บทที่ 37 เจอกันวันมะรืน!
บทที่ 37 เจอกันวันมะรืน!
ณ บ้านตระกูลเจียง เมืองเกียวโต
เจียงหยูเอ๋อในชุดนอนตัวโคร่ง นั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยความขุ่นเคือง นิ้วเรียวเคาะแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว โต้เถียงกับพวกนักเลงคีย์บอร์ดอย่างดุเดือด
กระแสวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์กำลังพุ่งเป้าไปที่เสวี่ยโจวกล่าวหาว่าเขาขโมยผลงานเพลงคนอื่น เนื่องจากเจียงหยูเอ๋อเป็นคนแนะนำเพลง "เสียดายที่ไม่ใช่เธอ" เป็นคนแรก และมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด เธอจึงพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย
คอมเมนต์มากมายหลั่งไหลเข้ามาในวิดีโอของเธอ ทั้งถากถางเสียดสี กระทั้งตั้งคำถามถึงมโนธรรมของเธอที่สนับสนุนเพลงที่ถูกกล่าวหาว่าลอกเลียนแบบ
เจียงหยูเอ๋อทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจถ่ายวิดีโอชี้แจงแล้วโพสต์ลงสื่อทันที
ขณะนี้ประเด็น "เสวี่ยโจวลอกเพลง" กำลังเป็นกระแสสังคม เมื่อเจียงหยูเอ๋อโพสต์วิดีโอออกไป มันจึงได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม จนขึ้นหน้าแรกของเว็บไซต์ในเวลาอันรวดเร็ว
ยอดวิวของวิดีโอพุ่งทะลุล้านภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง กลายเป็นวิดีโอที่มียอดวิวสูงที่สุดของเจียงหยูเอ๋อ
ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ค่อยหลับค่อยนอน ใช้ชีวิตอยู่บนโลกออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ แน่นอนว่าแฟนคลับของซูชิงเหม่ยก็มีส่วนสำคัญในการผลักดันยอดวิวให้พุ่งสูงขึ้น
แฟนคลับของนักร้องดาวรุ่งย่อมมีจำนวนมหาศาล เมื่อไอดอลของพวกเขาถูกพาดพิงโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เหล่าแฟนคลับย่อมไม่มีที่ระบายความโกรธ เมื่อเห็นคลิปวีดีโอของเงือกสาวนักร้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ พวกเขาก็แห่กันเข้ามาดูทันที
ความคิดเห็นของผู้ชมแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย บางคนสนับสนุนเจียงหยูเอ๋อ คิดว่าพวกนักเลงคีย์บอร์ดนั้นไร้สาระสิ้นดี กล่าวหาคนอื่นลอย ๆ โดยไม่มีหลักฐาน ส่วนพวกที่ตามกระแสก็ยิ่งไร้สาระ โดนคนอื่นใช้เป็นเครื่องมือโดยไม่รู้ตัว
อีกฝ่ายหนึ่งกลับโทษว่าเสวี่ยโจวเป็นต้นเหตุทำให้ซูชิงเหม่ยเดือดร้อน พวกเขาระบายความโกรธด้วยการด่าทอเสวี่ยโจวในวิดีโออื่น ๆ พอเห็นเจียงหยูเอ๋อโผล่มา ก็หันมาโจมตีเธอด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าคนประเภทนี้มีอยู่ไม่มาก แฟนคลับของซูชิงเหม่ยส่วนใหญ่มีเหตุผล พวกเขารู้ดีว่าเพลงของเสวี่ยโจวช่วยให้ซูชิงเหม่ยได้อันดับหนึ่ง จึงไม่คิดจะตอบแทนน้ำใจด้วยการทำลายชื่อเสียง
ทว่าคนทั่วไปกลับมองต่างออกไป เรื่องนักร้องมือสมัครเล่นลอกเลียนผลงานอาจเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เมื่อมีส่วนเกี่ยวข้องกับซูชิงเหม่ย มันก็กลายเป็นเรื่องใหญ่โตในทันที!
"ซูชิงเหม่ยมีข่าวฉาวเรื่องถือตัวบ้าอำนาจ เป็นชู้ แล้วยังสนับสนุนผลงานลอกเลียนแบบอีก ฮ่าฮ่า นี่เธอกำลังพยายามทำลายอาชีพตัวเองหรอ?"
"เสวี่ยโจวเป็นไอ้ขี้ก๊อป ส่วนซูชิงเหม่ยก็ร้องเพลงที่ลอกคนอื่นมา คู่นี้ดูเหมาะสมกันดีนะ"
"นั่นสิ แล้วเงือกสาวนักร้องจะทำยังไล่ะทีนี้? เธอเป็นแฟนคลับเบอร์หนึ่งของนักลอกเพลงคนนี้นี่นา!"
คนที่ถูกพาไปตามกระแสมักจะไร้สมอง คำพูดของพวกเขาล้วนหยาบคายและรุนแรง เจียงหยูเอ๋อโกรธจนหน้าซีด คว้าคีย์บอร์ดขึ้นมาโต้ตอบคนพวกนั้นทันที
เธอตอบโต้ด้วยการด่าทอถึงครอบครัวและวงศ์ตระกูลสิบแปดรุ่นของพวกเขา แต่จุดสำคัญที่สุดยังคงเป็นประโยคสั้นๆ
"เจอกันวันมะรืน!"
เสวี่ยโจวได้ประกาศไว้แล้วว่าวันมะรืนนี้จะปล่อยเพลงใหม่ออกมา เป็นผลงานลอกเลียนแบบหรือไม่เดี๋ยวก็จะได้เห็นกัน!
ขนาดนั้น "ราชาคีย์บอร์ด" ก็โผล่มาอีกครั้ง และเริ่มปะทะคารมกับเจียงหยูเอ๋อทันที:
"เธออย่าลืมนะ ถ้าวันมะรืนนี้เพลงของเสวี่ยโจวห่วย และถูกพิสูจน์ว่าก๊อปคนอื่นจริง เธอต้องทำวิดีโอขอโทษด้วย!"
เจียงหยูเอ๋อเห็นคอมเมนต์นี้ก็เดือดดานขึ้นมา และตอบกลับไปทันควัน:
"ถ้าเพลงใหม่ของเสวี่ยโจวห่วยแตก ฉันจะไลฟ์สดยืนเอาหัวลงสระผมด้วยโค้กเลย!"
ราชาคีย์บอร์ด: "เยี่ยม! จำคำพูดตัวเองไว้ให้ดีล่ะ!"
เจียงหยูเอ๋อ: "แล้วถ้าเพลงใหม่ของเสวี่ยโจวยอดเยี่ยมเหมือนเดิมล่ะ นายจะทำยังไง?"
ราชาคีย์บอร์ด: "ฉันจะไลฟ์สดคุกเข่าขอโทษ!"
เจียงหยูเอ๋อ: "ตกลงตามนี้! ฉันจะพูดจริงทำจริง!"
ราชาคีย์บอร์ด: "ตามนั้น!!"
บนแพลตฟอร์มมือสมัครเล่น ประเด็นการลอกเลียนผลงานของเสวี่ยโจวยังคงจำกัดอยู่แค่การโต้เถียงและการท้าทายกันระหว่างวิดีโอครีเอเตอร์ที่มียอดวิวนับล้าน
แต่บนเว่ยป๋อและเว็บไซต์บันเทิงอื่น ๆ ความร้อนแรงของประเด็น "ซูชิงเหม่ยร้องเพลงที่ลอกเลียนแบบ" กลับร้อนแรงจนแซงหน้ากระแสรายการ "I Am a Singer" ที่เพิ่งออกอากาศไปแล้ว
เฉินจิ้ง ผู้อำนวยฝ่ายดนตรีของเทียนหยุนเอนเตอร์เทนเมนท์ รีบโทรหาจางหง
"จางหง เรื่องนี้มันยังไงกันแน่?"
จางหงตอบด้วยความจนใจ "ผู้อำนวยการเฉิน มันชัดเจนว่ามีคนจ้างกองทัพน้ำมาปั่นกระแสทำลายชื่อเสียงทำลายชื่อเสียงชิงเหม่ย เพลงนั้นไม่ได้ลอกเลียนแบบจริงๆ นะคะ!"
เฉินจิ้งเองก็รู้สึกอึดอัดใจ "ผมฟังออกว่าเพลงนี้ไม่ได้ลอกเลียนแบบ แต่ตอนนี้ข่าวลือแพร่ไปทั่วอินเทอร์เน็ตแล้ว ถ้าพวกคุณไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน บริษัทก็ลำบาก…. แล้วชิงเหม่ยล่ะ เธออยู่ไหน?"
จางหงตอบ "เธออยู่ที่บ้าน หลับไปแล้วค่ะ"
เฉินจิ้งเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ "นี่เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เธอยังกลับได้อีกเหรอ?"
จางหงขึ้นเสียงด้วยความหงุดหงิด "แล้วจะให้ทำยังไงล่ะคะ? คนอื่นใส่ร้ายเรา แล้วเราต้องโมโหจนนอนไม่หลับด้วยเหรอ? ทำไมต้องเป็นแบบนั้นด้วย?"
เฉินจอ้งถอนหายใจยาว "คุณใจเย็น ๆ ก่อน ผมก็แค่เป็นห่วง ผมเพิ่งเข้าไปดูในแพลตฟอร์มมือสมัครเล่นมา เสวี่ยโจวเหมือนจะบอกว่าวันศุกร์นี้เขาจะปล่อยเพลงใหม่ คุณรีบติดต่อเขาหน่อยนะ ถ้าเป็นไปได้ก็ให้เขาส่งเพลงใหม่มาให้ผมฟังก่อน ถ้าไม่ดี ผมจะหาเพลงให้แล้วบอกว่าเป็นเพลงที่เขาแต่ง"
"ไม่ได้นะคะ" จางหงคัดค้านทันที "แบบนั้นมันไม่เท่ากับว่าเรายอมรับว่าลอกเพลงคนอื่นมาจริงๆ หรือคะ?"
เฉินจิ้งตอบ "ก็มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว! เสวี่ยโจวเป็นแค่นักร้องสมัครเล่น อาจจะแค่โชคดีที่แต่งเพลง 'เสียดายที่ไม่ใช่เธอ' ออกมาได้ คุณคิดว่าเขาจะสามารถแต่งเพลงที่มีคุณภาพเท่ากันในเวลาสั้น ๆ ได้จริงเหรอ?"
จางหงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยเสียงเบา "ฉันจะลองติดต่อเขาดูค่ะ"
หลังจากวางสาย จางหงก็เดินวนไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะตัดสินใจส่งข้อความส่วนตัวไปหาเสวี่ยโจวในแพลตฟอร์มมือสมัครเล่น:
"สวัสดีค่ะ อาจารย์เสวี่ยโจว ฉันคือผู้จัดการของซูชิงเหม่ย คุณยืนยันว่าจะปล่อยเพลงใหม่วันศุกร์นี้ใช่ไหมคะ? สามารถส่งมาให้พวกเราฟังก่อนได้ไหม? ถ้าจำเป็น พวกเรามีเพลงใหม่ที่ดีและสามารถให้คุณนำไปใช้ได้นะคะ"
เวลาผ่านไปนานพอสมควร แต่เสวี่ยโจวก็ยังไม่มีการตอบกลับ
จางหงนั่งลงและถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
'แบบนี้ก็ดีแล้ว' เธอคิด 'จะได้ตอบบริษัทไปว่าเสวี่ยโจวไม่ต้องการร่วมมือในการโกหก
จางหงยังคงยึดมั่นในจรรยาบรรณของตัวเอง ถึงแม้เสวี่ยโจวจะไม่ได้ลอกเลียนผลงานใครจริง ๆ แต่ถ้าบริษัทให้เพลงเขาแล้วให้เขาอ้างว่าเป็นผลงานของเขา นั่นต่างหากที่จะเป็นการลอกเลียนแบบอย่างแท้จริง
"ใครกันนะที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้?"
จางหงเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะกดโทรออกอีกครั้ง
เช้าวันถัดมา
หลินโจวตื่นแต่เช้า ยืดเส้นยืดสายอย่างผ่อนคลาย แม้เมื่อคืนจะนอนดึกแต่เขาหลับสนิทเป็นพิเศษ ทำให้รู้สึกสดชื่นเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเรียบร้อย เขาก็มองนาฬิกา เห็นว่าเป็นเวลาแปดโมงเช้าแล้ว
วันนี้ซูชิงเหม่ยไม่มีตารางงาน เธอจึงสามารถนอนตื่นสายได้ หลินโจวจึงไม่ได้ปลุกเธอ
อย่างไรก็ตาม เสียงเปิดประตูดังขึ้นจากชั้นสอง บ่งบอกว่าซูชิงเหม่ยตื่นแล้ว
เสียงฝีเท้าดังตุบ ๆ ซูชิงเหม่ยก้าวลงบันไดมา เมื่อเห็นหลินโจวยืนอยู่ข้างล่าง เธอชะงักเล็กน้อยก่อนจะเลื่อนปอยผมไปทัดที่หลังใบหู:
"อรุณสวัสดิ์ค่ะ"
วันนี้ซูชิงเหม่ยสวมเสื้อสเวตเตอร์ตัวโคร่งกับกางเกงยีนส์ ผมยาวถูกรวบเป็นมวย ดูสบาย ๆ เป็นลุคแบบอยู่บ้าน
ภาพตรงหน้าชวนให้นึกถึงภรรยาที่ตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมอาหารเช้าให้ครอบครัว
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงจินตนาการเท่านั้น
เพราะฝีมือการทำอาหารของซูชิงเหม่ยนั้นแทบจะเรียกว่าหายนะ หวังให้เธอทำอาหารเช้า สู้รอทานอาหารเที่ยงเลยยังจะดีกว่า
"อรุณสวัสดิ์ครับ คุณไปล้างหน้าล้างตาก่อน เดี๋ยวอาหารเช้าก็เสร็จแล้ว" หลินโจวกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
เขารู้จักนิสัยการใช้ชีวิตของซูชิงเหม่ยดี หากไม่มีงาน เธอจะตื่นมาทานอาหารเช้าแล้วเริ่มฝึกซ้อมร้องเพลง จากนั้นทานอาหารเที่ยงแล้วก็กลับไปซ้อมร้องต่อ ทานอาหารเย็นเสร็จก็ยังคงฝึกซ้อมอีก
ผู้หญิงคนนี้อาจดูเป็นดั่งเทพธิดาในสายตาคนทั่วไป แต่จริง ๆ แล้วเธอเป็นเพียงสาวอินโทรเวิร์ต ที่ไม่ค่อยชอบออกไปไหน หรือ ช้อปปิ้งเสื้อผ้าแฟชั่นแบบที่ผู้หญิงส่วนใหญ่เขาทำกัน
น่าเสียดายรูปร่างของเธอจริงๆ
หลินโจวเตรียมอาหารเช้าเสร็จอย่างรวดเร็ว พอดีกับที่ซูชิงเหม่ยล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อย ทั้งสองนั่งลงที่โต๊ะอาหารเพื่อทานอาหารเช้าด้วยกัน
บรรยากาศเงียบสงบ ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรมากนัก ขณะที่กำลังทานอาหาร ซูชิงเหม่ยก็หยิบมือถือขึ้นมาดู ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป ซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด
หลินโจวสังเกตเห็นความผิดปกติ จึงเอ่ยถามว่า "มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?"
ซูชิงเหม่ยเงยหน้าขึ้นมองเขา ใบหน้าของเธอยังคงซีดขาว หลินโจวจึงรีบเข้าไปดูหน้าจอโทรศัพท์ของเธอ และแล้วเขาก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น