ตอนที่แล้วบทที่ 60 กระแสน้ำเชี่ยว (5)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 62 มากมาย  (1)

บทที่ 61 กระแสน้ำเชี่ยว (6)


[ถึง 65 ไม่ไหว เอาเป็นวันละ 2 ตอนแล้วกันนะครับ]

บทที่ 61 กระแสน้ำเชี่ยว (6)

คังวูจินเลือกบทละครตอนเดียวโดยผู้ช่วยนักเขียน ไม่ใช่บทโดยนักเขียนชื่อดังอย่างลีวอลซอน แต่สีหน้าของวูจินหลังจากเลือกบทละครตอนเดียวคือ...

“……”

ไม่ได้แยแสอะไรสักนิด เมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนี้ ชเวชองกุนก็หน้าซีดไปพักใหญ่

"หา?"

เขาคิดว่าตนสามารถปรับตัวเข้ากับนิสัยของคังวูจินได้แล้ว แต่นี้มัน... เขายังคงไม่ได้เข้าใจอะไรวูจินเลยสินะ? ในไม่ช้า ชเวชองกุนก็เอ่ยถามไปว่า

"….สรุปคือ"

เขาถามคังวูจิน ผู้ซึ่งกำลังลดนิ้วชี้ลงอย่างใจเย็น เสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อย

“นายตัดสินใจเลือกบทละครตอนเดียวนั้น ไม่ใช่บทของลีวอลซอนใช่ไหม?”

“ใช่ครับ ตามที่ผมพูดไปเลย”

“นายรู้ไหมว่าลีวอลซอนคือใคร?”

แน่นอนสิ วูจินรู้จักนักเขียนลีวอลซอนอยู่บ้าง ตอนที่เขาลองหาข่าวเกี่ยวกับพัคอึนมี เขาเคยเห็นบทความสองสามฉบับที่เปรียบเทียบเธอกับพัคอึนมี

"ผมรู้จักครับ เธอเป็นนักเขียนที่น่าทึ่งมาก”

“แต่นายยังคงเลือกบทละครตอนเดียวเนี่ยนะ”

"ถูกต้องครับ"

ชเวชองกุนรู้สึกงุนงง แต่ก็ไม่ได้นานจนเกินไป เพราะเขาเคยผ่านสถานการณ์ที่คล้ายกันนี้มาก่อน เหมือนคราวผู้กำกับอูฮยอนกู ซึ่งถึงจะเคยผ่านมารอบหนึ่ง มันก็ยังยากเกินกว่าเขาจะเข้าใจ ทำไมวูจินถึงเลือกเช่นนั้น

“...เหตุผล ฉันอยากรู้เหตุผล”

เหตุผลงั้นเหรอ? คังวูจินยังคงเงียบอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากอ่านบททั้งสองได้สั้น ๆ วูจินก็ได้แอบเข้าสู่มิติว่างเปล่าก่อนที่จะตัดสินใจ  เนื่องจากมีสองบท เขาจึงเข้าสองครั้ง นี่เป็นสิ่งที่วูจินต้องทำ

เพราะมิติว่างเปล่าอันมืดมิด มันทำให้เขาสามารถเลือกตัวเลือกที่ถูกต้องได้

'พูดตามตรง ระดับของมันก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนักหรอก'

ใช่แล้ว ทั้งสองบทไม่ได้แตกต่างอะไรกันนะ

-[5/บทละคร (ชื่อเรื่อง: รักน้ำค้างแข็ง) ระดับ C+]

-[6/บทละคร (ชื่อเรื่อง: เพื่อนชาย) ระดับ B]

'รักน้ำค้างแข็ง' เป็นบทของลีวอลซอน ส่วน 'เพื่อนชาย' เป็นบทละครหนึ่งตอนโดยผู้ช่วยนักเขียน ความแตกต่างระหว่างระดับของทั้งสองเรื่องนั้นต่างกันแค่ระดับเดียวเท่านั้น

'อืม แต่ถ้าดูดี ๆ การที่บทของนักเขียนมันมีระดับต่ำกว่าบทละครที่มีตอนเดียว มันออกจะรู้เลยแฮะว่ามีปัญหา'

ซึ่งทั้งสองเรื่ิองก็มีระดับอยู่ที่ทั่วไป C กับ B มีระดับแค่ปานกลางหรือสูงกว่าค่าเฉลี่ยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

หากให้เลือกจากผลงานเพียงอย่างเดียว วูจินอาจเลือก 'รักน้ำค้างแข็ง' อันที่จริง งานของลีวอลซอนอาจจะดีกว่านี้ก็ได้ แม้ว่าผลงานจะอยู่ในระดับปานกลาง แต่หากมันเกิดการลงแรงลงใจหรือมีการเปลี่ยนแปลงของนักแสดง ยกตัวอย่างเช่นงานของนักเขียนพัคอึนมีที่มีระดับพุ่งขึ้นสูงไปอีก

ในทางกลับกัน บทละครที่มีตอนเดียวอาจให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเล็กน้อย แต่มันจะไม่สร้างเสียงฮือฮาสักเท่าไรนัก

หากระดับมันคล้ายกัน ย่อมต้องตัดสินขั้นพื้นฐานโดยพิจารณาจากเรื่องอื่น หากเราคำนึงเรื่องระดับสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา การแสดงในผลงานของนักเขียนอีวอลซอนน่าจะเป็นประโยชน์ต่อนักแสดงที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วเช่น คังวูจิน แล้วทำไมวูจินถึงเลือกบทละครตอนเดียวงั้นเหรอ? วูจินคิดคำตอบในใจขณะมองไปยังชเวชองกุน

ใช่แล้ว เขาคิดเหตุผลมันไว้แล้ว

“เหตุผลงั้นเหรอ? ก็เรียบง่ายสุด ๆ บทละครตอนเดียวมันเริ่มต้นด้วยฉากจูบ!'

เขาตัดสินใจโดยพิจารณาจากเนื้อหา ไม่ใช่ระดับของงาน

'เขาชอบละครเรื่อง 'เพื่อนชาย' ที่มีตอนเดียวนี้มาก โดยเฉพาะเนื้อเรื่องที่เขียนในตัวบท เริ่มฉากแรกด้วยการจูบ มันเจ๋งใช่ไหมล่ะ?

ฉากแรกของบทละครตอนเดียว 'เพื่อนชาย' เริ่มต้นด้วยคำบรรยายของนักแสดงนำหญิง ในฉากแรกมันจะเป็นฉากของปัจจุบัน จากนั้นนักแสดงนำหญิงก็จะเริ่มด้วยการบรรยายว่า 'มันลงเอยแบบนี้ได้ยังไง' แล้วภาพก็จะย้อนกลับไปตั้งแต่แรก ลองคิดดูนะ ฉากแรกนักแสดงนำหญิงจูบ

แล้วคู่ของเธอจะเป็นใครได้ล่ะ?

'ดูก็รู้ว่าต้องเป็นฉัน'

ในทางกลับกัน ตัวบท 'รักน้ำค้างแข็ง' ของลีวอลซอนเริ่มต้นมาได้น่าอึดอัดใจมาก ทำไมเหรอ? เพราะพระเอกเป็นโรครักความสะอาดเป็นอย่างมาก เขากลัวการสัมผัสของคนอื่นเกินไป ตั้งแต่บรรทัดแรกของบทก็รู้ได้ทุกอย่างเลย

“ถึงในเรื่องนี้ฉันอาจจะไม่ใช่พระเอก แต่ถ้าพระเอกรักความสะอาดมากไป บทโรแมนติกก็น่าจะมาในครึ่งหลัง บรรยากาศโดยรวมของละครมันก็จะหนัก ๆ หน่อยไม่ใช่เหรอ?”

ที่จริงมันแค่ข้อแก้ตัวเท่านั้นแหละ คังวูจินหลงใหลฉากจูบเป็นอย่างมากเลยต่างหาก นักแสดงคนอื่น ๆ อาจมองว่าเขาเป็นคนบ้า แต่วูจิน ผู้ซึ่งคนอื่นมองว่าเป็นนักแสดงที่แปลกประหลาดและน่าสะพรึงนั้น โดยแก่นแท้ของเขายังคงเป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบที่แข็งแรงสมวัย เขานั้นเป็นหนุ่มกลัดมันทั่วไป มากกว่าเป็นนักแสดง

ผู้ชายอย่างเขาจะต้านทานความยั่วยวนของฉากจูบได้ยังไง?

แน่นอนว่าฉากจูบก็เป็นแค่การแสดง มันเป็นการแสดง แต่ถ้าจะให้เลือกถ่ายรอมคอมหรือเมโลดราม่า อะไรที่มันหวานย่อมดีกว่าใช่ไหมล่ะ?

'คิดดูสิว่าฉันผ่านนรกมากี่ครั้งแล้ว?'

เรื่องจริงก็เป็นเช่นนี้ การอ่านของคังวูจินตั้งแต่เริ่มเป็นนักแสดง ส่วนใหญ่มีแต่เรื่องที่แปลกประหลาดและโหดร้าย ถูกคว้กไส้ พบเห็นฉากฆาตกรรมและต้องเสียชีวิต ยิงกัน หลบหนีและอื่น ๆ อีกมากมาย เขาโดนตัดคอไปครั้งหนึ่งแล้วด้วยซ้ำ คิดดูสิว่ามันน่าขยะแขยงขนาดไหน? แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ได้เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ในช่วงชีวิตของพวกเขา แต่วูจินก็ต้องอดทนต่อเหตุการณ์เหล่านั้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในอนาคตก็คงจะเป็นเช่นเดิม

ความอดทนมันย่อมมีขีดจำกัดอยู่

'ถูกตัดคอแล้ว ขออะไรอบอุ่น หวาน ๆ บ้างไม่ได้เหรอ?'

ความคิดของวูจินตอนนี้ ต่อให้ใครจะด่าว่าเขาโง่ก็ยอม แน่นอนว่าในอนาคตเขาก็พร้อมจะแสดงอย่างแข็งขันต่อไปเช่นเดิมแหละ ในขณะนั้นเอง ชเวชองกุนจึงถามวูจินผู้ซึ่งเงียบไปครู่หนึ่งอีกครั้ง

“บอกเหตุผลให้ฉันรู้มันคงไม่ได้ยากอะไรใช่ไหม……?”

คังวูจินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่สามารถโพล่งว่าเพราะ 'ฉากจูบ' ได้ใช่ไหมล่ะ? หากเขาทำเช่นนั้น บุคลิกที่สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันของเขาคงจะจบเห่แน่ ดังนั้นเขาจึงต้องทำให้มันคลุมเครือ อืม นอกจากฉากจูบแล้ว ทุกอย่างก็น่าจะโอเคหมด

“บทนี้มันให้ความรู้สึกสดใหม่มากครับ”

“สดใหม่งั้นเหรอ?”

"ใช่ครับ ผมสัมผัสได้ตั้งแต่บรรทัดแรกเลย”

แค่นี้งั้นเหรอ? ชเวชองกุนแทบไม่เชื่อคำพูดของวูจิน

'สัญชาตญาณอันบ้าคลั่งของเขามันโผล่มาอีกแล้ว'

เขารีบด่วนสรุปในทันที แล้วจากนั้นเขาก็พูดอีกครั้ง

“…คุณคิดว่าบทของอีวอลซอนไม่ดีงั้นเหรอ? คุณรู้สึกว่ามันจะพังครืนเลยไหม?”

“ไม่ครับ มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น”

“สัญชาตญาณของนายมันมาแล้วใช่ไหม? งั้นก็ไม่เป็นไร ฉันตัดสินใจที่จะเชื่อสัญชาตญาณอันสุดยอดของนาย”

ความเข้าใจผิดเริ่มเพิ่มมากขึ้น อืม แต่มันก็ไม่สำคัญหรอก คังวูจินเลือกที่จะเมินไป ในขณะเดียวกัน ชเวชองกุนก็กำลังใคร่ครวญอะไรบางอย่าง โดยดูบททั้งสองสั้น ๆ และลูบคางของเขา ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็พูดออกมาว่า

“คุณคิดว่าบทของนักเขียนอีวอลซอนมันแย่มากแค่ไหน? คุณคิดว่ามันจะกลายเป็นหายนะเหมือนกับของผู้กำกับอูฮยอนกูหรือเปล่า?”

วูจินตัดสินใจที่จะซื่อสัตย์ ตอบกับชเวชองกุนด้วยท่าทีดูจริงจัง

“…ไม่ครับ มันก็แค่ปกติทั่วไปครับ”

"จริงเหรอ? ไม่ใช่ว่านายเกลียดอะไรเรื่องนี้ใช่ไหม?”

"ใช่ ผมไม่ได้เกลียดอะไรมันเลย แค่อีกเรื่องดีกว่า”

"ฉันเข้าใจแล้ว อืม พูดตามตรง เราไม่สามารถเลือกละครตอนเดียวอย่างเปิดเผยและตัดบทของลีวอลซอนออกได้ จังหวะแบบนี้ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ หากนักเขียนหรือสถานีโทรทัศน์ขุ่นเคืองเรา ความเสียหายจะใหญ่หลวงมากแน่”

ซึ่งสิ่งที่เขาพูดก็ถูกต้องแล้ว นอกจากกระแสต่อต้านและข่าวลือแล้ว ผลประโยชน์ที่ได้รับก็จะหายไปหมด ความสัมพันธ์ส่วนตัวในวงการบันเทิงนั้นเป็นสิ่งสำคัญ

“มันน่าหงุดหงิดมากเลยแฮะ หากเรื่องนี้กลายเป็นปัญหาใหญ่ ก็ถือเป็นเรื่องยุ่งยากพอควร มันอาจทำให้ชื่อเสียงของนายเสื่อมเสียได้เลย นอกจากนี้ การปฏิเสธลีวอลซอนย่อมมีแต่ผลเสีย”

“……”

“ถ้านายโอเค เอาเป็นลองทั้งสองเลยดีไหม? เรื่องทุกอย่างจะได้ดำเนินไปอย่างไหลลื่นไม่มีปัญหา”

ทั้งคู่เหรอ? วูจินไม่แน่ใจว่าชเวชองกุนคิดอะไรในใจ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ความคิดที่ไม่แย่เลย ชเวชองกุนเป็นมืออาชีพในอุตสาหกรรมนี้ เห็นได้ชัดว่าเขามีความรู้และฝีมือดีกว่าวูจินมากไปโข ในไม่ช้า คังวูจินก็พยักหน้าช้า ๆ ตอบไป

"งั้นรบกวนด้วยนะครับ"

ทันทีที่เขาได้ยินคำตอบ ชเวชองกุนก็ยิ้มกว้าง จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดหมายเลขบนนามบัตรที่แนบมากับบทละครหนึ่งตอน 'เพื่อนชาย' ซึ่งก็คือสายทีมงานฝ่ายผลิตของ Netflix

พอสายเชื่อมต่ออย่างรวดเร็ว ชเวชองกุนก็พูดทันที

“อา ครับ สวัสดีครับ นี่ชเวชองกุนจากบีดับเบิลยูเอนเตอร์เทนเมนต์ครับ ใช่ ใช่ครับ ฮ่า ๆ ใช่ครับ วูจินอ่านบทแล้ว เขาชอบมันมากครับ ใช่ ใช่ครับ แต่ผมขออะไรสักอย่างก่อนกำหนดเวลาการนัดหมายได้ไหมครับ?”

เขาเริ่มการเจรจาทันที

“คือว่าช่วยทำให้แน่ใจอย่าให้มีข่าวเรื่องนี้รั่วไหลด้วยนะครับ อย่างน้อยก็ในสัปดาห์นี้”

หลังจากวางสาย ชเวชองกุนก็โทรไปอีกสายหนึ่ง

“วูจิน พรุ่งนี้นายมีถ่าย 'สปอร์ตเดย์' นะ”

เขายิ้มให้วูจินที่นั่งเงียบงันอยู่

“งั้นมาสรุปเรื่องนี้กันวันนี้กันเถอะ”

ต่อมาในวันนั้นเอง ช่วงพักเที่ยงที่ห้องทำงานของนักเขียนพัคอึนมี

นักเขียนพัคอึนมีอยู่หน้าโน๊ตบุ๊คของเธออีกครั้ง ยามนี้เธอกำลังสะบัดผมด้วยความหงุดหงิด ด้วยเหตุนี้ ผมที่ดัดยาวของเธอจึงยุ่งเหยิงมาก

“อ่า ใช้ไม่ได้ ทำไมมันยากขนาดนี้กัน”

ความกดดัน... ละครเรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงไม่อาจทำให้ตอนสุดท้ายมันดูธรรมดาได้

"อึก"

หลังจากนั้น

-ก๊อก ครืด!

ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก และมีหญิงสาวร่างผอมบางสวมแว่นเดินเข้ามา

“คุณนักเขียน!”

ชเวนานะ ผู้ช่วยนักเขียนผู้เขียนละครเรื่อง 'เพื่อนชาย' ที่ชนะการประกวด Netflix ดวงตาของเธอเปล่งประกายเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“ฉะ-ฉะ-ฉันเพิ่งได้รับโทรศัพท์จาก Netflix ค่ะ!”

ชเวนานะยังคงขี้อายเช่นเคย ดังนั้นนักเขียนพัคอึนมีจึงได้แต่ขมวดคิ้ว

"นานะ ใจเย็น ๆ และบอกฉันมาช้า ๆ เธอได้รับสายจาก Netflix เหรอ?”

“ใช่ค่ะ เมื่อกี้นี้เลย!”

"และ?"

“ฉันส่งบทไปโดยไม่ได้คาดหวังอะไรอย่างที่คุณแนะนำ แต่เช้านี้ คุณคังวูจินบอกว่าเขาชอบงานนี้และอยากพบปะกันค่ะ!”

นักเขียนพัคอึนมีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

"······ ว่ายังไงนะ? จริงเหรอ? จริงใช่ไหม?”

"ใช่ค่ะ! ฉันควรทำยังไงดีคะ? ฉันกังวลมากเลย! พวกเขาบอกว่าฉันควรเข้าร่วมการประชุมด้วยค่ะ”

“เดี๋ยวก่อน นานะ เธอส่งบทนั้นไปให้วูจินเมื่อไหร่?”

“เอ่อ ฉันได้ยินมาว่ามันส่งไปเมื่อวาน แต่เพิ่งโทรมาเมื่อเช้านี้ค่ะ”

"ในวันเดียวเหรอ? เธอกำลังบอกว่าพวกเขาติดต่อเธอเพียงหนึ่งวันหลังจากได้รับบทงั้นเหรอ? นั่นมันเร็วมากไม่ใช่หรือไง?”

“อืม…ใช่ค่ะ?”

“คือคุณวูจินน่ะเก่งมากในการวิเคราะห์บทและอ่านบท แต่รู้ไหมว่าเรื่อง 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' เขายังไม่ได้ตัดสินใจเร็วขนาดนี้เลยนะ?”

“แต่ว่ามันก็ยังไม่ได้ตัดสินใจไม่ใช่เหรอคะ? มันเป็นแค่การประชุมเอง”

“ไม่สิ ก็แบบเขาติดต่อมาประชุมหลังวันเดียวเองนะ”

พัคอึนมีพึมพำ ปัดผมที่ดัดยาวของเธอและเริ่มคิดในใจ

'เขาคงได้รับบทจากโปรเจคใหญ่ ๆ มาตั้งมากมายแน่ แล้วทำไมเขาถึงสนใจละครตอนเดียวของนานะกันล่ะ? เขาไม่น่าจะมีเวลามาประชุมแบบสบาย ๆ แบบนี้สิ อาจเป็นเพราะฉันหรือเปล่านะ?'

เธอส่ายหัวทันที

'ไม่สิ คุณวูจินไม่ใช่คนแบบนั้น เขาคงไม่สนใจความคิดเห็นของคนอื่นใช่ไหม? ก็เขาเป็นคนตรงไปตรงมาเสมอเลยนิ โอ้ เป็นไปได้ไหมว่า...'

ในขณะนี้เอง มีคำพูดหนึ่งแวบขึ้นมาในใจของนักเขียนพัคอึนมี

'โทเท็มคัง!'

ปัจจุบันเธอเชื่อมั่นในตัววูจินจนเหมือนเขาเป็นศาสดาแล้ว คำตอบที่ว่าทำไมคังวูจินถึงเลือกละครหนึ่งตอนทั้งที่มีบทละครมากมาย เธอก็รู้ดี...

“…นานะ”

ดวงตาของพัคอึนมีเบิกกว้างเล็กน้อยสายตาของเธอจับจ้องนานะที่กำลังสับสน

“ละครตอนเดียวของเธอกำลังจะได้รับความนิยม”

ซึ่งทางชเวนานะก็เอียงศีรษะด้วยความสับสน

"เอ๊? คุณนักเขียนหมายความว่ายังไงเหรอคะ?”

“ก็ถ้า 'โทเท็มคัง' ทำงาน มันจะจะบ่งบอกว่าความสำเร็จครั้งใหญ่กำลังมา ซึ่งดูเหมือนว่าบทของเธอจะเป็นแบบนั้นนะ”

“โทเท็ม…คังเหรอคะ?”

“สายตาในการเลือกผลงานของวูจินเกือบจะเหมือนดั่งพระเจ้า ไม่สิ อาจเป็นสัญชาตญาณของเขาต่างหาก”

ซึ่งการที่คิดเช่นนี้ก็ถือว่าสมเหตุสมผลมาก เพราะมันมีหลักฐานเพียงพออยู่ตรงหน้าแล้ว พัคอึนมีรู้สึกขนลุกซู่ เธอเดินเข้ามาหาชเวนานะและวางมือบนไหล่ของเธอ

“วูจินต้องรู้สึกอะไรบางอย่างจากบทของเธอแน่”

นักเขียนพัคอึนมีคงไม่รู้เลยว่าสาเหตุที่เขาเลือกเรื่องนี้...

“มันจะต้องดังระเบิดอย่างแน่นอน”

มันเป็นเพราะฉากจูบ

ช่วงบ่าย ณ ห้องประชุมบริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์

ในห้องประชุมของบริษัทโปรดักชั่นขนาดใหญ่ คังวูจินและชเวชองกุนที่สวมชุดเบลเซอร์ นั่งเคียงข้างกัน เป็นเรื่องแปลกมากที่มีเพียงสองคนเท่านั้นที่อยู่ในห้องขนาดใหญ่เช่นนี้

รู้ได้เลยว่าต้องมีคนกำลังเข้ามาในห้องด้วย

เมื่อมาถึงจุดนี้ ชเวซองกุนที่ดูเหนื่อยล้าก็ได้ยืดคอของเขาพร้อมพูดกับคังวูจิน ผู้ซึ่งมีสีหน้าเคร่งเครียด

“นายตอบแค่ที่จำเป็นก็พอ ที่เหลือฉันจะจัดการให้เอง”

“ครับคุณซีอีโอ”

“เราได้ทำข้อตกลงกับ Netflix แล้ว ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่อะไร และฉันคิดว่าเงียบไว้มันก็ดีสำหรับภาพลักษณ์ของนายด้วย”

"เข้าใจแล้วครับ"

“ฉันจะจัดการเรื่องการเจรจาให้เอง”

ในเวลาเดียวกัน

-ฟึบ

ประตูกระจกห้องประชุมเปิดออก คนสามคนก็เดินเข้ามา เป็นหญิงวัยกลางคนและชายสองคน ในหมู่พวกเขา หญิงวัยกลางคนที่สวมเครื่องประดับมากมายหลายชิ้นนั้นมีใบหน้าที่คุ้นเคยมาก เธอคือนักเขียน ลีวอลซอน กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ บริษัทผู้ผลิตบริษัทนี้มีความเกี่ยวข้องกับเธอ

จากนั้น ชเวชองกุนก็ยื่นมือของเขาไปที่ลีวอลซอนพร้อมด้วยรอยยิ้ม

“โธ่ ไม่เจอกันนานเลยนะครับคุณนักเขียน ในอดีตเราเคยประชุมกันหลายครั้งกับโปรเจคของฮเยยอน คุณจำได้ไหมครับ?”

พอได้ยินเช่นนั้น นักเขียนอีวอลซอนจึงตอบด้วยรอยยิ้มบาง ๆ

"จำได้สิค่ะ เอาจริง ๆ ใครในงานสายนี้ไม่รู้จัก CEO ชเวบ้างล่ะ?”

“ฮ่าฮ่า ไม่หรอกครับ มีมากมายจะตายไป”

“เหรอคะ? ว่าแต่คุณคงเป็นคุณคังวูจินใช่ไหมคะ?”

เมื่อลีวอลซอนหันไปมองวูจินพร้อมถามออกไป คังวูจินที่ยืนอยู่ก็ก้มศีรษะลงด้วยความเคารพ

“ยินดีที่ได้พบครับ คุณนักเขียน ผม คังวูจิน”

"ว้าว น้ำเสียงคุณดีมากขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย? แถมคุณยังดูสูงกว่าในจอซะอีก ปกติคุณดูดีแบบนี้เลยเหรอ?”

“ครับ คุณนักเขียน”

“อืม ดูมีของมากเลย เหมือนที่ฉันได้ยินจากข่าวลือไม่มีผิด พวกเขาบอกว่าปกติคุณจะเงียบและนิ่งมาก สรุปคือเรื่องจริงสินะคะเนี่ย?”

รอยยิ้มของนักเขียนลีวอลซอนยิ่งยกกว้างขึ้น เมื่อถึงจุดนี้ คังวูจินก็เริ่มคิดกับตัวเอง

'เธอดูเอาแต่ใจตัวเองหน่อยแฮะ ชวนให้นึกถึงแม่ของฉันเลย ชักรู้สึกหลังเย็นวาบแล้วสิ"

นักเขียนลีวอลซอนมีบรรยากาศคล้ายอสรพิษ มีลักษณะท่าทางน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ทุกคนทักทายกันสั้น ๆ และนั่งลงโดยหันหน้าเข้าหากัน

คนที่ทำลายกำแพงในการสนทนาคนแรกเลยคือ ลีวอลซอน

“ฉันรู้สึกแปลกใจมากเลยนะคะที่คุณติดต่อฉันเร็วขนาดนี้”

ชเวชองกุนพอได้ยินเช่นนี้ก็เริ่มคิดกับตัวเอง

'ขั้นแรก ต้องทาเนยให้เธอเสียก่อนสินะ'

เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

“เราก็ต้องติดต่อคุณทันทีอยู่แล้วครับ เพราะมันเป็นถึงบทของนักเขียนลีวอลซอนเลยนะครับ ฮ่า ๆ เราประทับใจมากเลยนะครับที่คุณปฏิบัติต่อวูจินขนาดนี้ครับ”

“คุณยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ CEO ชเว”

“เราทั้งคู่อ่านบทแล้ว เป็นอีกครั้งเลยนะครับที่คุณแต่งเนื้อเรื่องได้น่าทึ่งขนาดนี้”

"จริงเหรอคะ?"

“ใช่ครับ ตั้งแต่ฉากแรกผมก็ทึ่งมากเลย”

“แล้วคุณวูจินคิดยังไงคะ?”

วูจินพยายามรักษาหน้าตาอันนิ่งคล้ายโป้กเกอร์ไว้ พยายามพูดโดยเสริมความจริงให้มากที่สุด

“ตั้งแต่บรรทัดแรกมันน่าทึ่งมากครับ วิธีที่คุณเขียนบทโรค 'OCD' ของแทฮยองก็ดูฉีกแนวมากเลยครับ”

นักเขียนลีวอลซอนจ้องมองคังวูจินเขม็ง เธอรู้สึกว่าวูจินมีบรรยากาศที่แตกต่างจากนักแสดงคนอื่น ๆ ที่เธอเคยพบเจอมา เธอควรจะอธิบายยังไงดี? มันดูไม่ค่อยเหมือนนักแสดงมั้ง?

“เขาเป็นคนที่พิเศษจริง ๆ เลยนะ เหมือนหินที่ดูขรุขระแต่ผ่านการขัดเกลาจนเรียบเนียน หาได้ยาก แม้ว่าจะดูไม่คุ้นเคย แต่กลับมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด”

“……..”

“ฉันน่าจะพบตัวคุณก่อนนักเขียนพัคอึนมีนะ น่าเสียดายจริง ๆ”

ในขณะนั้นเอง เจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตที่อยู่รอบตัวเธอก็ดูประหลาดใจกันมาก ทว่าทางนักเขียนลีวอลซอนที่กำลังมองดูวูจินอยู่ ก็หันสายตาไปยังชเวชองกุน

“แต่ว่าบรรยากาศมันให้ความรู้สึกเหมือน 'ไม่' มากกว่า 'ตกลง' นะคะ หรือว่าการยัดโปรเจคฉันเข้าตารางงานมันไม่ได้เหรอคะ?”

ชเวชองกุนก็พูดเตรียมคำพูดราวปลาไหลไว้แล้ว

“อืม…มันก็ซับซ้อนหน่อยครับ พูดตามตรง มันใกล้เคียงกับ 'ตกลง' มากกว่า 'ไม่'” ครับ"

"จริงเหรอคะ? แสดงว่าตกลงแน่นอนแล้วใช่ไหมคะ?”

“คือผมจะพูดตามตรงกับคุณนักเขียนนะครับ ตามตารางงานปัจจุบันของวูจิน เป็นเรื่องยากมากที่จะร่วมกับงานของคุณนักเขียน เรามีโปรเจคอื่น ๆ เรียงรายอยู่หรือกำลังวางแผนทำ มันไม่ใช่ข้อแก้ตัวหรือว่าเราด้อยค่าผลงานคุณหรอกนะครับ”

“อืม พูดต่อเลยค่ะ”

เมื่อถึงจุดนั้นเอง ชเวชองกุนก็แตะต้นขาของคังวูจินเบา ๆ พวกเขาได้เตรียมบทพูดไว้แล้ว ไม่นานนัก วูจินก็พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ

“ผมคิดว่ามันน่าเสียดายอย่างมากครับ”

ชเวชองกุนก็พูดตัดจบประโยคของเขาทันที

“ใช่เลยครับ มันน่าเสียดายมาก แต่หากสถานการณ์นี้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ มันก็อาจถูกตีความจนเข้าใจผิดไปอีก”

"ฉันเข้าใจแล้วค่ะ มันคงจะมีข่าวประมาณว่า คังวูจินผู้โด่งดังปฏิเสธนักเขียนลีวอลซอนสินะคะ?”

"ถูกต้องเลยครับ ข่าวนี้อาจส่งผลเสียต่อโปรเจคอื่น ๆ ของวูจิน ดังนั้นหากคุณสามารถให้บทบาทรองแก่เราได้ เราก็จะพยายามปรับให้เข้ากับกำหนดการของเราครับ”

“บทบาทรองงั้นเหรอคะ?”

“ใช่ครับ เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดและเพื่อแสดงความจริงใจของเราด้วย”

นักเขียนลีวอลซอนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สลับสายตาไปมาระหว่างชเวซองกุนและคังวูจิน ผ่านไปสักพัก เธอก็ขออะไรบางอย่างจากทีมงานฝ่ายผลิตที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอ และรับกองกระดาษมา มันเป็นบทตอนหนึ่งของ 'รักน้ำค้างแข็ง'

“งั้นบทบาทนี้เป็นไงคะ? ในแง่ของจำนวนการถ่ายทำ มันใช้เวลามากที่สุดแค่หนึ่งหรือสองวันเท่านั้นเอง”

เธอส่งมอบบทให้กับกับคังวูจินพร้อมกล่าวว่า

“มันเป็นบทบาทของ 'ชายลึกลับข้างบ้าน' ค่ะ”

ในขณะที่แสร้งทำเป็นรับบทมา คังวูจินก็แอบจิ้มสี่เหลี่ยมสีดำข้างบท

-ปุ้บ!

เขามาถึงมิติว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเขาจะอ้างว่าได้อ่านบททั้งหมดแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้อ่านจนหมด จึงจำเป็นต้องขอดูก่อน

"ไหนขอดูหน่อยซิ-"

จากรายชื่อ วูจินเลือก 'รักน้ำค้างแข็ง' ทันใดนั้น ข้อความก็ปรากฏขึ้น

-[คุณได้เลือกบทละคร (ชื่อเรื่อง: รักน้ำค้างแข็ง)]

-[รายชื่อตัวละครสำหรับการอ่าน (ผ่านประสบการณ์)]

-[A: ซงแทฮยอง B: คิมแจมิน C: โดชางซิก… P: ชายลึกลับข้างบ้าน]

เมื่อเห็นเช่นนี้ คังวูจินจึงเลือกบท 'ชายลึกลับข้างบ้าน' ทันใดนั้น เสียงหุ่นยนต์ผู้หญิงที่คุ้นเคยกลับเปล่งเสียงที่แตกต่างจากปกติ

[“ตรวจพบภาษาใหม่นอกเหนือจากภาษาพื้นฐาน ต้องได้รับ 'ภาษามือ' ก่อน”]

"หา?"

มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดเลย

“ฉันโดนเล่นทีเผลอเหรอเนี่ย?”

*****

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด