บทที่ 39 รนหาที่ตาย
“คนพวกนี้คงไปยั่วยุคนที่ไม่สมควรเข้ายุ่งเกี่ยวด้วย ยังไงก็ตาม เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรา พวกเราไปกันต่อเถอะ” เย่วหลวนจับมือเย่วเฟ่ยขณะที่พานางเดินไปข้างนาง
‘ข้าหวังว่าน้องชายเทียนจะเดินไปทิศทางอื่น ข้าไม่อยากให้เขาไปยั่วยุคนที่ก่อเรื่องแบบนี้ขึ้น’ เย่วหลวนคิดในใจ
หลงเฉินยังคงเผชิญหน้ากับการต่อสู้ต่างๆมากมาย กระทั่งได้พบกับสัตว์อสูรระดับจิตวิญญาณขั้น 8 แต่เขาก็สามารถสังหารพวกมันได้ทั้งหมด และอีกวันหนึ่งก็ผ่านไป แล้วยามราตรีก็มาถึง
“ผ่านมา 2 วันแล้ว แต่ข้าก็ยังไม่พบเบาะแสของหลงชูแม้แต่น้อย ข้าไม่คิดเลยว่าป่าแห่งนี้จะกว้างใหญ่ขนาดนี้” หลงเฉินพูดกับตัวเองขณะมองขึ้นไปบนท้องฟ้า และกระจายสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองจนถึงขีดจำกัด เมื่อเห็นว่าพื้นที่รอบตัวปลอดภัย เขาจึงตัดสินใจที่จะพักผ่อนที่นี่
“มันคงจะดีไม่น้อยถ้าข้ามีค่ายอาคมประเภทเตือนภัยแบบนั้น ข้าน่าจะถามผู้อาวุโสหยางว่าเขามีสมบัติแบบนั้นอยู่ในหอสมบัติหรือไม่ก่อนออกเดินทาง” เขาพูดพึมพำกับตัวเอง
‘แต่ก็ยังดีที่ข้าเตรียมบางอย่างก่อนที่จะมาที่นี่’ หลงเฉินยิ้มขณะที่คิดอยู่ในใจ
หลงเฉินตัดสินใจว่ามันถึงเวลาแล้วที่เขาจะใช้กลอุบายเล็กน้อย เขาเลือกต้นไม้สูงสองต้นที่อยู่ใกล้ และนำเปลญวนออกมาจากแหวนมิติที่เขาขอให้คนรับใช้หามาให้ก่อนออกเดินทาง
“ปีกปีศาจสวรรค์!”
เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลากลางคืนและหลงเฉินรู้ว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ เขาเลยใช้ทักษะปีกปีศาจสวรรค์บินขึ้นไปข้างบน แต่ไม่สูงมากนัก จากนั้นเขาก็ผูกเปลญวนทั้งสองข้างไว้บนต้นไม้สูงสองต้น เพื่อไม่ให้ใครเห็นเขาในตอนเช้า
“ฮ่าฮ่าฮ่า มันช่างนอนสบายจริงๆ และข้าหวังว่าคืนนี้ฝนจะไม่ตก” หลงเฉินพูดกับตัวเอง ขณะที่เขานอนบนเปลญวนและเผลอหลับไป
‘อืมมมมมม...ถ้าหนวกหูแบบนี้ข้าจะนอนหลับได้ยังไง’
ดวงอาทิตย์ยังคงส่องแสงอยู่บนฟ้า เมื่อหลงเฉินถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงบางอย่างจากเบื้องล่าง เขาลุกขึ้นและก้มมองลงไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นข้างล่างนั่น? มีชาย 5 คนกำลังล้อมผู้หญิง 2 คน? พวกมันดูไม่เหมือนโจร” หลงเฉินพึมพำกับตัวเองขณะมองลงไปดูข้างล่าง
เขาเห็นหญิงสาวอายุประมาณ 20-25 ปี 2 คนกำลังถูกชายวัยกลางคน 5 คนล้อม หญิงสาวทั้งสองคนสวมเสื้อผ้าธรรมดา บางทีพวกนางอาจมาจากครอบครัวธรรมดา ขณะที่ชายวัยกลางคน 5 คนสวมชุดคล้ายกัน
“น่าสนใจดี ผู้หญิงสองคนนั้นอยู่ระดับก่อจิตวิญญาณขั้น 2 ในขณะที่พวกมัน 5 คนนั้นมี 1 คนอยู่ระดับก่อจิตวิญญาณขั้น 4 ส่วนอีก 4 คนอยู่ระดับก่อจิตวิญญาณขั้น 3”
“พวกเจ้าสองคน! หยุดทำให้พี่ใหญ่ฉุนหัวเสียมากไปกว่านี้ได้แล้ว เขาบอกว่าต้องการเจ้าตั้งแต่ที่เห็นเจ้าในป่าแห่งนี้ ทำไมพวกเจ้าต้องวิ่งหนีพวกข้าด้วย?” หนึ่งในห้าคนกล่าว
“ใช่แล้ว อย่าขัดขืนและมากับพวกข้าแต่โดยดี” อีกคนกล่าว
“พวกเจ้าควรรู้ว่าพี่ใหญ่ฉุนของเราเป็นบุตรชายของผู้นำตระกูลฟู่ ซึ่งเป็น 1 ใน 10 ตระกูลอันดับต้นๆของดินแดนทางตอนเหนือของเมืองมังกร หญิงสาวหลายคนเหมือนกับพวกเจ้าต่างอ้อนวอนพี่ใหญ่ฉุนของพวกข้าเป็นประจำทุกวัน เพื่อให้ได้หลับนอนกับเขาหนึ่งคืน มันเป็นเรื่องโชคดีของพวกเจ้ามากที่เขาให้ความสนใจพวกเจ้าทั้งสองคน!” คนที่อยู่ในระดับก่อจิตวิญญาณขั้นที่ 4 กล่าว
“ไม่มีวัน! ข้ายอมตายดีกว่า ข้าจะไม่ยอมให้ข้าและน้องสาวของข้ากลายเป็นของเล่นของฟู่ฉุน ทุกคนในดินแดนทางตอนเหนือรู้จักพี่ใหญ่ฉุนของพวกเจ้าดี รวมถึงความชั่วร้ายของเขา!”
“สาวน้อย ที่พวกข้าพูดคุยกับเจ้าดีๆจนถึงตอนนี้ เพราะพวกข้าไม่อยากทำให้เจ้าได้รับบาดเจ็บก่อนที่พี่ใหญ่ฉุนจะเล่นกับเจ้า อย่าบังคับให้พวกข้าต้องใช้ความรุนแรงจะดีกว่า” หนึ่งในห้าคนกล่าว
“ใช่แล้ว อย่าคิดว่าจะมีใครช่วยพวกเจ้าได้ มันไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งเรื่องของตระกูลฟู่ของพวกเรา”
“โอ้ อย่างนั้นหรือ?” ขณะที่พวกมันกำลังพูดจาโอ้อวดก็มีเสียงของใครบางคนดังขึ้น พวกมันต่างหันไปมองรอบๆ แต่ก็ไม่เจอใคร
“เจ้าเป็นใคร? อย่าพยายามทำตัวเป็นวีรบุรุษ มิฉะนั้นเจ้าจะตายโดยไม่มีหลุมศพ!” หัวหน้าของทั้งห้าคนกล่าว
“ตระกูลฟู่แห่งดินแดนทางตอนเหนือ? ไม่ใช่ว่าตระกูลฟู่เป็นแค่ตระกูลชั้นสาม แม้แต่ในดินแดนทางตอนเหนือย่างนั้นรึ? หากพูดถึงภาพรวมของเมืองมังกรทั้งหมด ตระกูลฟู่ยังไม่ติด 1 ใน 100 เลยด้วยซ้ำ ข้าไม่คิดเลยว่าพวกเจ้าจะกล้าพูดจาโอ้อวดเรื่องแบบนั้นออกมาอย่างภาคภูมิใจ” หลงเฉินกล่าวจากด้านบน
“โอ้ ดูเหมือนจะมีคนกล้าพูดถึงตระกูลฟู่ของข้าแบบนั้น?” ชายหน้าตาธรรมดาคนหนึ่งเดินออกมาจากบริเวณใกล้เคียงด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ เขาเป็นชายที่มีอายุประมาณ 20-25 ปี สวมเสื้อคลุมสีดำและมีใบหน้าที่ค่อนข้างธรรมดา
“พี่ใหญ่ฉุน!” ชายทั้งห้าคนกล่าวทักทายฟู่ฉุน ขณะที่พวกมันยังคงล้อมรอบหญิงสาวทั้งสองคนนั้น
‘ระดับก่อจิตวิญญาณขั้น 5? ข้าคิดว่าเขาน่าจะแข็งแกร่งกว่านี้อีกสักหน่อย’ หลงเฉินคิดอยู่ในใจ ขณะมองไปที่ฟู่ฉุน
“สหายคนนี้! ในเมื่อเจ้ามีเรื่องมากมายที่อยากจะพูดเกี่ยวกับตระกูลฟู่ของข้า ทำไมเจ้าไม่ปรากฏตัวออกมาแทนที่จะซ่อนตัวล่ะ? ข้าสัญญาณว่าจะตัดแค่ขาสองข้างและลิ้นของเจ้าเท่านั้น” ฟู่ฉุนพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
“แต่ถ้าเจ้าไม่ออกมา เช่นนั้นข้าจะไปหาเจ้าเอง และข้าสัญญาณว่าหากเป็นเช่นนั้นจุดจบของเจ้าคงเลวร้ายอย่างแน่นอน แม้แต่ครอบครัวของเจ้าก็จะถูกฝังไปพร้อมกับเจ้า!”
“ตัดขาสองข้าง? ก็ได้ เช่นนั้นข้าขอดูหน่อยว่าเจ้าจะทำแบบนั้นได้ยังไง” หลงเฉินกล่าวขณะที่เขากระโดดลงมาจากต้นไม้ และปรากฏตัวอยู่ระหว่างหญิงสาวสองคนกับชายวัยกลางคนห้าคน
เขาเก็บเปลญวนไว้ในแหวนมิติของเขาแล้วขณะที่เขากระโดดลงไป
“เจ้าหนู! เจ้ากล้ามากที่พูดจาไม่ดีเกี่ยวกับตระกูลฟู่ต่อหน้าพี่ใหญ่ฉุน! เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!” หนึ่งในสี่ที่อยู่ในระดับก่อจิตวิญญาณขั้น 3 กล่าว เขารู้สึกโกรธมากจนไม่ได้สังเกตเห็นเสื้อผ้าของหลงเฉินขณะที่พูด แต่ทันทีที่เขาพูดแบบนั้นออกมา สีหน้าของเขาก็กลายเป็นซีดขาว
“ห...ห...ห...ตระกูลหลง!!!” เขาคุกเข่าลงกับพื้นทันที เมื่อตระหนักว่าใครกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา มันอาจไม่มีใครในอาณาจักรที่ไม่รู้จักตราสัญลักษณ์ของตระกูลหลงและเสื้อผ้าของตระกูลหลง ซึ่งเป็น 1 ใน 3 สุดยอดตระกูลของอาณาจักร!
ฟู่ฉุนเองก็อ้าปากค้างเมื่อเห็นเช่นนั้น ขณะเดียวกันใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
‘ข...ข้าเพิ่งพูดข่มขู่คนจากตระกูลหลงว่าจะตัดขาของเขาสองข้าง! อีกทั้งข้ายังพูดว่าจะฝังศพของเขาพร้อมกับครอบครัวของเขาด้วย!’ ฟู่ฉุนอยากจะร้องไห้ แต่กลับไม่มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเขา