ตอนที่แล้วตอนที่ 72 ไม่เคยได้ยิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 74 ปัญหาคลี่คลาย

ตอนที่ 73 พี่เขย, หนูมีเรื่องจริงจังจะคุยด้วย


นี่คือ Bentley Mulsanne ที่มีมูลค่ากว่า 6 ล้านหยวน ดูหรูหรา และสง่างาม

รถ Bentley คันนี้จอดกะทันหัน ดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที

หลังจากจอดแล้ว คนขับรีบลงจากรถ แล้วเปิดประตูให้ด้วยความเคารพนบนอบ

คนแรกที่ลงจากรถคือชายวัยกลางคนอายุประมาณ 40 ปี และตามมาติดๆ ด้วยชายอายุประมาณ 35-36 ปี

ทันทีที่พวกเขาลงจากรถ คนแรกที่พวกเขาสนใจคือ เย่เฉิน

โดยไม่ลังเลใดๆ ทั้งสองคนเดินตรงเข้าไปหา เย่เฉิน ด้วยท่าทีสุภาพอย่างยิ่ง

พวกเขาเป็นใคร?

พวกเขาไม่เห็นหรือว่าฉันกำลังทำธุระอยู่?

ชายผอมบางที่อยู่ข้างๆ แสดงความไม่พอใจออกมา แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร ชายสองคนที่เพิ่งลงจากรถก็เริ่มพูดขึ้นแล้ว

“ผม ไต้ชิง เจ้าของบริษัท ปี่อั้น เอเจนซี่ มาเพื่อขอโทษ คุณเย่”

ชายอายุสามสิบกว่าปีเริ่มพูดก่อน เขาคือประธานของบริษัท ปี่อั้น เอเจนซี่, ไต้ชิง

ได้ยินเช่นนั้น ชายผอมบางก็ถึงกับชะงัก

บริษัท ปี่อั้น เอเจนซี่?

นั่นไม่ใช่บริษัทที่กำลังเติบโตหรอกหรือ?

เจ้าของบริษัทถึงกับมาขอโทษผู้ชายคนนี้?

สถานการณ์นี้.. มันอย่างไร?

ในขณะที่ชายหนุ่มผอมบางกำลังงุนงง เสียงอีกเสียงหนึ่งก็พลันดังขึ้น ทำให้เขาตกใจกลัวจนแทบจะเป็นลม

“ผมคือ พาน เทียนเหวิน มาเพื่อขอโทษ คุณเย่ ด้วยเช่นกันครับ”

ข้างๆ พาน เทียนเหวิน ก็พูดขึ้นเพื่ออธิบายเหตุผลในการมาของเขาในครั้งนี้

“พาน...เทียน...เหวิน?!”

ชายผอมบางตกตะลึงจ้องมอง พาน เทียนเหวิน ไปด้วยความไม่เชื่อบนใบหน้า

สำหรับลูกน้องของชายผอมบางก็ยิ่งหวาดกลัวจนตัวสั่นไปหมด

ผู้ชายคนนี้คือนักธุรกิจใหญ่ชื่อดัง พาน เทียนเหวิน?!

ชายผอมบางตกใจมาก

คนเป็นนักธุรกิจใหญ่ขนาดนี้ ถึงกับมาขอโทษ เย่เฉิน?

พระเจ้าช่วย...

คุณต้องรู้ก่อนว่า ไม่ใช่แค่เขา.. แม้แต่พ่อของเขาเมื่อเจอ พาน เทียนเหวิน ยังต้องให้ความเคารพ

แต่ตอนนี้ คนใหญ่คนโตขนาดนี้ กลับมาขอโทษ เย่เฉิน?

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

กึก!

ทันที หัวใจของชายผอมบางเต้นระรัวด้วยความกลัว

แม้เขาจะโง่ยังไง แต่ตอนนี้เขาก็เดาได้ว่า เย่เฉิน คนนี้จะต้องมีสถานะที่น่ากลัวอย่างยิ่ง

ไม่อย่างนั้น นักธุรกิจใหญ่ในเจียงโจวอย่าง พาน เทียนเหวิน จะมาขอโทษด้วยตัวเองได้ยังไง?

ยิ่งเขาคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ชายผอมบางก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น

เขาเพิ่งข่มขู่ เย่เฉิน ไปเมื่อกี้..

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ชายผอมบางก็หน้ามืดแทบจะเป็นลมล้มพับลงไป

โชคดีที่ลูกน้องข้างๆ ช่วยพยุงเขาเอาไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นชายผอมบางคงได้ล้มลงไปกับพื้นแล้ว

“ผมขอจัดการธุระบางอย่างก่อน”

เย่เฉิน หันไปพูดกับ พาน เทียนเหวิน และไต้ชิง ก่อนจะหันไปหาชายผอมบาง

อึกอึก!.. (เสียงกลืนน้ำลาย)

เมื่อเห็นสายตาเฉียบคมของ เย่เฉิน ชายผอมบางก็กลัวจนแข้งขาอ่อนแรงล้มคุกเข่าลงต่อหน้า เย่เฉิน

ข้างๆ ลูกน้องของเขาก็หน้าซีดเผือดด้วยความกลัว

“คุณยังอยากซื้อคฤหาสน์ของฉันอยู่อีกไหม?”

เย่เฉิน ถาม

“ไม่ ไม่ คุณเย่ เป็นผมที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ คนใหญ่คนโตอย่างคุณ โปรดอย่าถือโทษโกรธผมเลย..ครับ”

ชายผอมบางที่ล้มลงกับพื้นรีบร้องขอความเมตตาทันที

ตอนนี้ต่อให้ยืมความกล้าเขามาเป็นร้อย เขาก็ไม่กล้าแล้ว

“คุณเย่ ผมผิดไปแล้ว”

ลูกน้องของเขาก็รีบกล่าวขอโทษ เย่เฉิน

“อย่าให้ฉันเห็นนายในเจียงโจวอีก”

เย่เฉิน พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เข้าใจ เข้าใจแล้ว ผมจะรีบออกจากเจียงโจวคืนนี้แน่นอน จะไม่ให้คุณเห็นหน้าอีก”

ชายผอมบางให้คำมั่นอย่างรวดเร็ว

ในขณะนี้ เขาลืมเรื่องตามจีบ โม่ เมิ่งเฟย ไปนานแล้ว

เมื่อเทียบกับชีวิต ไม่มีอะไรสำคัญกว่าอีกแล้ว

เมื่อเห็นว่า เย่เฉิน ไม่สนใจเขาอีก ชายผอมบางก็พลันรู้สึกโล่งอก ในขณะที่ลูกน้องรีบช่วยพยุงเขาออกไป เขาก็ได้กล่าวคำขอโทษอีกครั้ง และจากไป

คืนนี้เขาจะออกจากเจียงโจว และจะไม่กลับมาอีก

น่ากลัว น่ากลัวมาก

เมื่อกี้เหมือนกับเขาเดินผ่านประตูผี

หลังจากนั้น เย่เฉิน นำพา พาน เทียนเหวิน และไต้ชิง เข้าไปในคฤหาสน์ของเขา

ทันทีที่เข้าไปในบ้าน พาน เทียนเหวิน ก็เริ่มขอโทษ เย่เฉิน :

“คุณเย่ คนโง่นี่ถึงกับพยายามดึงพนักงานของคุณไป นี่มันบ้าชัดๆ แกมันคงเบื่อชีวิตแล้ว..”

ขณะพูดพลาง พาน เทียนเหวิน ก็เตะ ไต้ชิง อย่างหนักอยู่หลายครั้ง

“โปรดอย่าถือโทษเขาเลยครับ เราได้ยินชื่อเสียงของ คุณเย่ มานานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้พบเจอ”

“ตอนนี้ได้เจอ คุณเย่ แล้ว คุณเย่ เป็นคนที่มีความสามารถ อนาคตช่างไม่มีขีดจำกัดจริงๆ…”

พาน เทียนเหวิน เริ่มกล่าวยกย่อง เย่เฉิน ไม่หยุด

“คุณเย่ ผมผิดไปแล้ว”

ไต้ชิง ลุกขึ้นโค้งคำนับขอโทษ เย่เฉิน

“คุณเย่ นี่เป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ได้โปรดรับไว้ด้วยครับ”

พาน เทียนเหวิน วางของขวัญที่เตรียมไว้อย่างสุภาพลงด้านหน้า เย่เฉิน

“คุณเย่ นี่ก็ของผม…”

เห็นเช่นนั้น ไต้ชิง ก็รีบนำของขวัญของตนมามอบให้

“ถ้า คุณเย่ ต้องการความช่วยเหลือจาก ผู้แซ่พาน ในอนาคต ขอแค่เอ่ยปากมาได้เลยครับ…”

พาน เทียนเหวิน พูดอย่างประจบประแจง เย่เฉิน

“อย่าให้มีครั้งต่อไป”

เย่เฉิน ตอบเบาๆ

“จะไม่มีแน่นอน จะไม่มีแน่นอนครับ”

ไต้ชิง รีบส่ายศีรษะ

พาน เทียนเหวิน ก็กล่าวรับรองให้ว่าจะไม่มีครั้งหน้า

ทั้งสองได้มาขอโทษ เย่เฉิน แล้ว ดังนั้น เย่เฉิน จึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก

หลังจากขอโทษแล้ว ทั้งสองก็อยู่พูดคุยกับ เย่เฉิน อีกเล็กน้อยก่อนจะลากลับไป

เมื่อออกมาแล้ว พาน เทียนเหวิน และไต้ชิง ก็รู้สึกประทับใจมาก

บางที.. นี่แหละอาจจะเป็น ‘ผู้มีอิทธิพล’ ที่แท้จริง

ท่าทีของ เย่เฉิน นั้นทำให้ทั้งสองชื่นชมอย่างยิ่ง

หลังจากทั้งสองเดินออกไป เย่เฉิน ก็เปิดของขวัญของพวกเขาดู

ของขวัญของ ไต้ชิง เป็นชาเกรดดีสุด คือ ไท่ผิงโหวขุย(太平猴魁, ชาพญาวานรไท่ผิง)

ไท่ผิงโหวขุย เคยได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘ชาแห่งชาติ’ เมื่อสิบปีก่อน 100 กรัมของ ไท่ผิงโหวขุย ขายได้ราคาสูงถึง 200,000 หยวน

นั่นคือเมื่อสิบปีก่อน และตอนนี้ราคาคงจะสูงจนน่าขัน

ทุกวันนี้แม้ว่าคุณจะมีเงิน แต่ก็ยากที่จะซื้อ ไท่ผิงโหวขุย ชาเกรดดีสุดแบบนี้มาได้ง่ายๆ

ของขวัญนี้ถือว่าดีทีเดียว ครั้งหน้าถ้า เย่เฉิน จะเชิญใครดื่มชาก็มีชาที่น่าภาคภูมิใจนี้ให้ดื่มแล้ว

เมื่อเทียบกับของขวัญของ ไต้ชิง ของขวัญของ พาน เทียนเหวิน มีค่ามากกว่า

นั่นคือภาพเขียนของ เหวิน เจิ้งหมิง(文徵明)

เหวิน เจิ้งหมิง เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นหนึ่งใน ‘สี่ปรมาจารย์’ เช่นเดียวกับ ถังหยิน (ถัง โป๋หู่, 唐伯虎) และคนอื่นๆ

ภาพเขียนของเขาตอนนี้มีราคาสูงมาก

ก่อนหน้านี้ เย่เฉิน เคยเห็นข่าวผลงานชิ้นหนึ่งของ เหวิน เจิ้งหมิง เคยขายไปได้ในราคาสูงถึงกว่า 80 ล้านหยวน

นอกจากนี้ผลงานธรรมดาๆ บางชิ้นก็ยังมีราคาอยู่ที่ประมาณ 50-60 ล้านหยวนเช่นกัน

ดูเหมือนว่าผลงานชิ้นนี้ของ เหวิน เจิ้งหมิง ก็น่าจะมีมูลค่าหลายสิบล้านหยวน

โดยไม่คาดคิดเลยว่า พาน เทียนเหวิน จะมอบของขวัญที่มีค่าขนาดนี้ให้กับเขาจริงๆ

ผลงานภาพเขียนชิ้นนี้อาจมีค่าเกือบเทียบเท่ากับคฤหาสน์ของ เย่เฉิน

เย่เฉิน จึงเอาผลงานภาพชิ้นนี้แขวนไว้เป็นของตกแต่ง

หลังจากนั้น เย่เฉิน ก็ไปทำธุระอย่างอื่นต่อ

ในตอนเย็น หลังจาก เย่เฉิน ทานข้าวเสร็จ เขาก็ได้รับโทรศัพท์จาก ซู หลิงเอ๋อร์

“พี่เขย คิดถึงหนูหรือเปล่า?”

เมื่อโทรศัพท์เชื่อมต่อสาย เสียงใสๆ ของ ซู หลิงเอ๋อร์ ก็พลันดังขึ้น

“คุณเป็นใคร ผมจำไม่ได้แล้ว”

เย่เฉิน ตอบกลับทันที

“อะไรกัน พี่เขย คุณทำแบบนี้ได้ยังไง? ฉันเสียใจมากนะ ฉันคิดถึงพี่เขยตลอดเลย…”

เสียงบ่นของ ซู หลิงเอ๋อร์ ที่ปนความน้อยใจไม่น้อยดังมาจากในสาย

“จริงเหรอ?”

เย่เฉิน ไม่คิดเชื่อคำพูดของ ซู หลิงเอ๋อร์ เลยสักนิด

“ไม่ล้อเล่นแล้วก็ได้ พี่เขย หนูมีเรื่องจริงจังจะคุยด้วย”

จู่ๆ ซู หลิงเอ๋อร์ ก็เปลี่ยนท่าทีเป็นพูดอย่างจริงจังขึ้นมาซะอย่างนั้น…

#(จากผู้แปล - พาน เทียนเหวิน คือ พี่เขย / ไต้ชิง คือ น้องเขย ก่อนหน้านี้ในเรื่องไม่ได้บอก ‘อายุ’ และ ‘姐夫’ มันได้ทั้ง พี่เขย,น้องเขย T..T ขอโทษ และจะแก้ไขให้ครับ)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด