ก่อนหน้านี้ทำยังไง ก็ทำต่อไปอย่างนั้นแหละครับ (อ่านฟรี 27/09/2567)
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
“เช้าแล้วเหรอเนี่ย ไปบริษัทก่อนก็แล้วกันค่อยคิดว่าจะทำยังไงต่อ” เย่เซวียนที่งัวเงียตื่นขึ้นจากเสียงนาฬิกาปลุกก็เดินไปทำกิจวัตรประจำวันของตนอย่างรวดเร็ว
เขาอาบน้ำ แปรงฟัน แต่งตัว ก่อนจะปั่นจักรยานทองคำแวะซื้อข้าวกินระหว่างทางไปทำงาน โชคดีที่ตอนหวังเฉามาเมื่อวานนี้เขาพาทุกคนที่เขาติดหนี้ไปธนาคารแล้วถอนเงินจากบัตรที่หญิงชราตระกูลฮวาให้มา เพื่อจ่ายคืนให้ทุกคนจนเรียบร้อยแล้ว แถมยังกดเงินออกมาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายประจำวันอีกด้วย
ไม่เพียงจ่ายคืนทั้งต้นทั้งดอก ชายหนุ่มยังให้พิเศษทุกคนไปอีก จากยอดรวมทั้งหมดที่ต้องจ่ายแค่ไม่กี่แสนหยวน เขาจ่ายไปทั้งหมดหนึ่งล้านหยวนเพื่อให้ทุกคนไปเริ่มต้นชีวิตใหม่
ถึงยังไงเขาก็เป็นคนผิดเองในเรื่องนี้ แถมทุกคนก็เป็นผู้มีพระคุณสำหรับตัวเขาในอดีตจริง ๆ นอกจากนั้นพวกเขาก็กลายเป็นคนตกงานฉับพลันด้วย ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่คิดมากอะไรในการกระทำของตนเอง
แต่หารู้ไม่ว่าคนเหล่านั้นไม่ได้มีโอกาสได้ใช้เงินที่ได้ไปอีกต่อไป ถึงแม้จะไม่ตายแต่ก็ไม่มีใครได้ยินข่าวคราวของพวกเขาอีกเลย...
“ในบัตรของตระกูลฮวาเหลือเงินอยู่ราว 85 ล้านหยวน ส่วนบัตรของระบบเหลืออยู่ประมาณ 890 ล้านหยวน นับว่ามากเกินพอที่จะใช้ในเรื่องส่วนตัวหรือทำอะไรสักอย่าง” เย่เซวียนกล่าวออกมาอย่างแผ่วเบาพลางปั่นจักรยานไปด้วย
“เงินส่วนตัวคงต้องเอามาเปิดธุรกิจเพื่อทำภารกิจพิเศษษษษษของระบบให้สำเร็จ 85 ล้านหยวนคงจะเปิดกิจการอะไรได้บ้างแหละ แต่เราก็ไม่มีความรู้เรื่องนี้ด้วยคงต้องไปขอให้หวู่หลิงแนะนำ”
“ส่วนเงินจากระบบเอาไว้ไปรับคุณปู่กลับมาแล้วสร้างบ้านใหม่พร้อมกับเปิดธุรกิจให้แกทำก็น่าจะดี จะได้ไม่ต้องไปลำบากขุดเหมืองอีก นอกจากนั้นก็คงเอาไปบริจาคช่วยเหลือคนหรือทำอะไรค่อยคิดอีกทีก็แล้วกัน”
ชายหนุ่มพยายามจะหาข้อสรุปในการใช้เงินเหล่านั้น แต่ด้วยความรู้ความสามารถของเขาในตอนนี้มันก็ยังไม่มากพอที่จะคิดเรื่องพวกนี้ไปได้ไกลนัก
หรือบางทีเขาควรจะเข้ามหาลัยไปเรียนเกี่ยวกับการเงินหรือธุรกิจดีนะ ?
...
“สวัสดีครับ/ค่ะ บอสเย่เซวียน!” เมื่อชายหนุ่มเดินเข้าไปในเหม่ยฟาสก็ต้องตกใจกับการต้อนรับที่ไม่คาดคิด ในตอนนี้พนักงานทุกคนที่ยังเหลืออยู่ต่างมายืนรอต้อนรับเขาด้วยความพร้อมเพรียง ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ผู้จัดการ หุ่นส่วนบริษัท พนักงานทั่วไป ทุกคนพากันมารอเขาตั้งแต่เช้าตรู่
นั่นก็เป็นเพราะพวกเขาได้รับคำสั่งมาแบบกะทันหันว่าให้มาต้อนรับประธานบริษัทคนใหม่ ไม่เช่นนั้นจะถูกไล่ออก! นั่นจึงทำให้ทุกคนหวาดกลัวและรีบมาอย่างพร้อมหน้ากัน
บางคนที่ต้องไปส่งลูกตอนเช้าก็ถึงกับให้ลูกหยุดเรียนเพื่อจะได้ไม่ต้องไปส่งเลยก็มี!
“สวัสดีครับ ทุกคนมารวมตัวทำอะไรกันเหรอครับ ?” ชายหนุ่มกล่าวออกมาด้วยท่าทางสับสน
เพราะไม่มีใครบอกเขาเรื่องนี้มาก่อนเลย
“พวกเรามารอต้อนรับเจ้าของบริษัทคนใหม่ครับ ขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อโหวฉี เป็นรองประธานของบริษัทเหม่ยฟาสครับ ส่วนทางนี้คือ....” โหวฉีเป็นชายวัย 40 ปี ศีรษะของเขามีเส้นผมดกดำหวีเสยเป็นทรงเงางาม เขาแนะนำตัวเองก่อนที่จะแนะนำตัวคนอื่น ๆ ให้กับชายหนุ่มได้รู้จัก
มีตั้งแต่ตัวเขาที่เป็นรองประธาน รวมถึงคนอื่นไม่ว่าจะเป็นประธานกรรมการ ที่ปรึกษาอาวุโส กรรมการผู้จัดการ ผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการฝ่ายบุคคล ผู้จัดการฝ่ายการเงิน และอื่น ๆ อีกมากมาย
“ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนครับ ผมเย่เซวียนอายุ 20 ปี เป็นคนธรรมดาที่บังเอิญได้เป็นประธานบริษัทครับ” ชายหนุ่มยิ้มออกมาอย่างงดงามพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงชวนฟัง
ครึ่งหลัง
“ท่านประธานมีแผนจะทำยังไงกับบริษัทต่อไปครับ” เมื่อเห็นว่าประธานหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเขาเกือบเท่าตัวกล่าวจบแล้ว โหวฉีจึงเป็นฝ่ายถามออกมา
ยิ่งเห็นว่าประธานคนใหม่เป็นเพียงชายหนุ่มอายุ 20 ปีเท่านั้น เขายิ่งค่อนข้างจะกังวลในอนาคตเป็นอย่างมาก ถ้าเกิดประธานคนใหม่มีความรู้ความสามารถอะไรบ้างก็คงจะดี แต่ถ้าเป็นเพียงผู้คนรวยรุ่นที่สอง ซึ่งเอาแต่เกาะอำนาจเงินทองของตระกูลแล้วชอบสั่งการอะไรสิ้นคิดล่ะก็ บริษัทได้ล้มละลายในเวลาไม่นานแน่ ๆ หรือบางทีเขาควรจะมองหางานใหม่เอาไว้ดีนะ ?
“ตอนนี้ยังไม่มีครับ ขอให้ทุกคนทำตามหน้าที่เดิมไปก่อน ถ้ามีเรื่องไหนที่ผมควรทราบหรือตัดสินใจก็ให้ท่านรองประธานติดต่อผมมาได้ทุกเมื่อเลยครับ” เย่เซวียนพยายามเรียบเรียงคำพูดก่อนจะตอบกลับไป ซึ่งคำตอบของเขาก็สร้างความพอใจให้กับทุกคนได้เป็นอย่างดี
อย่างน้อยตำแหน่งหน้าที่ของพวกเขาก็ยังคงเดิม แล้วไม่ต้องกังวลว่าจะโดนแทรกแซงอะไรในระยะเวลาอันสั้นนี้
“ได้เลยครับท่านประธาน! แล้ววันนี้ท่านประธานมีแผนว่าจะทำอะไรต่อไหมครับ” โหวฉีกล่าวถามออกมาด้วยความกระตือรือร้น
เขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะประจบเจ้านายหนุ่มรูปหล่อคนนี้ อย่างน้อยการที่อีกฝ่ายสามารถยึดครองหุ้นของบริษัทได้ 100% และกลายมาเป็นเจ้าของคนใหม่แบบนี้ ก็ต้องมีความสามารถหรืออำนาจไม่มากก็น้อย
“ผมว่าจะ......”
ตรูดดดดดดดดดดด
“ทุกคนแยกย้ายกันไปทำงานได้เลยครับ ส่วนท่านรองประธานช่วยรอผมสักครู่ ผมขอรับสายนี้ก่อน” ชายหนุ่มกล่าวจบก็เดินแยกตัวออกไปยังด้านนอกของร้านเพื่อคุยโทรศัพท์
หลังจากที่เย่เซวียนได้แยกตัวออกไปแล้วทุกคนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก พวกเขาตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้เห็นว่าประธานบริษัทคนใหม่เป็นคนหนุ่มเช่นนี้
แถมยังหล่อเหลาเป็นอย่างมากอีกด้วย!
“เอาล่ะ! เลิกซุบซิบแล้วแยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว อย่าลืมว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม อู้งานก็จะถูกหักเงินได้!” โหวฉีที่เห็นว่าเสียงพูดคุยเริ่มจะดังเกินไปจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงดุเล็กน้อย ทำให้พนักงานทุกคนแยกย้ายไปทำงานตามหน้าที่ต่อทันที
พวกที่มีตำแหน่งระดับสูงรวมถึงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับร้านเหม่ยฟาสสาขานี้ ต่างก็พากันแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เวลานี้หลงเหลือคนเพียงจำนวนเล็กน้อยได้แก่ โหวฉี เปาหยุน และพนักงานบางส่วนเท่านั้นเอง
ทางด้านเย่เซวียนที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่
“สวัสดีครับ” เย่เซวียนกดรับโทรศัพท์ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสุภาพ ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นผู้มีพระคุณของเขาอีกคนหนึ่ง แถมยังดูแลเขาเป็นอย่างดีอีกต่างหาก
ถึงแม้จะทำไปเพื่อหวังเงินจากเขาก็เถอะ แต่มันก็เป็นงานนี่นะ
“สวัสดีครับ ผมเป็นพนักงานของธนาคาร Lion Bank of China นะครับ รหัสพนักงาน ACb506879CN โทรมาเรื่องหนี้ค้างชำระครับ” เสียงจากปลายสายกล่าวแนะนำตัวก่อนจะเข้าเรื่อง
“ผมทราบแล้วครับ อีกสักพักผมเข้าไปชำระให้นะครับ” เย่เซวียนที่ได้ยินก็ตอบกลับไปทันที
เขาก็เกือบจะลืมเรื่องนี้ไปเลย ตอนนี้ถือโอกาสที่ยังว่างอยู่ไปเคลียร์หนี้ให้ปู่ดีกว่า หลังเคลียร์หนี้ของธนาคารเสร็จก็จะได้เคลียร์หนี้นอกระบบต่อ จะได้จบเรื่องที่มันรบกวนสภาพจิตใจพวกนี้เสียที หลังจากนั้นค่อยไปรับปู่กลับมาอยู่ด้วยกัน
“ได้เลยครับ ทางธนาคารจะรอต้อนรับคุณเย่เซวียนนะครับ ขอบคุณที่ให้เกียรติใช้บริการธนาคารของเรานะครับ” พนักงานชายที่ได้ยินว่าเย่เซวียนจะเข้ามาชำระเงินทั้ง ๆ ที่ค้างชำระมานานก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย แต่เขาก็รักษามารยาทเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
“แค่นี้นะครับ” เย่เซวียนกล่าวจบก็กดตัดสายก่อนจะเดินกลับเข้าร้านเหม่ยฟาสไป