะเปลี่ยนเป็นงูพิษที่พุ่งออกมาจากจุดต่าง ๆ ฟาดออกไปจนทำให้มู่หรงเสวี่ยเหินรู้สึกมือชา
“หนิงเอ๋อ ! เธอเอาชนะฉันไม่ได้หรอก !” ภายใต้แสงศักดิ์สิทธิ์ มู่หรงเสวี่ยเหินได้ตะโกนออกมา
เหลียนอี้หนิงหอบหายใจ ใบหน้าของเธอเริ่มแดงขึ้นมา “ใครบอก !”
เธอยื่นมือออกมาพลิกแส้บังคับให้มู่หรงเสวี่ยเหินต้องถอยกลับไป ในเวลาเดียวกันปากของเธอก็อ้าออกเล็กน้อย ก่อนจะมีดอกไม้ที่เหมือนกับดอกกล้วยไม้ลอยออกมา
“ผู้คุมวิญญาณ !”
“ครืด....”
มีเสียงแปลก ๆ ดังขึ้น อยู่ ๆ ก็มีร่างผู้หญิงโปร่งใสปรากฏขึ้นมาด้านหลังเหลียนอี้หนิง ผู้หญิงคนนี้สวมชุดขาว ผมดำของเธอพาดลงมาตามตัว เธอเหมือนกับเทพธิดาในตำนาน
มีพลังจิตปะทุออกมาราวกับคลื่นยักษ์ที่ซัดออกมา !
แม้แต่โล่พลังที่ป้องกันรอบเวทีประลองก็ไม่อาจจะทัดทานได้ มันเกิดการผันผวนอย่างรุนแรง
กลุ่มผู้ปลุกพลังหน้าใหม่ที่อยู่ใกล้ ๆ กับเวทีประลองรู้สึกเวียนหัวขึ้นมา คนที่อ่อนแอบางคนถึงกับสลบไปก็มี !
ผู้ใช้ค่ายกลที่ดูแลเวทีประลองรีบตะโกนออกมา “ผู้ปลุกพลังหน้าใหม่รอบ ๆ เวทีประลองที่ 4 รีบถอยกลับไป 10 ก้าว !”
“นี่คือคลื่นวิญญาณของเจ้าหญิงหิมะ ผู้ปลุกพลังทั่วไปไม่อาจจะต้านทานได้ !”
“การโจมตีทางจิต ! รีบถอยออกไป !”
“ฉันเวียนหัวจัง...สกิลนี้มันเป็นสกิลโจมตีระยะไกล !”
“เทพธิดาทั้งสองนี่ดุดันจริง ๆ !”
“ฉันจะล้มแล้ว ประคองฉันที...”
ในเวทีประลอง มู่หรงเสวี่ยเหินรู้สึกเวียนหัวขึ้นมา
ทว่าภายใต้แสงศักดิ์สิทธิ์ที่ปะทุออกมาในร่าง ความรู้สึกนี้ก็หายไปอย่างรวดเร็ว
“การโจมตีทางจิตของเจ้าหญิงหิมะ ? น่าเสียดายที่ใช้กับฉันไม่ได้ผล !” เธอฮึดฮัดออกมาเบา ๆ พร้อมพลังแสงที่ปะทุออกมารอบตัว ปิดกั้นการโจมตีนี้ไม่ให้เข้าถึงร่างเธอได้
ในเวลาเดียวกันนัยน์ตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีทอง
ด้านหลังเธอมีปีกสีทองอ่อน ๆ ปรากฏขึ้นมา !
“หนิงเอ๋อ นี่เป็นการโจมตีที่แรงที่สุดของฉัน ! บอกคนรักของเธอด้วยว่าฉันจะรอเขาในรอบตัดสิน !”
“ว่าไงนะ ?”
“แสงแห่งการตัดสิน !”
แสงสีทองพุ่งลงมาจากฟ้าเข้าใส่พายุหิมะ
หิมะและลมกระจายออกมาก่อนจะเริ่มละลายด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ไม่ว่าเหลียนอี้หนิงจะพยายามต่อต้านแค่ไหน ทว่าเธอก็ไม่อาจจะหนีจากแสงนี้ได้เลย !
ไม่กี่นาทีต่อมา เหลียนอี้หนิงก็ต้องเลือกที่จะยอมแพ้
“ผู้ชนะ....มู่หรงเสวี่ยเหิน !”
ที่เวทีประลองที่ 1
ตอนที่เวทีประลองทั้ง 3 แข่งจบ การต่อสู้ของหลินลั่วนั้นก็เริ่มไปนานแล้ว !
ฟางหยวนยืนอยู่กับที่ ตอนที่กรรมการประกาศเริ่มการแข่งขัน เขาก็ประกบมือเข้าด้วยกันและตะโกนออกมา
“ในระยะ 3 ม. ฉันไร้เทียมทาน !”
“....”
รอบ ๆ ตัวมีโล่พลังโปร่งใสปรากฏขึ้นมา
“ในโลกนี้ โลกนั้นเป็นเหมือนคุก !”
ในพริบตาเขาก็ยกมือขึ้นชี้ฟ้า ทว่าสายตาเขายังจับจ้องไปที่หลินลั่ว
ในพริบตา อากาศบนหัวและใต้เท้าหลินลั่วก็ราวกับเปลี่ยนเป็นมือขนาดใหญ่ตรึงร่างของหลินลั่วเอาไว้
พื้นดินเป็นคุก !
ค่ายกลควบคุม !
ฟางหยวนใช้โอกาสนี้วาดมือไปรอบตัว ก่อนจะกำมืออย่างแรง
“มิติว่างเปล่า !”
ตูม !
กำแพงมิติทั้งห้าก่อตัวขึ้นมากั้นตรงหน้าฟางหยวนเอาไว้ ด้วยการใช้สกิลไป 3 ครั้งติด ฟางหยวนก็เริ่มหายใจถี่ขึ้นมา
ทางหลินลั่ว เขาพยายามจะยกมือขึ้นแต่ก็พบว่าเขาช้าลงกว่าเดิมอย่างมาก อากาศรอบตัวเหมือนโดนแช่แข็ง ตัวเขาเหมือนตกลงไปในบ่อโคลนดูด
เขาเหมือนตัวหนักขึ้นเป็นสิบเท่า แค่ขยับตัวก็ยังยาก
ก่อนที่ฟางหยวนจะลงมือเสร็จ เขาก็เอื้อมมือไปด้านหลังหยิบธงยันต์ 3 อันออกมาก่อนจะโยนมันขึ้นฟ้า
ฟางหยวนประกบมือพร้อธงทั้งสามที่หมุนรอบตัวเขา
“1 ใน 5 ทะเลทั้งสี่....สายฟ้าทั้งห้า !”
ตูม !
ภายใต้เสียงท่องสกิลของฟางหยวน ธงทั้งสามก็มีสายฟ้าสีฟ้าปะทุออกมาเปลี่ยนเป็นงูสายฟ้าพุ่งเข้าใส่หลินลั่ว
ตูม ตูม ตูม !
เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง โล่น้ำแข็งตรงหน้าหลินลั่วพังไปทีละชั้น ๆ พร้อมเศษน้ำแข็งที่กระจายไปทั่ว
“นี่คือความแข็งแกร่งของผู้ใช้ค่ายกลต้องห้ามงั้นเหรอ ? ถ้าเป็นเรื่องค่ายกล เขาสามารถควบคุมพลังจากโลกเพื่อใช้ในการฆ่าศัตรูได้เหรอ ?” หลินลั่วพึมพำออกมา แต่ตอนนั้นฟางหยวนก็ลงมืออีกรอบ
ฟางหยวนโยนบางอย่างออกมา มันคือธงยันต์ 5 อันที่สีสันแตกต่างกัน
ทอง, เขียว, ฟ้า, แดง, เหลือง !
ธงทั้งห้าสั่นไหวพร้อมแสงสว่างที่ส่องแสงออกมาเปลี่ยนก้อนแสงภายใต้การควบคุมของฟางหยวน
“ทอง, ไม้, น้ำ, ไฟ และดิน ! สมบัติเซียน !”
[ ค่ายกล 5 ธาตุสังหาร ] !
ปัง !
เสียงระเบิดดังก้องขึ้น ธงทั้งห้าได้เปลี่ยนเป็นสมบัติพุ่งเข้าใส่หลินลั่ว
มีด, ต้นไม้ใหญ่, น้ำ, ไฟ และหิน
เปลวไฟปะทุออกมากลืนกินร่างหลินลั่วหายไป !
“นี่คือความแข็งแกร่งของผู้ใช้ค่ายกลต้องห้ามงั้นเหรอ ? แกร่งจริง ๆ !”
“ผู้ปลุกพลังอาชีพลับระดับ A ? เขาดูเหมือนจะเอาชนะหลินลั่วได้ง่าย ๆ !”
“ฟางหยวนน่ะไม่ได้อ่อนแอกว่าผู้ปลุกพลังอาชีพระดับ S เลย !”
“นายว่าใครจะชนะ ?”
เสียงถกเถียงกันของผู้ชมดังขึ้น ทว่าสายตาของฟางหยวนก็ยังไม่ได้สะท้อนความยินดีออกมาแม้แต่น้อย เขากลับมองไปทางที่หลินลั่วอยู่ไม่ละสายตา
“ฉันยังไม่ใช้สกิลจากน้ำเลย แกจะมาแพ้ง่าย ๆ แบบนี้ได้ยังไง ?”
“การโจมตีนี้รุนแรงก็จริง แต่ฉันยังมีแรงกว่านี้...”
ภายใต้เปลวไฟ อยู่ ๆ ก็เกิดการผันผวนขึ้นมา
ในสายตาฟางหยวน ค่ายกลที่พื้นดินที่เหมือนกับโคลนจำกัดการเคลื่อนไหวของหลินลั่วอยู่นั้นกลับถูกทำลาย
ค่ายกลสังหารที่สร้างขึ้นจากธาตุทั้งห้ากลับโดนทำลายไปในเวลาอันสั้น ราวกับว่ามีดาบอันแหลมคมตัดพวกมันให้ขาดจากกัน
ในเวลาเดียวกัน ในสายตาของเขามันก็มีดาบอันแหลมคมโจมตีเข้ามาจริงๆ ! เขาหรี่ตาลงพร้อมมือทั้งสองข้างที่ผลักออกไป
“5 ธาตุ 5 ความคิด ทั้งห้าว่างเปล่า !”
ตูม !
เกิดการระเบิดอันรุนแรงขึ้นมาตรงหน้าพร้อมค่ายกลที่ก่อตัวขึ้นมาป้องกันเขาเอาไว้ได้
ปัง ปัง ปัง....
มีใบมีดอันแหลมคมกำลังโจมตีค่ายกลอยู่
“อ๊าก !” ฟางหยวนตะโกนออกมา พลังจิตในร่างโคจรเข้าไปในค่ายกล ธงยันต์ทั้งสองที่อยู่กับตัวเขาโดนทำลาย ทว่าสุดท้ายเขาก็ลบล้างใบมีดมิตินี้ได้
เขาแสดงสีหน้ายินดีออกมา
มือขวาเขากำไปข้าง ๆ ราวกับจะคว้าบางอย่างจากมิติ
ในเวลาเดียวกันสีหน้าของผู้ใช้ค่ายกลที่ดูแลเวทีประลองก็เปลี่ยนไปทันที เขารีบตะโกนออกมา “นักเรียนฟางหยวน หยุด”
แต่ฟางหยวนไม่ได้เชื่อฟังแม้แต่น้อย เขายังคงยกมือกำไปทางที่หลินลั่วยืนอยู่
“ลักพามังกรเปลี่ยนเป็นฟินิกส์ ดวงดาวโคจร !”
“.... ”
“หลินลั่ว แกแพ้แล้ว !”