ตอนที่ 30 ความพึงพอใจที่สมบูรณ์แบบ
ตอนที่ 30 ความพึงพอใจที่สมบูรณ์แบบ
หลินหลินที่กำลังยุ่งอยู่ในครัวพลางเช็ดมือไปด้วยและเดินออกมาด้วย เมื่อเธอได้เห็นท่าทางของซ่งลุ่ย เธอก็หัวเราะออกมาทันที ซ่งลุ่ยที่ได้ยินเสียงหลินหลินหัวเราะ เขาก็หันไปมองหลินหลินที่กำลังหัวเราะเขาด้วยใบหน้าเขินอายอย่างไม่รู้ตัว จังหวะเดียวกับที่หลินหลินหยุดหัวเราะเขาพอดี เธอจึงพูดกับเขาว่า
“ยิ้มบ้าอะไรของนาย ข้าวเสร็จแล้ว รีบยกกับข้าวออกมาได้แล้ว ถึงเวลากินข้าวแล้ว !”
เมื่อซ่งลุ่ยได้ยินก็ตอบกลับอย่างรวดเร็ว “อ๋อ ได้ ได้ซิ ! ” พูดจบเขาก็รีบวิ่งเข้าไปในครัวและยกถาดกับข้าวออกมา หลินหลินที่เห็นซ่งลุ่ยทำแบบนั้น เธอก็นั่งลงบนโซฟาและมองการกระทำซ่งลุ่ยอย่างเงียบ ๆ
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ซ่งลุ่ยก็เตรียมทุกอย่างเสร็จ เขาเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากของเขาแล้วมองที่โต๊ะตัวใหญ่ตรงหน้า เขาอดไม่ได้ที่จะนึกในใจว่า เป็นโชคของตนเองที่พบเจอหญิงสาวที่แสนดีและมีความสามารถขนาดนี้ เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาหันหน้าออกไปเพื่อมองหาหลินหลิน แต่กลับพบว่าหลินหลินหลับอยู่บนโซฟา เมื่อซ่งลุ่ยมองเห็นภาพตรงหน้า ในใจเขาก็รู้สึกเสียใจ เป็นเพราะว่าเขาเอง หลินหลินถึงต้องมาเหนื่อยแบบนี้ เฮ้อ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซ่งลุ่ยก็เดินไปข้างหน้า เตรียมที่จะอุ้มหลินหลินไปนอนบนเตียง ถึงแม้ว่าเขาจะระวังตัวมากแล้ว คิดไม่ถึงว่าตอนที่ตนเองยื่นมือ หลินหลินก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยการกระทำนี้ของเขา หลินหลินที่หลับอยู่ในอ้อมแขนของเขาก็ลืมตาขึ้นมา ซ่งลุ่ยมองหลินหลินที่ตื่นขึ้นมาและพูดกับเธอด้วยความอ่อนโยน
“ตื่นแล้วเหรอ ? จะไม่นอนต่อแล้วใช่มั้ย ?”
หลินหลินได้ยินซ่งลุ่ยพูดแบบนั้น เธอก็ดิ้นจนหลุดพ้นออกจากอ้อมแขนของซ่งลุ่ยและยืนบนพื้น พูดกับซ่งลุ่ยว่า
“แค่งีบหลับก็พอแล้ว ไม่เป็นไร พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ ไม่งั้นกับข้าวจะเย็นหมด” พูดจบ เธอก็จับมือซ่งลุ่ยแล้วเดินไปที่โต๊ะอาหาร ซ่งลุ่ยได้ยินหลินหลินพูดแบบนั้นก็ไม่ขัดขืนอะไรอีก แล้วเดินตามหลินหลินไปที่โต๊ะอาหารอย่างเชื่อฟังและว่าง่าย
หลินหลินเดินมาถึงโต๊ะอาหาร ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าเธอกับซ่งลุ่ยอยู่ใกล้กันมากเกินไปแล้ว เธอจึงรีบดึงมือออกจากมือของซ่งลุ่ยอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเขินอาย ถึงแม้ว่าเธอจะมีอะไรกับซ่งลุ่ยไปสองสามครั้งก่อนหน้านี้แล้ว แต่ว่าตอนนี้ก็ยังไม่ได้สนิทสนมชิดเชื้ออะไรขนาดนั้น ยังคงรู้สึกเขินอายอยู่ หลังจากที่ดึงมือออกมาจากมือของซ่งลุ่ยแล้ว เธอก็ก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย
ซ่งลุ่ยเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของหลินหลินในตอนนี้ ในใจก็รู้สึกตื่นเต้นหวั่นไหว จนแทบจะอดใจเอาไว้ไม่ได้ ! อยากจะจับหลินหลินมาสำเร็จโทษคาที่ตรงนี้ซะเดี๋ยวนี้เลย เพราะว่าท่าทางของหลินหลินนั้นดึงดูดยั่วยวนซ่งลุ่ยเป็นอย่างมาก จึงทำให้ซ่งลุ่ยเกิดมีอารมณ์ ท่าทางที่เขินอายแบบนี้สามารถที่จะดึงดูดความปรารถนาที่จะพิชิตของผู้ชายได้ สำหรับซ่งลุ่ยเองก็ไม่ยกเว้น ! แต่ว่าเมื่อคิดถึงเรื่องที่เขาต้องทำในตอนบ่ายก็ต้องอดกลั้นความอยากมีอะไรกับเธอไว้เพียงแต่ในใจ
ซ่งลุ่ยพูดกับหลินหลินอีกครั้ง "หลินหลิน รีบกินข้าวกันเถอะ ! "
เมื่อหลินหลินได้ยินซ่งลุ่ยพูดแบบนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องมองไปที่ซ่งลุ่ย และรู้ทันทีว่าซ่งลุ่ยพูดกับเธอว่าให้เธอกินข้าวซะ เธอจึงสลัดความเขินอายก่อนหน้านี้ออกไป แต่ว่าใบหน้าเธอกลับยังคงแดงไปด้วยความเขินอาย แล้วกระซิบตอบซ่งลุ่ยเบา ๆ “อือ” จากนั้นก็หยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วกินข้าว
ซ่งลุ่ยอดที่จะเผลอยิ้มออกมาไม่ได้ หลินหลินดีไปหมดทุกอย่าง ขยันหมั่นเพียร ทำอาหารได้ อีกทั้งยังสวยด้วย มีที่ไม่ดีนิดหน่อยก็คือ เธอเขินอายง่ายไปหน่อย โดนนิดโดนหน่อยหน้าก็แดงแล้ว เมื่อซ่งลุ่ยคิดถึงตรงนี้ ซ่งลุ่ยก็ส่ายหัว ไม่ว่าหลินหลินจะเป็นอย่างไร สำหรับเขา ถึงอย่างไรก็ตามก็ล้วนเหมือนกันหมด แล้วมันจะมีอะไรสำคัญล่ะ ? เขาควรจะรักทุกอย่างที่หลินหลินเป็น อีกทั้งไม่ควรเลือกมาก แบบนั้นไม่เรียกว่าความรักหรอก มันเรียกว่าแค่ชอบ ซ่งลุ่ยอดคิดถึงสิ่งที่หลินหลินทำเพื่อเขาไม่ได้ ทันใดนั้นความอบอุ่นก็หลั่งไหลเข้ามาในใจเขา การที่ได้อยู่เคียงข้างผู้หญิงคนนี้เงียบ ๆ มันทำให้เขารู้สึกดีขนาดนี้เชียวเหรอ
บางทีหลินหลินอาจจะเหนื่อยเกินไป ตอนที่กินข้าวเธอก็ดูไม่มีชีวิตชีวา เธอเขี่ยข้าวแบบขอไปทีและกินไปเพียงแค่คำสองคำก็ลุกขึ้นยืน พูดกับซ่งลุ่ยด้วยใบหน้าที่อิดโรย
“ซ่งลุ่ย ตอนนี้ฉันท่าทางไม่ดีเท่าไหร่ รู้สึกเหนื่อยมาก ๆ ฉันขอตัวไปนอนก่อนนะ”
หลังจากที่ซ่งลุ่ยได้ยิน ก็มองดูหลินหลินด้วยใบหน้าที่เป็นกังวลและพูดว่า
“เป็นอะไรไป เธอรู้สึกไม่สบายเหรอ ?”
หลินหลินที่ได้ยินซ่งลุ่ยถามแบบนั้นก็พูดว่า
"ไม่เป็นไร ฉันแค่รู้สึกเหนื่อย แค่หลับก็ดีขึ้นแล้ว"
เมื่อซ่งลุ่ยได้ยินก็รีบพูดอย่างรวดเร็ว
"ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไปนอนพักผ่อนเถอะ ! "
หลินหลินตอบรับแล้วเดินหายเข้าไปในห้องนอน
หลินหลินเดินไปแล้ว ซ่งลุ่ยจะชักช้าอืดอาดต่อไปก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว ซ่งลุ่ยรีบกินข้าวอย่างรวดเร็ว หลังจากกินเสร็จ เขาก็เก็บจานแล้วเดินไปทางห้องครัว หลังจากนั้นสักพักก็ได้ยินเสียง “ติ๊งติ๊งติ๊งติ๊ง” ของน้ำดังออกมาจากในครัว ซ่งลุ่ยที่อยู่ในครัวรีบล้างจานอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็เอาจานชามไปเก็บที่เดิมแล้วเดินออกจากห้องครัวไป
ซ่งลุ่ยที่เดินออกมาจากประตูห้องครัวมาที่ห้องนั่งเล่น เขาเงยหน้าขึ้นมองเวลา พบว่าเกือบถึงเวลาที่จะต้องไปทำงานแล้ว จากนั้นเขาก็พูดกับหลินหลินว่า
"ฉันต้องไปแล้ว หลินหลิน ใกล้จะถึงเวลาทำงานแล้ว ฉันควรออกไปได้แล้วล่ะ"
หลินหลินที่ได้ยินเสียงของซ่งลุ่ย เธอก็เดินออกมาจากห้องนอนและมองไปที่ซ่งลุ่ยและพูดว่า
"โอเค นายไปเถอะ อย่าลืมกลับมากินข้าวเย็นนะ ! ” หลังจากหลินหลินพูดประโยคนี้จบก็รู้สึกตัวว่ามันแปลก ๆ ยังไงชอบกล และใบหน้าเธอก็แดงด้วยความเขินอายอีกครั้ง เธอก้มหน้าลงไปมองนิ้วเท้าตัวเองและไม่พูดอะไรออกมาอีก
ซ่งลุ่ยที่ได้ยินหลินหลินพูดแบบนั้น เขาก็มองดูหลินหลินที่กำลังเขินหน้าแดง เขาคว้าหลินหลินมากอดไว้ในอ้อมอก ทั้งสองมือกอดไปที่เอวของหลินหลินอย่างแน่นแล้วพูดกับหลินหลินอย่างนุ่มนวลว่า
“ได้เลย ตอนเย็นฉันจะกลับห้องมากินข้าวนะ กลับมาที่ห้องของเรา !” พูดจบก็ดึงใบหน้าหลินหลินเข้ามาแล้วจูบไปที่หน้าผากของเธอและมองลึกเข้าไปที่ตาของหลินหลิน เขาปล่อยหลินหลินเป็นอิสระออกจากอ้อมกอดแล้วหมุนตัวเดินออกไป
หลินหลินมองไปด้านหลังของซ่งลุ่ย ในใจของเธอก็ดูเหมือนจะยินยอมซ่งลุ่ย รู้สึกในใจเหมือนเต็มไปด้วยความรู้สึกต่าง ๆ ซ่งลุ่ยที่เดินออกไปไกลแล้วก็เช่นกัน เหมือนคนที่ร่อนเร่พเนจรทันใดนั้นก็เจอบ้าน ในใจก็เกิดความเป็นห่วงเป็นใยอย่างฉับพลัน และไม่รู้สึกว่างเปล่าเหมือนเมื่อก่อน
ระหว่างทางไปที่ทำงาน ซ่งลุ่ยคิดกับตัวเองว่าเขาควรจะรีบให้สถานะกับหลินหลินได้แล้ว ! ไม่สามารถมั่ว ๆ มึน ๆ ต่อไปได้แล้ว แบบนั้นมันไม่ดีต่อเขาเองและยิ่งเลวร้ายมากขึ้นไปอีกกับหลินหลิน รอสักสองสามวันให้ไปเก็บค่าเช่าให้ประธานจางสำเร็จก่อน แล้วค่อยพาเธอไปพบพ่อแม่ที่บ้าน ถือโอกาสยืนยันความสัมพันธ์ของคนสองคนไปเลย นี่คือสิ่งที่เขาควรจะทำ !
เมื่อตัดสินใจแบบนั้น ซ่งลุ่ยก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา ถึงอย่างไรก็ตามเมื่อมนุษย์พบเจอหรือประสบกับเรื่องที่มีคามสุขย่อมกระปรี้กระเปร่าเป็นธรรมดา แต่ว่าแต่ละคนจะมีท่าทางไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง เขายิ้มให้เมื่อเห็นคนกล่าวทักทายเขา เป็นอย่างนี้ตลอดทางจนถึงห้องทำงานของเขา ตอนที่เขากำลังจะผลักประตูห้องทำงานเข้าไปก็เห็นฮงเหมยกำลังเดินมาไกล ๆ ในใจสั่นไหว ไม่ใช่ว่าเธอมาหาเขาหรอกนะ ! เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ก็แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเธอ แล้วผลักประตูเข้าห้องทำงานไป